แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 62

ถูกปฏิเสธ ลั่วเสี่ยวปิงกลับไม่มีท่าทีไม่พอใจ เพียงหันไปมองดูเฉินต้าจ้วง

เวลานี้ท่าทีเฉินต้าจ้วงแลดูค่อนข้างเหนื่อยล้า สายตาที่มองดูลั่วเสี่ยวปิงแลดูค่อนข้างรู้สึกผิด

“ข้าพอมีความรู้เรื่องการแพทย์ หากเชื่อใจข้า ให้ข้าเข้าไปดูได้ไหม?” ลั่วเสี่ยวปิงถามขึ้น

ไม่ใช่ว่านางมีน้ำใจ เพียงแต่โรคที่แม้แต่ท่านซุนยังรักษาไม่ได้ นางค่อนข้างแปลกใจ นางค่อนข้างรู้สึกดีต่อแม่ของเฉินต้าจ้วง หากตนเองสามารถรักษาได้ นางก็คาดหวังที่จะสามารถรักษาให้หายได้

ส่วนตาเฉินปฏิเสธสิ่งที่ตนขอเพราะแม่ของเฉินต้าจ้วงนั้นไม่เป็นไร คนสร้างบ้านเป็นใช่ว่าจะมีแต่ตาเฉินเพียงคนเดียว นางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้เขาช่วย

ได้ยินสิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงพูด สายตาจางเอ้อหลางเป็นประกายขึ้นมาก่อน

ก่อนหน้านี้เรื่องที่พี่เสี่ยวปิงเคยช่วยชีวิตเด็กคนนั้นที่เหรินโซ่วถังยังอยู่ในสายตา ช่างน่านับถือยิ่งนัก เขายังอยากที่จะได้เห็นฝีมือทางการแพทย์ของพี่เสี่ยวปิงอีกครั้งจริงๆ

และแล้ว จางเอ้อหลางก็พูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “ฝีมือทางการแพทย์ของพี่เสี่ยวปิงของข้ายอดเยี่ยมอย่างมาก ครั้งก่อนยังช่วยชีวิตเด็กในหมู่บ้านที่ตายแล้วฟื้น”

ลั่วเสี่ยวปิงอึ้ง “......” นางไม่ใช่เทวดาสักหน่อย ช่วยคนตายให้ฟื้นไม่ได้

ส่วนเฉินต้าจ้วงกับตาเฉินกลับมองดูลั่วเสี่ยวปิงอย่างตกตะลึง คนตายยังสามารถช่วยให้ฟื้นขึ้นมาได้? เป็นเทพเทวดาหรือเปล่า?

รู้สึกได้ถึงการมองของทั้งสองคน ลั่วเสี่ยวปิงหันไปมองดูจางเอ้อหลางอย่างเป็นการเตือน แล้วพูดขึ้นว่า “อย่าฟังเขาพูดไปเรื่อย เด็กคนนั้นยังไม่ตาย ข้ารู้พอดีว่าควรรักษายังไง จึงสามารถช่วยเขาไว้ได้”

ถึงแม้ลั่วเสี่ยวปิงจะพูดเช่นนี้ แต่เห็นสายตาแห่งความหวังในแววตาเฉินต้าจ้วงกับตาเฉิน

สามารถช่วยคนได้จริงๆ นั่นก็จะต้องเป็นหมอแน่ๆ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฉินต้าจ้วงรีบหันไปคุกเข่าให้กับลั่วเสี่ยวปิง พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่นาง ขอร้อง ช่วยชีวิตแม่ของข้าด้วย”

เขาเป็นเพียงญาติคนนี้เพียงคนเดียวแล้ว

ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอคนคุกเข่า แต่ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่เคยชินกับอะไรก็คุกเข่าจริงๆ ดังนั้นเมื่อเฉินต้าจ้วงกำลังจะหันมาคุกเข่า ลั่วเสี่ยวปิงก็หลบก่อนแล้ว

“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน” ลั่วเสี่ยวปิงมองดูเฉินต้าจ้วง

“แม่นาง ข้า...” เฉินต้าจ้วงไม่ลุกขึ้นมา ยังอยากพูดอะไรอีก

“ข้าชื่อลั่วเสี่ยวปิง เจ้าเรียกข้าว่าเสี่ยวปิงก็พอ” ลั่วเสี่ยวปิงพูดขึ้น พร้อมหันไปพูดกับเฉินต้าจ้วงว่า “เจ้าไม่ต้องคุกเข่าให้ข้า ข้าไม่รับประกันว่าจะสามารถช่วยแม่เจ้าไว้ได้ ให้ข้าได้ดูแม่ของเจ้าก่อนถึงจะรู้”

นางยังไม่อยากอายุสั้น

และนางก็ไม่สะดวกที่จะไปพยุงเขา ยังไงยุคสมัยนี้ชายหญิงแตะเนื้อต้องตัวกันไม่ได้ หากไปพยุงจริงๆ ไม่แน่ว่าจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดอย่างไม่ควรจะเป็น

จากนั้น เฉินต้าจ้วงได้ยินลั่วเสี่ยวปิงพูดชื่อของตนเองออกมา ก็อึ้งไปทั้งตัว ท่าทีก็แปลกไป

ไม่เพียงเฉินต้าจ้วง แม้แต่สีหน้าตาเฉินก็เปลี่ยนไปอย่างแย่มาก

“เจ้าเป็นคนตระกูลลั่วหมู่บ้านต้าซิง?” ตาเฉินถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ลั่วเสี่ยวปิงมองดูสีหน้าย่ำแย่ของตาเฉินที่เห็นได้ชัดในหัวสมองมีอะไรภาพบางอย่าง กลับไม่รู้ว่าคืออะไร ทำได้เพียงพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าชื่อลั่วเสี่ยวปิง“

ถึงแม้จะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลลั่ว แต่นางนามสกุลลั่วไม่ผิด และใช้นามสกุลนี้มาสองชั่วอายุคน ตอนนี้ก็เป็นอยู่หมู่บ้านต้าซิง

เห็นลั่วเสี่ยวปิงยอมรับ ตาเฉินก็กลายเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมา

“ไสหัวไป” จู่ๆตาเฉินก็เปลี่ยนไปจากท่าทีที่เป็นมิตรในก่อนหน้านี้ ชี้ไปที่หน้าประตู พร้อมพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “หมู่บ้านเฉินเจียของเราไม่ต้อนรับคนนามสกุลลั่ว”

พูดพร้อมถลึงตาใส่หู่จื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “หู่จื่อ ต่อไปอย่าพาคนมาหมู่บ้านเฉินเจียของเราไปเรื่อย ใช่ว่าใครก็มีสิทธิ์เข้ามาที่นี่”

“ขอโทษ ตาเฉิน…” หู่จื่อพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด แล้วก็หันไปมองดูลั่วเสี่ยวปิงอย่างไม่เป็นมิตร พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไปเถอะ หมู่บ้านเฉินเจียไม่ต้อนรับเจ้า”

หู่จื่อพูดพร้อมกับเอาเงินในมือโยนคืนให้กับลั่วเสี่ยวปิง สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

เฉินต้าจ้วงลุกขึ้นมา ท่าทีเงียบขรึม บนใบหน้าที่จริงจังกลับแฝงไปด้วยความลังเล สุดท้ายยังคงเปิดปากพูดกับลั่วเสี่ยวปิงว่า “เจ้าไปเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง