แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 83

เล่อเล่อที่แต่ก่อนชอบพูดมากแต่ตอนนี้กลับไม่พูดแม้แต่คำเดียว เพียงแต่กินของอย่างเงียบ

ลั่วเสี่ยวปิงมองไปที่ฉีเทียนเห้า ใช้สายตาถาม อะไร เจ้ายังจัดการไม่เรียบร้อยอีกรึ?

ฉีเทียนเห้าเห็นสายตาของลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกหดหู่อย่างมาก

ตอนไม่มีคนมา เขาก็พยายามที่จะสื่อสารกับเล่อเล่อแล้ว แต่ว่าเด็กสาวกลับมองเขาด้วยสายตาที่โกรธเคือง จากนั้นนางหันหัวหนีปฏิเสธการสื่อสาร ทำให้จิตใจของเขาหดหู่

เขาก็ไม่เข้าใจ แต่ก่อนเด็กสาวชอบวนเวียนอยู่รอบตัวเขา พูดเสียงจีๆจาๆไม่ยอมหยุดเลย ทำไมวันนี้ถึงได้โกรธเขาเช่นนี้?

หรือเป็นเพราะว่า เขากลายเป็น‘พ่อ’ของนาง?

แต่ว่าแต่ก่อนเด็กสาวเป็นคนที่เฝ้ารอคอยให้พ่อตัวเองกลับมาไม่ใช่รึ? ทำไม พอ ‘พ่อแท้ๆ’ เป็นเขาไม่ได้เลยหรือ?

พอคิดได้แบบนี้ ฉีเทียนเห้าก็ยิ่งรู้สึกหดหู่

ตอนอยู่ในราชสำนัก เขาสามารถวางกลยุทธ์ได้อย่างรอบคอบ อยู่ในสนามรบเขาก็สามารถสังหารศัตรูได้อย่างง่ายดาย แต่กับเด็กสาวคนหนึ่ง เขากลับเอาไม่อยู่

นี่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมาก

หลังรับประทานอาหารเย็น ลั่วเสี่ยวปิงล้างจานอยู่ในห้องครัว

ฉีเทียนเห้าตัดสินใจที่จะลองทำให้ความสัมพันระหว่างพ่อกับลูกสาวกลับมาคืนดีกัน

“เล่อเล่อ อา……พ่อจะสอนเจ้าท่องหนังสือเจ้าคิดยังไงบ้าง?”ฉีเทียนเห้าใช้คำพูดเพื่อเอาใจแต่คำพูดกลับฟังดูแข็งกระด้าง

เขาไม่เคยพูดเอาอกเอาใจใครมาก่อนเลย

“ฮึ——"เล่อเล่อถอนหายใจอย่างแรง แล้ววิ่งไปที่มุมห้องนับมดด้วยความโกรธ

นางจะไม่ให้อภัยพ่อของนางแล้ว

ไม่เพียงแต่โกหก ยังให้นางท่องหนังสือ

นางไม่ชอบท่องหนังสือเลยแม้แต่น้อย

น่ารำคาญมากน่ารำคาญจริงๆ

ท่านพ่อก็น่ารำคาญมากๆ

เล่อเล่อยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเจ็บใจ ดวงตาก็แดงก่ำแล้ว

แต่ว่าอานอานเพียงชำเลืองตามองฉีเทียนเห้า ด้วยใบหน้าที่เฉยเมย

อานอานไม่ได้ไปหาเล่อเล่อแต่อยู่ในสนามใช้ไม้เขียนหนังสือลงบนพื้นดิน

ฉีเทียนเห้า “……”

มองดูลั่วเสี่ยวปิงที่กำลังล้างจานอย่างช้าๆอยู่ในห้องครัว อยู่ๆฉีเทียนเห้าก็คิดว่านางจงใจที่โยนปัญหาที่ยากลำบากนี้ให้กับเขา

พอคิดได้ตรงนี้ฉีเทียนเห้าก้มหน้าลง กลับหลังหันแล้วเเดินเข้าไปที่กระท่อม

เมื่อเล่อเล่อได้ยินเสียงจึงหันหลังดู เห็นพ่อของตัวเองเดินเข้าไปในบ้านแล้ว ไม่ได้มาปลอบโยนตัวเอง ทำให้เล่อเล่อโกรธจนน้ำตาไหลออกมาทันที

ท่านพ่อ ช่างน่ารำคาญจริงๆ

เล่อเล่อหันกลับมาหยิบกิ่งไม้ข้างๆ หยุดมดที่กำลังเดินหน้าด้วยความโกรธ ตีแถวมดที่กำลังเดินเป็นแถวจนแตก

ในขณะที่เล่อเล่อไม่พอใจอย่างสุดซึ้ง อยู่ๆร่างของนางก็ถูกยกขึ้นมา

ร่างเล็กๆของเล่อเล่อก็หมุนไปเผชิญกับหน้าของฉีเทียนเห้า

เมื่อฉีเทียนเห้าเห็นเด็กน้อยน้ำตาคลอ ในใจกระตุก ใบหน้าหมองลงทันที

เล่อเล่อยังคงมึนงง ไม่เข้าใจว่าทั้งๆที่นางเห็นว่าพ่อพึ่งเข้าไปในบ้าน ทำไมไม่นานก็ออกมาแล้ว

แต่ทันใดนั้นเมื่อเห็นสีหน้าที่ตึงเครียดของพ่อตัวเอง นางเบ้ปากเริ่มดิ้นรน

“ปล่อยข้า คนเลว”

เล่อเล่อรู้สึกน้อยใจมาก

ทั้งๆที่ท่านพ่อเป็นคนผิดแล้วยังมาดุนางอีก

การต่อต้านและน้ำตาของเล่อเล่อ ทำให้ฉีเทียนเห้าตกใจหยุดชะงักไปพักหนึ่ง

เดิมทีเขาไม่อยากให้ลั่วเสี่ยวปิงได้ใจจึงเดินเข้าไปในบ้าน

แต่พอคิดได้ว่าเล่อเล่อไม่สนใจตัวเองก็รู้สึกไม่ดีก็เลยออกมา

ก็แสดงว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย จะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?

หรือแม้ว่าเล่อเล่อจะเป็นแค่เด็กแต่นางมีพรสวรรค์ด้านจิตใจซับซ้อนแล้ว

“ข้า……”

“ข้าไม่พูดกับเจ้า เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” เมื่อพ่อดุ นางทั้งโกรธทั้งน้อยใจ

และเจ็บใจ

เมื่อเห็นท่าทางต่อต้านของเล่อเล่อ ฉีเทียนเห้ายิ่งรู้สึกเป็นทุกข์และยิ่งไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดตรงไหน

กลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรปล่อยเล่อเล่อไป

“ข้าจะพาเจ้าบิน”ฉีเทียนเห้าพูดคำนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงอันแข็งกระด้าง แล้วก็กอดเล่อเล่อไว้ในอ้อมแขน จากนั้นเหลือบตามองอานอานที่อยู่ข้างๆ คิดไปพักเขาก็ยกอานอานขึ้นมา

ก่อนที่อานอานจะทักท้วงหรือปฏิเสธที่จะโดนอุ้ม ฉีเทียนเห้าก็ดิ่งเท้า บินออกจากสนาม

ลั่วเสี่ยวปิง“……”

ลั่วเสี่ยวปิงวางมือจากงานที่ทำเสร็จตั้งนานแล้ว มองดูพ่อลูกสามคนที่ยิ่งดูยิ่งไกลออกไปอย่างตกตะลึง ในใจรู้สึกสั่นสะเทือน

วิชาตัวเบา!

ในโลกนี้มีวิชาตัวเบาจริงๆ!

ไม่แปลกที่ลั่วเสี่ยวปิงจะตกใจมาก ที่สำคัญคือนางคิดมาโดยตลอดว่าวิชาตัวเบามีแต่ในนิยาย ไม่มีอยู่จริง

เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เป็นอย่างที่นางคิด

หลังจากดื่มชาได้ประมาณสักถ้วย ในที่สุดลั่วเสี่ยวปิงก็รอพ่อลูกสามคนกลับมา

เล่อเล่อจากที่โกรธเคืองตอนนี้บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แม้แต่ดวงตาของอานอานก็เป็นประกายระยิบระยับ เห็นได้ชัดว่าชอบความรู้สึกการบินอยู่บนที่สูง

ฉีเทียนเห้าวางเด็กสองคนลง เห็นสีหน้าของเด็กสองคนก็รู้สึกโล่งใจ

แต่แล้ว ต่อมาเล่อเล่อก็หยุดยิ้มทันที และก็ทำหน้าโกรธต่อ

ฮึ นางไม่ให้อภัยพ่อคนเลวของนางง่ายๆหรอก

จากนั้น เล่อเล่อผู้หยิ่งผยองก็ตะโกนเรียก ‘ท่านแม่’ แล้วก็วิ่งไปหา ลั่วเสี่ยวปิง

อานอานก้าวขาสั้นๆเดินไปทางลั่วเสี่ยวปิง โดยไม่มองฉีเทียนเห้าเลย

ฉีเทียนเห้า“……” อยู่ๆก็รู้สึกว่าโดนทิ้งเมื่อไม่มีประโยชน์แล้ว

“อานอานเล่อเล่อพวกเจ้าอยากเรียนศิลปะการต่อสู้หรือไม่?”ฉีเทียนเห้าถามขึ้น

อานอานเล่อเล่อรวมทั้งลั่วเสี่ยวปิงมองไปที่ฉีเทียนเห้า

ฉีเทียนเห้ารู้สึกดีใจ แต่ว่าใบหน้ายังคงดูค่อนข้างจริงจัง“เมื่อเรียนรู้วิชากังฟู พวกเจ้าก็จะสามารถบินเองได้แล้ว”

ดวงตาของอานอานเป็นประกายขึ้นมา เขาอยากเรียน

เมื่อเรียนรู้วิชากังฟูแล้ว เขาจะสามารถปกป้องท่านแม่ได้

เล่อเล่อตื่นเต้นยิ่งกว่าอีก นางไม่เหมือนพี่ชายชอบเรียนหนังสือ แต่ว่า นางเหมือนจะอยากเรียนศิลปะการต่อสู้มากๆ

แต่ว่า นางยังโกรธเคืองพ่อคนเลวของนางอยู่ ทำอย่างไรดี?

เล่อเล่อรู้สึกสับสน

เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองสนใจ ฉีเทียนเห้าก็แอบรู้สึกโล่งใจ แต่เด็กทั้งสองไม่มีใครกล้าเปิดปาก ก็แสร้งทำเป็นเสียใจ “ในเมื่อพวกเจ้าไม่อยากเรียนก็ลืมไปซะ”

“ข้าจะเรียน!” เล่อเล่ออดใจไม่ไหวรีบพูดออกมา

แต่ เมื่อคิดได้ว่าตัวเองยังคงโกรธอยู่ จึงหันหัวอย่างงุ่มง่าม แล้วก็ไม่มองฉีเทียนเห้า

เมื่อฉีเทียนเห้าเห็นดังนั้น มุมปากก็ม้วนขึ้นยิ้ม แต่ก็ยังพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เรียนศิลปะการต่อสู้นั้นเหนื่อยมาก พวกเจ้าสองคนจะอดทนได้รึ?”

“ฮึ่ม——ข้าไม่กลัวเหนื่อยหรอก”เล่อเล่อพูดอย่างไม่พอใจ

อานอานไม่พูดอะไร แต่แววตาที่จ้องเขม็งแสดงให้เห็นว่าเขาก็ไม่กลัวเหนื่อย

ฉีเทียนเห้าพอใจมาก พูดอย่างเคร่งขรึม “เอาล่ะ พรุ่งนี้เริ่มเลย ย่ำรุ่งตื่นมาเดินหมอบ”

เด็กสองคนไม่ตอบ หันหลังควงแขนของลั่วเสี่ยวปิงซ้ายคนหนึ่งขวาคนหนึ่งเดินเข้าไปในบ้าน

ลั่วเสี่ยวปิงเหลวหลังมองไปที่ฉีเทียนเห้า ด้วยสายตาลังเลเล็กน้อย

นางก็อยากเรียนศิลปะการต่อสู้เช่นกัน

แม้ว่านางจะเคยเรียนศิลปะการป้องกันตัวมาบ้าง แต่นั่นคือวิชาตัวเบาเลยนะ

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเสี่ยวปิง ก็ไม่ได้พูดออกมา

เพราะในนิยายบอกไว้ว่า หากเรียนกังฟูต้องเริ่มต้นตั้งแต่เด็ก นางอายุตั้ง20แล้ว เกรงว่าจะเลยช่วงอายุการฝึกกังฟูแล้ว

เมื่อฉีเทียนเห้าเห็นสายตาของลั่วเสี่ยวปิงเติมไปด้วยความปรารถนา ก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย

ผู้หญิงคนนี้ คาดไม่ถึงว่าจะสนใจศิลปะการต่อสู้?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง