ซ่งฉงปิงได้ยิน อดไม่ได้ที่จะชะงักงัน
ฝ่าบาทต้องการพระราชทานงานแต่งให้จีเหวินจุน?
ขณะที่กำลังงงงวย จีเหวินจุนได้กล่าวอีกว่า “ฝ่าบาทตรัสว่า ได้เลือกคนไว้แล้ว รอหลังจากที่ท่านแม่ข้าเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว ก็จะส่งพระราชโองการ”
ซ่งฉงปิงฟังถึงตรงนี้ คิ้วยิ่งขมวดหนักมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะนางจำได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีเหวินจุนกับเว่ยเจ๋อฉี ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องน่าจะมีความรู้สึกต่อกันนะ
แม้จะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่นางดูออก
แต่ตอนนี้จีเหวินจุนกลับมาบอกว่าฝ่าบาทจะพระราชทานงานแต่งให้ และคนที่จะให้แต่งด้วยนั้นเลือกไว้เรียบร้อยแล้ว
ตามลักษณะนิสัยของฝ่าบาทที่เป็นคนขี้สงสัยขี้ระแวงมาก ฝ่ายที่จะเอามาแต่งงานด้วยไม่มีทางเป็นไปได้คนของตระกูลเว่ยหรอก ถึงอย่างไรตระกูลเว่ยกับจวนอ๋องอี้วก็มีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวดองกัน
เมื่อเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าถูกบีบบังคับให้แยกจากกันแล้วหรือ?
“เจ้า ——คิดอย่างไรหรือ?”ซ่งฉงปิงกล่าวถาม
จีเหวินจุนได้ฟัง เป็นเวลานานก็ไม่ได้เอ่ยตอบ
ตอนซ่งฉงปิงคิดว่าจีเหวินจุนจะไม่กล่าวพูดแล้ว จีเหวินจุนถึงได้กล่าวว่า“ข้า ——ชอบคุณชายห้าของตระกูลเว่ย——”
คำที่จีเหวินจุนกล่าวออกมาซ่งฉงปิงไม่ได้แปลกใจ
นางจากตัวเองจะสัมผัสได้ตั้งนานแล้ว ก็เพราะจีเหวินจุนเติบโตมาที่เขตชายแดนตั้งแต่เด็ก นิสัยเลยค่อนข้างเปิดกว้าง
หยุดไปสักพักหนึ่ง จีเหวินจุนถึงได้กล่าวอย่างต่อเนื่องว่า “แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร อีกอย่างในเมื่อฝ่าบาทพระราชทานงานแต่งให้แล้ว ข้ากับเขาก็ไม่มีความเป็นไปได้อีกแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
ขณะที่กล่าว น้ำเสียงของจีเหวินจุนสะอึกสะอื้นด้วย
เพิ่งจะกล่าวจบ จีเหวินจุนก็เงยหน้ามองไปทางซ่งฉงปิง ดวงตากลมแป๋วคู่นั้นแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า มองแล้วสงสารจับใจเหลือเกิน
ซ่งฉงปิงเห็นจีเหวินจุนเป็นอย่างนี้ อดไม่ได้ที่จะโอบกอดนาง จากนั้นตบที่ไหล่ของนางเบาด้วยความสงสาร
พูดตามความเป็นจริง ตอนนี้เวลานี้ ภายในใจของซ่งฉงปิงคือมีความแปลกประหลาดใจ
นางนึกว่าจีเหวินจุนกับเจ๋อฉีระบายบอกความในใจกันนานแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจนถึงตอนนี้จีเหวินจุนยังไม่รู้ความรู้สึกของทางเว่ยเจ๋อฉี
แต่เรื่องความรู้สึกเป็นเรื่องของคนสองคน ต่อให้ซ่งฉงปิงรู้ ก็ไม่ได้มีความคิดจะเปิดโปงพูด
อีกอย่าง เรื่องเร่งด่วนที่ต้องจัดการในทันทีไม่ใช่มิตรภาพระหว่างทั้งสองคน แต่เป็นการพระราชทานงานแต่งให้ของฝ่าบาท
ตามที่จีเหวินจุนกล่าวมาทั้งหมด หากฝ่าบาทพระราชทานงานแต่งแล้ว ต่อให้ทั้งสองต่างรักกันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
แต่ทั้งสองล้วนเป็นคนที่ตัวเองใส่ใจให้ความสำคัญ นางทนดูไม่ได้หรอกที่จะมองดูฝ่าบาททำให้พวกเขาแยกจากกัน
แต่สถานการณ์ตอนนี้ ยังไม่มีวิธีทางออกที่ดีในการขัดขวางการพระราชทานงานแต่งของฝ่าบาทได้เลย
อย่างไรเสีย ไม่ว่าให้ตระกูลเว่ยขอพระราชโองการพระราชทานงานแต่งนี้ หรือว่าทำลายการพระราชทานงานแต่งนี้ ล้วนไม่มีประโยชน์อะไร
เพราะจวนอ๋องอี้ว ฝ่าบาทไม่มีทางให้จีเหวินจุนแต่งเข้าตระกูลเว่ยหรอก อีกอย่างเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยด้วย
ต่อให้ทำลายการพระราชทานงานแต่งนี้ ย่อมมีครั้งถัดไป
นอกเสียจาก…..
จู่ๆซ่งฉงปิงก็นึกอะไรออก สีหน้าท่าทางเปลี่ยนเล็กน้อย
ตามด้วยตบที่ไหล่ของจีเหวินจุน แล้วกล่าวว่า“เหวินจุน เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล เรื่องนี้จะต้องมีหนทางแก้ไขนะ”
จีเหวินจุนร้องไห้กอดซ่งฉงปิงน้ำตาไหลริน ไม่ได้กล่าวพูดออกมา
เพราะนางเห็นคำพูดของซ่งฉงปิงเป็นเพียงคำปลอบใจตัวเองเท่านั้น
นางในเวลานี้ ไม่เคยคิดเลยว่าซ่งฉงปิงจะมีวิธีแก้ไขจริงๆ และอีกอย่างวิธียัง….น่าตกใจด้วย
ซ่งฉงปิงรู้ว่าคำพูดปลอบประโลมอย่างแผ่วเบามัน
นางเกรงว่าจีเหวินจุนจะปล่อยวางความทุกข์ไม่ได้ นางคลายอ้อมแขนออกจากจีเหวินจุน แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เหวินจุน เจ้าฟังพี่เสี่ยวปิงนะ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องร้อนใจ ต่อให้พระราชทานงานแต่งแล้ว ก็ไม่ได้แต่งงานกันโดยเร็วขนาดนั้น”
กล่าวพูดแล้ว หยุดไปสักพักหนึ่ง ซ่งฉงปิงเลยกล่าวอย่างต่อเนื่องว่า “ถึงเวลานั้น เจ้าก็พยายามยืดระยะเวลาการแต่งงานออก เวลาหนึ่งปี อย่างน้อยยืดออกไปได้หนึ่งปี”
เดิมจีเหวินจุนคิดแค่ว่าซ่งฉงปิงปลอบใจตัวเอง แต่เมื่อเห็นสายตาจริงจังของซ่งฉงปิง จีเหวินจุนเลยอยากจะเชื่อใจโดยปริยาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...