แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 81

“ท่านแม่ ตอนนี้คนในครอบครัวล้วนไปอยู่บนเขาแล้ว บ้านของนางนั่นก็ยังสร้างไม่เสร็จ

หากพวกเราไปหานางตอนนี้ บ้านยังสร้างไม่เสร็จถ้าจะไปก็ต้องเสียเงินของตัวเอง อีกอย่างของป่าบนเขาพวกนั้นอาจจะขายไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกเราสู้รอเหอซิ่งกลับมาช่วยพวกเราออกความคิดเห็น ท่านคิดว่าใช่หรือไม่?” ฟ่านลี่ฮัวพูดอย่างกระตือรือร้น

เมื่อลั่วเฉินซื่อได้ยินคำพูดของฟ่านลี่ฮัว รู้สึกว่ามีเหตุผลดี

จากนั้นก็มองไปที่จ้าวซื่อ “ไอ้คนไร้สมอง เกือบทำให้เสียแผนการใหญ่แล้ว ผู้ชายในบ้านจะกลับมากินข้าวกันแล้วยังไม่รีบไปทำกับข้าวอีกรึ?”

ปกติ เรื่องการทำอาหารเป็นหน้าที่ของบ้านสี่ แต่ทว่าเนื่องจากตอนนี้คนในบ้านสี่ถูกส่งไปบนเขา ในบ้านก็เลยเหลือฟ่านลี่ฮัว จ้าวซื่อ ลั่วเฉินซื่อเพียง3คน ดังนั้นเรื่องการทำอาหารก็ต้องตกเป็นหน้าที่ของจ้าวซื่ออยู่แล้ว

จ้าวซื่อเจ็บปวดไปทั้งตัว นางยังคิดที่จะกลับห้องเพื่อที่จะพักผ่อนสักแป๊บ แต่อยู่ๆก็มาโดนด่าและโดนสั่งงานอีก พอเจอแบบนี้ทำให้นางไม่เป็นสุขเลย

แต่จ้าวซื่อก็ไม่กล้าที่จะโต้เถียง อีกอย่างครอบครัวคาดหวังให้ซิ่วฉายของบ้านใหญ่เป็นที่ประจักษ์ ไม่แปลกใจที่นางไม่กล้าบอกให้ฟ่านลี่ฮัวทำอาหาร นางจึงได้แต่กัดฟัน เก็บความรู้สึกไม่เป็นธรรมเก็บไว้เอง แล้วเดินไปยังห้องครัว

สายตาของจ้าวซื่อนั้นฟ่านลี่ฮัวเห็นหมด แต่ทว่าฟ่านลี่ฮัวกลับไม่รู้สึกรู้สึกอะไร อยู่ตระกูลลั่ว เพราะลูกชายของนางทำให้นางได้มีอำนาจไม่น้อยมานานแล้ว

ตอนบ่าย จางเฉินซื่อกับจางต้าหลางที่ดูเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก และยังมีจางซิ่งฮวา จางเสี่ยวเหม่ยต่างก็มากันแล้ว จางเสี่ยวเหม่ยยังนำเสื้อที่นางทำเสร็จเมื่อไม่กี่วันนี้มาด้วย

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเห็นเสื้อที่จางซิ่งฮวาทำมาให้ตัวเองก็รู้สึกประหลาดใจมาก ไม่ได้ต่างจากที่นางคาดหวังเลย

“พี่เสี่ยวปิง เสื้อพวกนี้……” จางซิ่งฮวาดูวิตกกังวล กลัวว่าเสื้อทำออกมาได้ไม่ดี

แท้จริงแล้ว แม้เสื้อสองตัวนี้ต้องใช้เวลามากในการปักลายดอก แต่ก็เป็นเพียงเสื้อผ้าเด็กน้อยจึงใช้เวลาในการทำไม่นานนัก นางเกรงว่าจะทำออกมาไม่ดี จึงเสร็จล่าช้าไป

แม้กระนั้น นางก็ยังไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ดังนั้นนางมองดูสายตาของลั่วเสี่ยวปิงด้วยความวิตกกังวล เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเห็นสีหน้าของจางซิ่งฮวา ก็รู้เลยว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

หญิงสาวคนนี้ชั่งไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย

“ซิ่งฮวา เสื้อที่เจ้าทำออกมาดีมาก ข้าดูคนไม่ผิดจริงๆ”นางชื่นชมอย่างไม่ลังเล

แท้จริงแล้ว งานฝีมือของจางซิ่งฮวาทำได้ดีมากๆ ไม่ต่างจากที่นางคาดหวังไว้แม้แต่น้อย

เมื่อจางซิ่งฮวาได้ยิน ก็รู้สึกตื่นเต้น “จริง จริงหรือ?”

ใบหน้าของจางซิ่งฮวาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกาย น่าเอ็นดูมาก

สำหรับจางซิ่งฮวาคำพูดของลั่วเสี่ยวปิงนั้นมีผลกับนางมาก

พี่สะใภ้ของนางแต่งเข้ามา6ปี ตั้งแต่8ขวบนางก็ถูกพี่สะใภ้ดุด่าทั้งต่อหน้าและอย่างลับๆ นางต้องการความถูกยอมรับมากๆ

“จริงสิ เจ้าเก่งมาก”ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้ายืนยัน พร้อมกับเก็บเสื้อผ้าสองตัวนั้นไว้ “พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปในเมืองเพื่อพูดคุยธุรกิจเรื่องเสื้อผ้า ถึงตอนนั้นข้าจะกำหนดราคาให้เจ้า”

“ขอบใจพี่เสี่ยวปิง” จางซิ่งฮวายิ้มแล้ว รอยยิ้มของนางไม่มีความอายเหมือนแต่ก่อน แต่เหมือนอย่างท้องฟ้าสดใสที่ปราศจากหมอกเมฆบดบัง

ณจุดนี้วินาทีนี้ความไม่มั่นใจของจางซิ่งฮวาที่มีต่อตัวเองนั้นหายไปหมดแล้ว

จากนั้นไม่นานนัก ก็มีผู้คนไม่ขาดสายเข้ามาชั่งน้ำหนัก

เห็นได้ชัดเลยว่าของป่าบนเขามีไม่มากเหมือนแต่ก่อนแล้ว ดังนั้นคนที่ลงจากเขาจึงมีสัดส่วนที่ไม่ใหญ่เหมือนแต่ก่อน

แต่กระนั้นลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่มีท่าทีกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เพียงแต่ว่าพวกชาวบ้านที่ลงจากเขาต่างมีความกังวลเล็กน้อย

ในเมื่อพวกเขารู้รสของการทำงานหาเงินแล้ว ใครเล่าจะไม่อยากทำงานหาเงินต่อ?

อย่างไรก็ตามยังมีบางคนที่เมื่อชั่งน้ำหนักเสร็จแล้วก็ไม่ได้จากไปทันที แต่ถามลั่วเสี่ยวปิงว่าบ้านข้างหลังนั้นเป็นบ้านของนางจริงๆหรือ?

ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้ปิดบังความจริง นางยอมรับอย่างเปิดเผย

“ฮะ—เสี่ยวปิง ของแค่นี้ ทำกำไรได้มากขนาดนั้นเลยรึ? เวลาเพียงแค่นี้ เจ้าสร้างบ้านใหญ่ขนาดนั้นได้แล้วรึ?” มีชาวบ้านที่ถามด้วยความสงสัย ในใจก็คิดว่าลั่วเสี่ยวปิงต้องทำเงินจากพวกเขาไปเท่าไหร่แล้วถึงได้สร้างบ้านใหญ่ขนาดนั้นได้?”

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเห็นสีหน้าของคนนั้นแล้วก็รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่นางก็ตั้งใจทำเป็นไม่รู้ แล้วพูดแค่ว่า “ท่านป้าพูดอะไรนะ?ของแค่นี้จะสร้างบ้านใหญ่ขนาดนั้นได้อย่างไรกันเล่า?”

ทันทีที่ลั่วเสี่ยวปิงพูดเรื่องนี้ ชาวบ้านที่คิดจะขึ้นเขาต่อเพื่อไปหาของป่าก็หยุดอยู่ต่อ เพื่อที่จะฟังว่าลั่วเสี่ยวปิงจะพูดอะไรต่อ

ลั่วเสี่ยวปิงรู้ว่าเรื่องสร้างบ้านไม่ว่าจะเร็วหรือช้าก็ต้องพูดอย่างเปิดเผย ดังนั้นนางจึงไม่ปิดบัง และนำคำพูดที่นางเตรียมไว้แล้วพูดออกมา

“เงินที่ใช้สร้างบ้านนี้เป็นเงินของพ่อเด็ก”

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงพูดออกมาเช่นนี้ ผู้คนระลึกได้จึงมองไปที่กระท่อม

แต่เสียดายที่ ตอนนี้ฉีเทียนเห้าไม่ได้ออกมา

“พ่อของเด็กทำงานอะไรรึ?ทำไมถึงสร้างบ้านใหญ่ขนาดนี้ได้?”มีคนถาม

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสงสัยจริงๆ หรือไม่เชื่อคำพูดของลั่วเสี่ยวปิง

“พ่อของเด็กเป็นลูกชายของพ่อค้า เพียงแต่ว่าแม่แท้ๆเสียตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เขาหาเลี้ยงชีพภายใต้การดูแลของแม่เลี้ยง แม่เลี้ยงคนนี้……เฮ้อ อย่าให้พูดถึงเลย รู้แค่ว่าเขาถูกแม่เลี้ยงไล่ออกมา หลังจากนั้นเขาก็เลยได้มาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ใช้ชีวิตอยู่กับข้าอย่างสงบสุข”

ลั่วเสี่ยวปิงแต่งเรื่องขึ้นมา แต่พูดค่อนข้างเรียบง่ายและคลุมเครือ

ฉีเทียนเห้าที่กำลังฟังคนข้างนอก “……”ทำไมเขาถึงไม่รู้เลยว่าตัวเองมีแม่เลี้ยงใจร้ายด้วย

แต่ทว่าเรื่องนี้ ทำไมฟังแล้วรู้สึกคุ้นๆ?

อีกอย่าง ในเมื่อลั่วเสี่ยวปิงเป็นเพียงสาวชนบท จะไปรู้เรื่องราวของเหล่าคนชนชั้นสูงได้อย่างไรกันเล่า?

ตอนนี้หยุดคิดว่าฉีเทียนเห้าจะคิดอย่างไรดีกว่า พวกชาวบ้านต่างฟังสิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงพูดแล้วก็คิดว่าเป็นเรื่องจริง

แม้ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้พูดความจริงออกมาหมด แต่เมื่อผู้คนนึกถึงรอยแผลเป็นบนใบหน้าของฉีเทียนเห้า บวกด้วยจินตนาการอันล้ำเลิศของตน สายตาของแต่ละคนต่างก็มีความเกรงกลัว

ครอบครัวใหญ่นี่มองดูหรุหราสง่า แต่ทำไมดูน่ากลัวขนาดนี้?แม่เลี้ยงคนนี้ จะโหดร้ายเกินไปแล้ว?

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนอิจฉาตาร้อนที่หญิงขี้เหร่อย่างลั่วเสี่ยวปิงมีสามีที่มั่งมีขนาดนี้

ในเหล่าคนนั้นก็มีจางฮั่วเหมย ลูกสาวของจางว่านเซิ่งที่เพิ่งอายุสิบห้า

จางฮั่วเหมยได้รับการยอมรับจากคนในหมู่บ้านว่าเป็นสาวสวยดั่งดอกไม้ ในหมู่บ้านมีหนุ่มๆที่ชื่นชอบนางอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ว่าจางฮั่วเหมยเป็นคนหวังสูง นางไม่อยากใช้ชีวิตที่ยากจนแบบนั้น นางอยากหาครอบครัวที่รวยๆแต่งงานด้วย

แต่ว่าพวกสาวๆในหมู่บ้านแห่งนี้อยากแต่งงานกับครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร?

เดิมทีจางฮั่วเหมยก็อิจฉาคนที่มีบ้านหลังที่ล้อมรอบด้วยกำแพงใหญ่อยู่แล้ว พอมาได้ยินว่าบ้านไม่ใช่ของลั่วเสี่ยวปิงแต่เป็นของฉีเทียนเห้า จางฮั่วเหมยก็มีความคิดขึ้นมาทันที

แม้ว่าฉีเทียนเห้ากับลั่วเสี่ยวปิงมีลูกด้วยกันแล้วก็ตาม แต่ว่าลั่วเสี่ยวปิงยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการกับเขา

ลั่วเสี่ยวปิงคนนี้ไม่เพียงแต่อายุมากแล้วยังหน้าตาไม่ดีอีก เป็นผู้ชายก็น่าจะสนใจตัวนางที่สวยกว่าอยู่แล้วมัง?

พอคิดได้แบบนี้ จางฮั่วเหมยก็ถามว่า “ทำไมไม่เห็นพ่อของอานอานเลยล่ะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง