แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 80

ลั่วเสี่ยวปิงสัมผัสได้ถึงความอริของอานอานที่มีต่อฉีเทียนเห้า ดังนั้นนางจึงมองฉีเทียนเห้าอย่างเห็นใจ

นางรู้ว่า ความปรารถนาของอานอานที่มีต่อพ่อของเขาไม่มากเท่าเล่อเล่อ กระทั่งว่าเกลียดแค้นกับบทบาทพ่อนี้ด้วย

นางเคยคิดหาวิธีเปลี่ยนความคิดของอานอานมาก่อน เพราะถึงนางรู้สึกว่าบทบาทของ'พ่อ'จะไม่ปรากฏในชีวิตของเด็กทั้งสองอีก แต่นางก็ไม่อยากให้เด็กทั้งสองมีความเกลียดชังกับพ่อ

แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็ยอมแพ้ และพ่อของพวกเขาก็หายไปจากชีวิตพวกเขาจริงๆ ที่จริงนางเองก็ไม่สามารถบังคับอานอานให้ให้อภัยพ่อที่ขาดความรับผิดชอบได้ ดังนั้นนางจึงปล่อยไปตามธรรมชาติ

สำหรับตอนนี้ ในเมื่อฉีเทียนเห้าอยากจะกลายเป็น‘พ่อ’ของพวกเขา ฉีเทียนเห้าก็จะต้องแก้ปัญหานี้เอง

นี่เป็นการทดสอบแรกที่‘พ่อ’ควรทำให้สำเร็จ

ลั่วเสี่ยวปิงไม่ยอมรับ ว่าที่จริงในใจนางตอนนี้กำลังรู้สึกสนุกที่ได้เห็นคนอื่นเดือดร้อนอยู่

ก็ไม่ใช่ว่านางไร้น้ำใจ แต่ใครใช้ให้ฉีเทียนเห้าเป็นต้นเหตุของวันนี้เล่า? ดังนั้นเขาก็ควรจะรับผิดชอบ

ลั่วเสี่ยวปิงเก็บความรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของคนอื่น แล้วมองดูเด็กสองคนด้วยสีหน้าจริงจังปนรู้สึกผิดเล็กน้อย

“ที่จริงแล้ว…”

ลั่วเสี่ยวปิงพึ่งจะพูดไปแค่สองคำ แต่อานอานเล่อเล่อก็มองมาที่ลั่วเสี่ยวปิงเป็นตาเดียว

ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกผิดมากในชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ยังบังคับเสียงให้สงบ "อาฉีของพวกเจ้า ก็คือพ่อแท้ๆของพวกเจ้า"

หลังจากที่ลั่วเสี่ยวปิงพูดจบ นางก็ไม่กล้ามองหน้าอานอานหรือเล่อเล่อไปชั่วขณะหนึ่ง และทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบชนิดที่ว่าแม้แต่เข็มตกลงมาก็ยังได้ยิน

เมื่อนางมองไปที่เด็กสองคน นางก็เห็นว่าพวกเขากำลังมองลั่วเสี่ยวปิงอย่างจริงจัง

“ท่านแม่โกหก” เล่อเล่อกล่าวหา “เมื่อสักครู่ท่านแม่ยังบอกว่าอาฉีไม่ใช่ท่านพ่ออยู่เลย”

ในเวลานี้ ดวงตาของเล่อเล่อแดงก่ำและเต็มไปด้วยน้ำตา ดูน่ารักและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน หัวใจของ ลั่วเสี่ยวปิงแทบละลายเมื่อนางมองดวงตาทั้งคู่ และเกือบจะโพล่งความจริงออกมา

แต่ลั่วเสี่ยวปิงก็ยังยับยั้งคำพูดของนางได้ทัน

“เมื่อสักครู่แม่แค่กำลังโกรธพ่อของพวกเจ้า” ลั่วเสี่ยวปิงอธิบาย

เป็นอย่างที่คิดจริงๆ โกหกหนึ่งครั้ง ก็ต้องโกหกมากขึ้นไปอีกเพื่อรักษาเอาไว้

“แม่กับพ่อของเจ้า…เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก แต่หลังจากที่แม่ท้องพวกเจ้า จู่ๆพ่อของพวกเจ้าก็มีธุระต้องจากไป แล้วยังจากไปตั้งห้าปี ดังนั้นแม่จึงโกรธพ่อ ถึงพูดว่าเขาไม่ใช่พ่อของพวกเจ้า”ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกว่าเหตุผลที่นางสร้างขึ้นไปอย่างนั้นยังถูกต้อง ดังนั้นการแสดงออกของนางจึงผ่อนคลายมากขึ้น

ในเวลานี้ฉีเทียนเห้ามองดูลั่วเสี่ยวปิงอย่างเงียบ ๆ

นางในตอนนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อของเด็กๆ?

ไม่รู้ทำไม เมื่อได้ยินหลัวเสี่ยวปิงพูดคำเหล่านี้ ในหัวใจของเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ

เพียงแต่ความรู้สึกนี้แปลกใหม่เกินไป แปลกใหม่จนแม้เขาจะสืบค้นก็ไม่อาจหาสาเหตุได้

ทว่า อานอานกลับถามว่า “แล้วทำไมเขาถึงบอกว่า…เขาเป็นเพื่อนของท่านพ่อ?”

เมื่ออานอานถามลั่วเสี่ยวปิง ก็มองไปที่ฉีเทียนเห้าด้วยแววตาไม่เป็นมิตร

ฉีเทียนเห้า “……” เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าทำไมตนเองถึงกลายเป็นเพื่อนพ่อของพวกเขาได้?

ฉีเทียนเห้าก็มองไปที่ลั่วเสี่ยวปิง เพื่อดูว่าลั่วเสี่ยวปิงจะแต่งเรื่องอย่างไรอีก

ลั่วเสี่ยวปิงตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แต่นางก็คิดหาวิธีจัดการได้อย่างรวดเร็ว “แม่บอกพวกเจ้าแล้วอย่าโกรธนะพ่อของเจ้า… เขาความจำเสื่อม”

เมื่อก่อนนางอ่านนิยายรักมาไม่น้อย ความจำเสื่อมสามารถใช้อ้างได้ตลอด

เหตุผลทั้งหมดที่อธิบายไม่ได้และไม่มีคำอธิบาย สามารถกลบเกลื่อนได้ด้วยความจำเสื่อม

เมื่อได้ยินว่าฉีเทียนเห้าสูญเสียความทรงจำ อานอานและเล่อเล่อก็ไม่ได้ถามฉีเทียนเห้าอีกต่อไป ได้แต่มองไปที่ฉีเทียนเห้า

ห้องก็เงียบลงอีกครั้ง

เป็นเวลานาน เล่อเล่อมองไปที่ฉีเทียนเห้าอย่างสงสารแล้วถามว่า "ท่าน…ความจำเสื่อมจริงๆหรือ?"

ฉีเทียนเห้า“…อืม” สตรีคนนั้นให้เขา ‘ความจำเสื่อม’ แล้วเขาไม่ความจำเสื่อมได้หรือ?

เล่อเล่อ “เช่นนั้น ท่านก็จำข้ากับท่านพี่ไม่ได้?”

ฉีเทียนเห้า “…” ถึงแม้ว่าจะไม่มีการสูญเสียความทรงจำ แต่ตามที่ลั่วเสี่ยวปิงกล่าว ตอนที่พ่อของเด็กๆจากไปพวกเขาก็ยังไม่เกิด ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะจำอะไรไม่ได้ใช่ไหม?

ฉีเทียนเห้าคิดแล้วก็พยักหน้า

หลังจากนั้น เมื่อเห็นฉีเทียนเห้าพยักหน้า เล่อเล่อที่จากเดิมก็มีน้ำตาคลออยู่ในดวงตาแล้ว ก็ร้องไห้ออกมาทันที จ้องมองฉีเทียนเห้าด้วยใบหน้าบวมตุบ “เล่อเล่อเกลียดท่านพ่อ”

เมื่อพูดจบ เล่อเล่อก็ร้องไห้แล้ววิ่งออกไป

และอานอานก็เหลือบมองฉีเทียนเห้าอย่างเย็นชาแล้วไล่ตามเขาออกไป

ฉีเทียนเห้า “……”

อธิบายไม่ถูกว่า การที่ถูกเล่อเล่อเกลียดชังทำให้เขารู้สึกเจ็บในใจเล็กน้อย

แต่ว่า ฉีเทียนเห้าเองก็ไม่มีประสบการณ์ในการโอ๋เด็กผู้หญิง

ด้วยจิตใต้สำนึกฉีเทียนเห้ามองไปที่ลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วเสี่ยวปิงมอบสายตาช่วยตัวเองนะแล้ววิ่งออกไป

นางไม่ลืมว่าบ้านลั่วยังมีคนประสงค์ร้ายเด็กสองคนนี้อยู่ ไม่กล้าปล่อยเด็กสองคนออกไปเอง

ฉีเทียนเห้า “…” ที่แท้ ลั่วเสี่ยวปิงสตรีคนนี้ก็น่าเกลียดมาก

ฉีเทียนเห้ามีอาการปวดหัว และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจที่ได้ช่วยลั่วเสี่ยวปิง และเสียใจกับข้อเสนอให้แต่งงานกันแบบปลอมๆของลั่วเสี่ยวปิง

ปัญหาสองเรื่องสองทาง แต่ต้องทำในเวลาเดียว

ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่จ้าวซื่อกลับมาที่บ้านลั่วแล้ว นางก็เล่าเรื่องที่กระท่อมอีกครั้งแบบตีไข่ใส่นม

“ท่านแม่ ท่านไม่รู้หรอกว่าลั่วเสี่ยวปิงหยิ่งยโสแค่ไหน นางบอกว่าในเมื่อบ้านเป็นของนาง ดังนั้นคนบ้านลั่วเราก็อย่าคิดจะได้อะไรจากบ้านนางสักนิด ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นย่าของนางก็ไม่ได้”

“ปั้ง!” ลั่วเฉินซื่อตบโต๊ะอย่างโกรธจัด

“นังสารเลวใจดำอำมหิต เจ้าคนอกตัญญู ผิดต่อฟ้าแล้ว กล้าทำแบบนี้กับข้าที่เป็นย่า ” ลั่วเฉินซื่อลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเคือง ไป พวกเราไปหานาง ดูสิว่านางจะกล้าไม่ให้ย่าอย่างข้าเข้าอยู่หรือ?

บ้านอิฐเก่าของตระกูลลั่วนั้นใหญ่จริง แต่รองรับคนได้ไม่มาก จึงแออัดมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนในบ้านหลังเก่าของตระกูลลั่วจึงอิจฉาบ้านหลังใหญ่ของลั่วเสี่ยวปิงที่กว้างถึงสองหมู่(*ประมาณ666.67ตารางเมตร)

ถ้าคนในตระกูลลั่วสามารถอาศัยอยู่ได้จริงๆ อยู่คนละห้องแล้วยังมีเหลืออีกใช่หรือไม่?

แต่ว่าก่อนที่ลั่วเฉินซื่อจะออกไป ฟ่านลี่ฮัวก็หยุดนางไว้ก่อน "ท่านแม่ โปรดช้าลงหน่อย"

“เรื่องนี้จะช้าได้อย่างไร?” ลั่วเฉินซื่อจ้องไปที่ฟ่านลี่ฮัว ตอนนี้นางอยากจะยึดบ้านเป็นของตัวเองเดี๋ยวนี้แล้ว จะรอช้าได้ที่ไหนกัน?

“ท่านแม่ บ้านทางนู้นยังไม่ได้สร้างขึ้นมาเลยมิใช่หรือ?พวกเราไปตอนนี้คงจะไม่ดีกระมัง” ฟ่านลี่ฮัวพูด แววตาเฉียบแหลม

นางยอมอยากได้บ้านมาเป็นของตัวเองอยู่แล้ว

แต่เวลานี้ยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่หรือ?

ลั่วเฉินซื่อได้ยิน นางก็มีสีหน้าลังเล “ถ้าไม่ไปตอนนี้ แล้วจะไปตอนไหน?”

“ท่านแม่อีกครึ่งเดือน เหอซิ่งก็จะได้หยุดแล้วมิใช่หรือ รอถึงตอนที่เหอซิ่งกลับมา บ้านก็คงสร้างเสร็จไปแล้ว แล้วพวกเราค่อยไปที่นั่นไม่ดีกว่าหรือ? ถึงเวลานั้นเจ้าเด็กเสี่ยวปิงยังจะกล้าไล่ท่านออกมาอยู่หรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง