แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 65

ลั่วเสี่ยวปิงมองดูท่าทีจ้าวซื่อที่เหมือนถูกคนอื่นเอาเปรียบ จึงชี้ไปเรื่อยที่คนคนหนึ่งพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้า บอกนางสิว่าเพราะอะไร”

คนที่ถูกลั่วเสี่ยวปิงชี้คนนั้น คือจางเอ้อเก่า

ถึงแม้จางเอ้อเก่าจะเป็นคนตระหนี่ แต่ยังไงก็ไม่เอาเรื่องเงินมาล้อเล่น

และปกติเขาเป็นคนเอ้อระเหยลอยชาย แต่สาเหตุหลักนั่นก็คือเพราะไม่รู้จะทำอะไร ตอนนี้การเก็บเมาโวโวถือเป็นอย่างสบายและง่ายขนาดนี้ จางเอ้อเก่าให้ความสำคัญกับโอกาสที่ได้มีรายได้ในครั้งนี้อยู่แล้ว

เห็นลั่วเสี่ยวปิงชี้มาที่ตนเอง จางเอ้อเก่านิ่งอึ้งก่อน เหมือนคิดไม่ถึงว่าจะชี้มาที่ตนเอง

แต่จางเอ้อเก่าก็ไม่ใช่คนโง่ คิดถึงท่าทีลั่วเสี่ยวปิงที่มีต่อจ้าวซื่อ จางเอ้อเก่าก็มีความตั้งใจที่จะแสดงตัวตน หันไปพูดกับจ้าวซื่ออย่างเย้ยหยันว่า “ลั่วจ้าวซื่อ เมาโวโวมีพิษที่เจ้าเก็บมา แม้แต่หมูก็ไม่กิน เจ้ายังเห็นเป็นของมีค่าหรือ? หากเจ้าเห็นว่ามีค่าจริงงั้นก็เก็บกลับบ้านไปกินเองสิ ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้พวกเราอาจจะมีน้ำใจเผากระดาษเงินไปให้กับเจ้า”

จางเอ้อเก่าพูดออกมาเช่นนี้ คนอื่นต่างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

สีหน้าจ้าวซื่อย่ำแย่อย่างมาก

อะไรคือแม้แต่หมูก็ไม่กินแล้วนางเห็นเป็นของมีค่า? นี่หมายความว่านางสู้ไม่ได้แม้แต่หมูหรือ?

อีกอย่าง จางเอ้อเก่ากล้าพูดสาปแช่งให้นางตาย?

จ้าวซื่อโกรธมาก แต่เมื่อสบกับสายตาจางเอ้อเก่า ก็กลับไม่กล้าเผชิญหน้า

ในหมู่บ้าน คนที่กล้ามีเรื่องกับจางเอ้อเก่ามีไม่มาก และมองดูท่าทีของคนอื่น ต่อให้จ้าวซื่อโง่แค่ไหน ก็รู้ว่าเมาโวโวที่ถูกเลือกออกมาพวกนั้นมีพิษ

หันไปมองดูพวกเมาโวโวที่ถูกเลือกออกมา สีหน้าจ้าวซื่อแลดูเสียดาย

ดูยังไงก็ต่างกันไม่มาก ทำไมถึงมีพิษล่ะ?

จ้าวซื่อค่อนข้างไม่พอใจ ดังนั้นถึงแม้ในใจจะเชื่อแล้วครึ่งหนึ่ง กลับก็ยังอดไม่ได้ที่จะโวยวาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมเจ้าพูดเพียงปากเปล่าก็บอกว่านี่มีพิษ? มีหลักฐานอะไร?”

ไม่ยุติธรรมที่ตนเองเอามาเยอะขนาดนี้ กลับได้เงินไม่ถึงครึ่ง ขาดทุนขนาดไหน?

ยังไงขอเพียงลั่วเสี่ยวปิง ไม่สามารถยืนยันว่าพวกนี้มีพิษ ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหา คงไม่ถึงขั้นให้คนลองทานมั้ง? สายตาจ้าวซื่อเป็นประกาย ในใจกำลังครุ่นคิดว่าจะทำยังไงให้สามารถได้เงินมากกว่านี้

และแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงไม่ให้โอกาสนี้แก่นาง

ไม่รอให้จ้าวซื่อคิดหนทางออก ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดกับทุกคนว่า “วันนี้ ป้ารองของข้าถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ถึงแม้ป้าเฉินกับพี่ต้าหลางช่วยตรวจสอบของที่พวกเจ้าเอามาอยู่ที่นี่ว่าผ่านหรือไม่ แต่ทุกคนมีโอกาสเพียงแค่สามครั้ง หากในเมาโวโวที่เอามาพบว่ามีพิษสามครั้ง ต่อไปเมาโวโวของพวกเจ้า ข้าจะไม่รับ”

การตรวจสอบจะต้องมีอยู่แล้ว แต่หากแยกไม่ออกว่ามีพิษหรือไม่ เอาแต่ที่มีพิษกลับมา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ก็ไม่ควรนิ่งดูดาย

ต้องรู้ว่าหากนำเมาโวโวที่มีพิษมากิน เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้ ไม่มีโอกาสถึงสามครั้ง

ที่ให้โอกาสสามครั้ง ก็เพราะนางไม่อยากแสดงออกถึงความไม่เป็นมิตร เวลานี้จะเสนออะไรออกมายังต้องไตร่ตรอง ให้พวกชาวบ้านได้รู้จักเมาโวโวที่สามารถทานได้ดียิ่งกว่านี้

และแล้ว เมื่อลั่วเสี่ยวปิงพูดออกมาเช่นนี้ สีหน้าพวกชาวบ้านต่างก็ตื่นเต้นกันขึ้นมา

มีโอกาสเพียงสามครั้ง หากไม่มีโอกาสแล้ว เท่ากับเป็นการสูญเสียช่องทางการมีรายได้แล้ว

ดังนั้นพวกชาวบ้านจึงต่างคิดในใจ กลับไปแล้วจะต้องให้คนที่บ้านรู้จักเมาโวโวให้ดี ทุกครั้งก่อนส่งของจะต้องตรวจสอบให้ดีอีกครั้ง จะทำให้เกิดการสูญเสียโอกาสไปไม่ได้

จ้าวซื่อฟังสิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงพูด ก็ยังจะมีแก่ใจครุ่นคิดอะไร เพียงถามขึ้นว่า “งั้นของข้าในครั้งนี้ไม่นับใช่ไหม?”

ลั่วเสี่ยวปิงมองดูจ้าวซื่อ พร้อมพูดขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าว่า “นับ”

“นี่ไม่ยุติธรรม” จ้าวซื่อพูดโวยวายขึ้นว่า “เจ้าสอนพวกเขารู้แล้วว่ามีพิษหรือไม่มีพิษ แต่ไม่ได้สอนพวกเรา”

“หากป้ารองไม่รู้ว่า ทำไมข้าถึงไม่ได้สอนพวกเจ้า ก็กลับไปถามลุงใหญ่ว่าเรื่องเป็นยังไง” พูดเสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงไม่อยากเสียเวลาพูดกับจ้าวซื่ออีก ใช้ให้เอ้อหลางไปสอนจ้าวซื่อแยกเมาโวโว

จากนั้นลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่สนใจจ้าวซื่ออีก เตรียมพร้อมเอาเงิน เอาสมุดบันทึกที่จดเมื่อวานออกมา แล้วก็ให้พวกชาวบ้านต่อแถวรับเมืองทีละคน

หลังจากพวกชาวบ้านได้รับเงินแล้ว ไม่ต้องบอกว่าดีใจมากแค่ไหน ต่างคนต่างพูดขอบคุณลั่วเสี่ยวปิงอย่างที่สุด

เมื่อมีเงินแล้วก็มีแรงกำลัง หลังจากได้เงินแล้ว พวกชาวบ้านก็ขึ้นไปบนเขาอีกอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ

ภายในลาน จางเฉินซื่อกับจางต้าหลางกลับยังคงยุ่งกับการแยกเมาโวโว

ภายในห้อง ฉีเทียนเห้าอยู่กับอานอาน เล่อเล่อ เด็กสองคนทั้งวันแล้ว

เริ่มแรกเป็นเพราะกลัวคนในหมู่บ้านรู้ว่าลั่วเสี่ยวปิงแอบซอนผู้ชายไว้ในห้อง แล้วทำให้เดือดร้อนอย่างไม่มีความจำเป็น ดังนั้นทั้งสามคนจึงมองตากันอยู่ข้างใน ต่างไม่พูดไม่จา

แต่เมื่อเสียงเอะอะข้างนอก สามารถปิดเสียงในบ้านได้ทั้งหมด ฉีเทียนเห้าก็เริ่มปวดหัวแล้ว

เพราะเล่อเล่อถามเขาถึงเรื่องพ่อของนางอยู่ตลอด เขาไม่ได้รู้จักพ่อของพวกเขาจริงๆ แล้วจะให้ตอบว่ายังไง?

ฉีเทียนเห้ารู้สึกว่าตอนที่ตนเองเผชิญหน้ากับทหารม้าเป็นหมื่นพัน ยังไม่อยู่เหนื่อยใจเท่ากับตอนที่เผชิญหน้ากับคำถามของเล่อเล่อ เป็นอีกครั้งที่รู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าลั่วเสี่ยวปิงเป็นหลุม

จากนั้น สายตาฉีเทียนเห้าหันไปมองอานอาน

อานอานขมวดคิ้ว มองดูฉีเทียนเห้าอย่างไม่หวาดกลัว

ฉีเทียนเห้ามองดูสายตาของอานอาน แล้วก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกอีกครั้ง

แต่ความรู้สึกคุ้นเคยนี้กลับถูกฉีเทียนเห้ามองข้ามอีกครั้ง ตอนที่เผชิญหน้ากับอานอาน ในสายตามีความชื่นชมอยู่ไม่น้อย

“อ่านเขียนหนังสือเป็นไหม?” ฉีเทียนเห้าถามขึ้น

สายตาอานอานฉายแววโศกเศร้า เม้นริมฝีปาก ส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็น”

ฉีเทียนเห้าค่อนข้างแปลกใจ

ปกติในครอบครัวคนร่ำรวย อย่างไวก็เริ่มเรียนตอนสามขวบ บ้านคนธรรมดาทั่วไปอย่างน้อยก็เริ่มเรียนตอนเจ็ดขวบ อานอานอ่านเขียนไม่ได้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เดิมเขาก็แค่ถามไปอย่างเฉยๆแค่นั้นเอง

แต่เขาคิดไม่ถึงว่า จะเห็นความเศร้าในสายตาของเด็กคนนี้

เด็กตัวแค่นี้เอง กลับมีใจที่อยากจะร่ำเรียน

เป็นครั้งแรก ที่ฉีเทียนเห้ามีความรู้สึกเสียดาย คนมีความสามารถขึ้นมา

ปรับเปลี่ยนท่าที แล้วฉีเทียนเห้าก็พูดกับอานอานเล่อเล่อว่า “ข้าสอนพวกเจ้าท่องจำพันตัวอักษรก่อน”

อานอานได้ยินเช่นนี้ ก็หันมามองฉีเทียนเห้า ด้วยแววตาเป็นประกาย

เวลานี้ฉีเทียนเห้า รู้สึกว่าตนเองตัดสินใจทำอะไรอย่างถูกต้องที่สุดอย่างบอกไม่ถูก เพียงเพราะ เป็นครั้งแรกที่เด็กน้อยอานอาน มองดูเขาด้วยสายตาแบบนี้

“โลกที่เราอยู่ทุกวันนี้ เดิมทีนั้นเวิ้งว้างอึมครึมเหลืองมอๆ ที่เรียกว่าจักรวาลนั้นไพศาลกว้างใหญ่เวิ้งว้างหาไม่เจอขอบ มีดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ผลัดกันผลุบ ผลัดกันโผล่ อีกดาวดาราดาษรายเรียง” เสียงดั่งแม่เหล็กของฉีเทียนเห้า ค่อยๆอ่านบทความพันตัวอักษร

ฉีเทียนเห้าอ่านหนึ่งประโยค อานอานก็อ่านตามหนึ่งประโยค เริ่มแรกเล่อเล่อยังให้ความสนใจ อ่านตามอาฉีกับพี่ชาย ต่อมารู้สึกเบื่อ จึงไปเล่นคนเดียวอยู่ด้านข้าง

ตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงแอบเข้ามาจากงานที่ยุ่ง สิ่งที่เห็นก็คืออานอานตั้งใจอ่านบทความพันตัวอักษรกับฉีเทียนเห้า ส่วนเล่อเล่อเล่นนิ้วมือตนเองอยู่อีกด้านคนเดียวอย่างว่าง่าย

“แม่” เล่อเล่อเห็นแม่ของตนเองเข้ามา ก็วิ่งไปหาลั่วเสี่ยวปิงอย่างดีใจ

ทางด้านนี้ ฉีเทียนเห้ากับอานอานหันมามองลั่วเสี่ยวปิงพร้อมกัน ท่าทางเหมือนกันอย่างอัศจรรย์ ลั่วเสี่ยวปิงดูเห็นแล้วก็ตกใจ

เมื่อดูแบบนี้ นางพบว่าสายตาอานอานกับฉีเทียนเห้าคล้ายกันอย่างมาก แม้แต่แววตาก็ยังแสดงออกมาเหมือนกัน

เพียงแต่เห็นได้ชัดว่า ก่อนที่ฉีเทียนเห้าจะได้บาดเจ็บถือเป็นผู้ชายหล่อมากคนหนึ่ง ส่วนอานอานตัวเล็กผอม....

“ต็อก” ลั่วเสี่ยวปิงตีหัวตัวเอง

คิดอะไรอยู่? คนสองคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย นางกลับสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ เห็นทีนางคงงานยุ่งจนเลอะเลือนแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง