แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 565

คนที่ยืนอยู่หน้าประตู เป็นชาวไร่และอาจารย์ที่ซ่งฉงปิงให้คนไปหามา

ต้องยอมรับว่า ประสิทธิภาพในการทำงานของคนจวนอ๋องถือว่าเร็วมาก

อาจารย์และชาวไร่ได้เห็นซ่งฉงปิง ก็รีบคุกเข่าอย่างระมัดระวัง

สำหรับพวกเขาสองคน ผู้มีอำนาจโดยเฉพาะผู้มีอำนาจในราชวงศ์เป็นคนที่อยู่ห่างจากพวกเขามาก ตอนนี้จะทำงานให้ผู้มีอำนาจแล้ว พวกเขาก็กังวลมาก

หลังจากซ่งฉงปิงให้สองคนลุกขึ้นมาแล้ว ถึงรู้สถานการณ์ของสองคนจากลูกน้องมา

ล้วนมีสถานะทางครอบครัวที่บริสุทธิ์

ที่บ้านของชาวไร่ปลูกยามาตลอด แต่ชาวไร่คนนี้กลับเป็นลูกจ้างระยะยาวในเมืองหลวง

เนื่องจากพ่อค้าค้ายาที่ปลูกยาในชานเมืองเมื่อก่อนนั้น ย้ายไปที่ทิศใต้ตั้งแต่สิบปีที่แล้ว และชาวไร่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตามไปทิศใต้ด้วยกัน และไม่มีนาด้วย ก็มีแต่ต้องเป็นลูกจ้างระยะยาว

ส่วนอาจารย์คนนั้น ปีนี้สี่สิบปีพอดี ความสามารถก็ใช้ได้ เดิมทีปีนั้นจะสอบติดราชการ แต่เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุขาหักกลายเป็นคนพิการ เลยถูกลบชื่อไป ชีวิตค่อนข้างจะยากจน ปกติทำมาหากินโดยการเขียนจดหมายแทนผู้อื่นและลอกหนังสือ

หลายปีนี้ถือว่าไม่มีชื่อเสียงอะไรแถมยังสอบต่อไม่ได้ด้วย แต่ในระหว่างที่บอกหนังสือก็ได้อ่านหนังสือมาเยอะ ความสามารถถือว่ามีการยกระดับ

ซ่งฉงปิงได้เซ็นสัญญากับสองคนนี้ด้วย เป็นสัญญาห้าปีเช่นกัน มีวันหยุดและโบนัสต่างๆ ส่วนอีกห้าปีจะต่อสัญญาหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง

จากนั้น ซ่งฉงปิงก็แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งในจวนของหมู่บ้านออกมา แล้วทุบกำแพงทำประตูใหม่ นำมาเป็นสำนักเรียน

นี้ล้วนปฏิบัติง่ายๆ ชาวบ้านของหมู่บ้านชิงเหอมีหลายคนทำงานไม้เป็น ถึงแม้ไม่ค่อยถนัด แต่สำหรับพวกเขา ทำเก้าอี้และโต๊ะล้วนไม่ยากเลย

ดังนั้นไม่ถึงสองวันก็ทำสำนักเรียนเสร็จ พวกเด็กๆก็เข้าไปเรียนโดยตรง

ส่วนการปลูกยานั้น ชาวไร่บอกซ่งฉงปิงว่า สภาพอากาศของเมืองหลวงไม่เหมาะกับปลูกยา เพราะยาที่ทนความหนาวไม่ค่อยได้นั้นมีผลผลิตที่แย่มากในเมืองหลวง

หากอยู่ในทิศใต้ ยาเหล่านั้นจะเก็บผลผลิตได้ปีละสามถึงห้าครั้ง ส่วนถ้าอยู่ในเมืองหลวง น่าจะมีแค่หนึ่งถึงสองครั้ง นี่ก็เป็นสาเหตุที่พ่อค้าค้ายาจะย้ายไปที่ทิศใต้ เพราะว่าทิศใต้ปลูกยาได้ผลดีกว่า

แน่นอนว่า มีที่ทนหนาวไม่ได้ ก็ต้องมีที่ทนหนาวได้ ไม่ว่าที่ไหนล้วนมีตลาดยาที่แตกต่างกัน แค่ว่าปีนั้นชาวไร่คนนั้นเห็นว่าตลาดทิศใต้มีแนวโน้มที่ดีเท่านั้น เพราะยังไงเมืองหลวงก็เป็นศูนย์กลางอำนาจ บางทีอาจมีความไม่ยุติธรรมบางอย่าง

สำหรับคำพูดของชาวไร่ ซ่งฉงปิงก็แค่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร

เมล็ดของนาง แตกต่างกับเมล็ดทั่วไป วัฏจักรการเจริญเติบโตของยาสั้นกว่าเยอะ ความสามารถในการทนหนาวก็ดีตาม ดังนั้นนางเลยไม่กลัวว่ายาจะตาย

ชาวไร่เห็นว่าซ่งฉงปิงตัดสินใจแล้ว รู้สึกโน้มน้าวใจไม่ได้ แถมเขายังจะดูอีกว่าตัวเองจะสามารถรักษายาไว้ได้หรือเปล่า

ปีนั้นอยู่ๆพ่อค้าค้ายาก็ย้ายไป ทำให้เขาไม่มีอะไรทำ มีแต่ต้องไปเป็นลูกจ้างระยะยาว ชีวิตลำบาก

ตอนนี้สามารถอยู่ตามจวิ้นจู่ได้ เห็นกับตาว่าจะมีชีวิตดีๆแล้ว ห้ามให้เรื่องอดีตเกิดขึ้นอีกครั้ง

พอมีความคิดแบบนี้ ชาวไร่ก็ก้มหน้าพาเหล่าชาวบ้านทำการปลูกยา

ไม่ว่าจะเป็นการขุดดิน หว่านเมล็ด หรือยาชนิดต่างกันควรปลูกในที่เย็นหรือที่มีแสงแดดจัดจ้า ชาวไร่ล้วนสอนให้เหล่าชาวบ้าน

ชาวไร่มีความกระตือรือร้น เหล่าชาวบ้านอยากจะตอบแทนบุญคุณของซ่งฉงปิงก็มีความกระตือรือร้นเช่นกัน เพียงไม่กี่วันสั้นๆก็ปลูกยาทั้งหมดเสร็จ

แต่วันที่สามซ่งฉงปิงก็ออกจากหมู่บ้านกลับถึงเมืองหลวง มอบหมู่บ้านชิงเหอให้จางกุ้ยและชาวไร่สองคนดูแล ให้จางกุ้ยเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านชิงเหอ ดูแลชาวบ้านเหล่านั้น

แต่ซ่งฉงปิงคิดไม่ถึงว่า เรื่องแรกที่ตัวเองได้เผชิญหลังจากที่กลับเมืองหลวง ก็คือถูกขอแต่ง

แถมยังมากมายอีกด้วย

แม่สื่อที่เข้าแถวรออยู่หน้าจวนอ๋องนั้นถึงแม้จะแต่งกายต่างกัน แต่ล้วนมีจุดเหมือนกันก็คือแดงจัดๆ ซ่งฉงปิงรู้สึกสงสัยมาก

ในจวนเหมือนไม่มีใครอยู่ในช่วงอายุแต่งงานนะ

คิดไปคิดมา ซ่งฉงปิงก็นึกถึงซ่งจินจือ เลยไม่ได้คิดอะไรมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง