แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 82

จางฮั่วเหมยถามไปด้วย ตาเหลือบมองเข้าไปในกระท่อมไปด้วย

แม่ของนางบอกว่า ชายผู้นั้นร่างสูงตัวใหญ่ ดูทรงพลัง เพียงแต่ว่าบนใบหน้ามีรอยแผลเป็นที่ดูแล้วน่ากลัว

แต่สำหรับนางแล้ว ขอแค่ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายก็ได้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ

แต่เสียดายที่ไม่ว่านางจะมองดูอย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะมองทะลุเข้าไปเห็นว่าในบ้านว่าเป็นอย่างไร

ลั่วเสี่ยวปิงไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนอยากแย่งสามีของนาง นางจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วพูดว่า “เขาอยู่แต่ในบ้าน ไม่ชอบพบปะกับผู้คน”

จางฮั่วเหมยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่กล้าพูดอะไรมากแล้ว จึงคิดแค่ว่าวันหลังค่อยหาโอกาสใหม่อีก

แน่นอนว่านอกจากจางฮั่วเหมยแล้วยังมีคนในหมู่บ้านอีกที่มีความคิดแบบนาง

แต่ไม่ว่าจะมีคิดอย่างไร ก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมาตอนนี้

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเห็นว่าคนพวกนี้ใกล้จะกลับกันหมดแล้ว ก็บอกให้พวกเขาอยู่ต่อ

“เสี่ยวปิง มีเรื่องอะไรอีกรึ?”มีคนถาม

“จริงๆแล้วมีอีกเรื่อง”ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า แล้วพูดกับผู้คนว่า “ของป่าบนเขาก็มีไม่มากแล้ว ในบ้านของข้ามีลูกสนกองไว้เป็นจำนวนมาก หากพรุ่งนี้ใครที่ว่างเว้นจากหน้าที่การงานที่บ้าน ให้มาช่วยข้าเอาเมล็ดสนออกจากลูกสน ข้าจะให้ค่าจ้างกระสอบละ3 เหวิน”

ทุกวันนี้ลูกสนในบ้านของลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้กองทิ้งไว้เป็นกองเดียวกัน แต่ซื้อกระสอบมาใส่ไว้แล้วกองไว้ตรงนั้น ตอนนี้มีเป็นกองใหญ่หนึ่งกองแล้ว

ช่วงนี้ลั่วเสี่ยวปิงงานยุ่งมาก คนในหมู่บ้านต่างกระตือรือร้นที่จะขึ้นเขา นางจึงไม่ได้พูดถึงเรื่องที่จะรับสมัครคนงาน และก็พักเรื่องแกะเมล็ดสนไป

แต่ว่าช่วงนี้ในเมื่อของป่าบนเขามีน้อยลง ก็แสดงว่าคนที่ขึ้นเขาก็จะไม่มาก แต่ละบ้านก็คงจะมีคนว่างงานอยู่ เวลาแบบนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะรับสมัครคนงาน

ผู้คนยังกังวลอยู่เลยว่าหากของป่าบนเขาหมดแล้วทางทำมาหากินของพวกเขาก็จะไม่มี แต่พอลั่วเสี่ยวปิงรับสมัครคนแกะเมล็ดสน แม้ว่าค่าแรงจะไม่สูงมากนัก แต่ถ้าหนึ่งคนในหนึ่งวันก็น่าจะทำได้หลายกระสอบ หน้าของแต่ละคนดูมีความสุขขึ้นมา

“เสี่ยวปิง งานแกะเมล็ดสนต้องมีข้อเรียกร้องอะไรบ้างรึ?”มีคนถามขึ้น

ข้อเรียกร้อง?

ลั่วเสี่ยวปิงนางคิดไปคิดมาแล้วก็พูดว่า “พรุ่งนี้ให้ทุกคนที่จะมานำมีดทำครัวพร้อมกับตะแกรงไผ่มาด้วยก็พอแล้ว”

บ้านของนางไม่ได้มีมีดและภาชนะเป็นจำนวนมากนัก

เมื่อผู้คนได้ยินข้อเรียกร้องนั้นไม่สูง ก็ยิ่งดีใจ พวกเขาเข้ามาบอกลาทีละคนแล้วก็จากไป รีบขึ้นไปบนเขาหรือกลับบ้านไปเพื่อที่จะนำข่าวดีนี้ไปบอก

หลังจากที่ทุกคนจากไปแล้ว จางเอ้อหลางก็พึ่งมา ในมือของเขาก็ถือกะละมังไม้ที่มีดินอยู่ข้างในมาด้วย

เพียงแค่ได้พบลั่วเสี่ยวปิง จางเอ้อหลางก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ก็ยังเรียกนาง 'พี่เสี่ยวปิง’

แต่ทว่าลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้เขินอายเหมือนจางเอ้อหลาง และก็ไม่ได้สนใจว่าจางเอ้อหลางจะเขินอายหรือไม่ ในเมื่อมีคนหนึ่งคนเขินอายหากอีกคนก็อายอีก ความเขินอายนั้นก็จะอยู่ตลอด

แต่ถ้าตัวเองไม่ได้รู้สึกเขินอาย แม้ว่าอีกคนจะรู้สึกเขินอายขนาดไหนก็สามารถที่จะทำเป็นเหมือนไม่เขินอายได้

แน่นอนว่า ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเหตุการณ์ตอนเช้าเลย นางสนใจเพียงดินที่เขานำมา จางเอ้อหลางจึงรู้สึกโล่งอกโล่งใจในที่สุดความเก้อเขินบนใบหน้าก็หายไป

แท้จริงแล้วสิ่งที่จางเอ้อหลางนำมานั้นไม่ใช่ดิน แต่เป็นเชื้อราที่ลั่วเสี่ยวปิงบอกให้จางเอ้อหลางขุดหามาจากบนเขา

บางบริเวณที่มีเห็ดขึ้น แม้แต่ดินก็ขุดมาด้วย หากจัดการอย่างเหมาะสม เห็ดก็สามารถที่จะขึ้นได้

เมื่อก่อนตอนที่นางไปเที่ยวนางเคยไปศึกษาดูงานเทคนิคการเพาะเห็ด

ดังนั้นนางจึงรู้เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงเห็ดมาบ้าง

ดังนั้นด้วยความช่วยเหลือของจางเอ้อหลาง ลั่วเสี่ยวปิงนำหญ้าต่างไปบ่มเชื้อรามัดเป็นถุงๆ

แน่นอนว่าที่นี่ไม่มีถุงพลาสติก ดังนั้นถุงเชื้อราทำมาจากผ้าที่คุณภาพไม่ค่อยดี

เมื่อทำถุงเชื้อราเสร็จ ควบคุมปริมาณน้ำได้ดีแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ทำการนำเชื้อราลงไป

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการอยู่รอดและเพื่อทำการเปรียบเทียบ เมื่อไม่มีใครสังเกตลั่วเสี่ยวปิงใส่น้ำแร่วิญญาณสองสามหยดลงไปในถุงเพาะเชื้อราไม่กี่ถุง แล้วจึงนำถุงเชื้อราวางไว้มุมห้อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง