แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 837

ซ่งหลิงหลิงดึงบังเหียนม้าและค่อยๆ เก็บสีหน้า จ้องมองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่เย็นชา

ตรงหน้าซ่งหลิงหลิงคือชายร่างสูงใหญ่สวมอาภรณ์ของแคว้นซีหรง เขากำลังมองซ่งหลิงหลิงด้วยสายตาที่ไม่ดีนัก

“ชีวิตแต่ละวันของน้องหกช่างอิสรเสรีเสียจริง” น้ำเสียงของผู้มาเยือนเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

ซ่งหลิงหลิงนั่งหลังตรงมองคนข้างหน้า นางก็เอ่ยอย่างเย้ยหยันเช่นกันว่า “ทำไมล่ะ พี่ใหญ่ไม่อยู่ในเมืองและมุ่งมาที่นี่เช่นนี้ ไม่กลัวว่าเสด็จอาจะลงโทษหรือ”

ผู้มาใหม่ก็คือซ่งหงจั๋วจากจวนอ๋องจั๋วซึ่งควรจะอยู่ในเมืองหลวง

สีหน้าของซ่งหงจั๋วเต็มไปด้วยความโกรธเมื่อได้ยินนางกล่าว “ซ่งหลิงหลิง เจ้าลืมไปแล้วจริงๆ หรือว่าผู้ใดคือเสด็จพ่อของเจ้า”

ใช่ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยการตำหนิ

นอกจากนี้อายุของซ่งหงจั๋วกับซ่งหลิงหลิงยังห่างกันจนเกือบจะเป็นคนละวัย

ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับซ่งหลิงหลิง ซ่งหงจั๋วจึงไม่อาจพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีได้

ซ่งหลิงหลิงปิดเปลือกตาลงเล็กน้อย อารมณ์รุนแรงอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อซ่งหลิงหลิงลืมตาขึ้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง “แน่นอนว่าข้าไม่มีทางลืม”

สีหน้าของซ่งหงจั๋วดีขึ้นมากเมื่อได้ยินคำพูดของนาง

หลังจากสีหน้าผ่อนคลายลง ซ่งหงจั๋วจึงกล่าวว่า “น้องหก พวกนั้นปฏิบัติกับเสด็จพ่อและพวกเราพี่น้องเช่นนั้น เราจะต้องร่วมมือกันทำทุกอย่างกลับมาถูกต้อง”

ซ่งหลิงหลิงยังคงสีหน้าและมองซ่งหงจั๋ว “ท่านคิดจะทำสิ่งใด”

สีหน้าของซ่งหงจั๋วปรากฏแววแห่งความโหดร้ายเมื่อได้ยิน “ข้าไปสืบถามมาแล้ว ในวันแต่งงานของเจ้าจะมีพิธีเซ่นไหว้ฟ้าดินและแม่น้ำ ถึงตอนนั้นเจ้าแค่ต้องช่วยข้า...”

......

ซ่งฉงปิงถูกฉีเทียนเห้าอุ้มกลับไป

เพราะนางถูกฉีเทียนเห้าทรมาน

แม้ว่าฉีเทียนเห้าจะเป็นห่วงร่างกายของเธอและไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ผู้ชายก็มีวิธีทำให้ผู้หญิงเหนื่อยได้เสมอ

ฉีเทียนเห้าวางซ่งฉงปิงลงบนเตียงและมองนางที่กำลังหลับตาพริ้ม จากนั้นความอ่อนโยนในแววตาจึงค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวด

......

ซ่งฉงปิงตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและรู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งตัว ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนงงงวยอยู่ครู่หนึ่ง

เกิดอะไรขึ้นกับนาง

ซ่งฉงปิงจับชีพจรให้ตนเองโดยไม่รู้ตัว จากนั้นใบหน้าก็ยิ่งดูสับสนมากขึ้น

เหตุใดนางจึงตั้งครรภ์?

ซ่งฉงปิงพยายามนึก แต่นึกอะไรไม่ออก

ในเมื่อนึกไม่ออก ซ่งฉงปิงก็ไม่ฝืนตัวเอง

หลังจากนำน้ำแร่วิญญาณออกมาดื่ม ซ่งฉงปิงจึงค่อยรู้สึกสบายกายสบายใจขึ้นมาก

เมื่อเปิดประตูออกไปจึงเห็นสาวใช้คนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู ในมือของสาวใช้กำลังประคองอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำเอาไว้

ซ่งฉงปิงชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้ม “ขอบใจนะ”

จากนั้นจึงจะรับถาดไป

ไป๋เสามองซ่งฉงปิงด้วยความลำบากใจ

ครู่ใหญ่ไป๋เสาจึงเอ่ยออกมาว่า “ยินดีเพคะ”

เพียงแต่เมื่อหลุบตาลง ความซับซ้อนก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของไป๋เสา

องค์หญิงใหญ่... เวลานี้ความจำของนางแย่ลงเรื่อยๆ

ผ่านมานานมากขนาดนี้ แต่นางยังจำนางไม่ได้ด้วยซ้ำ

ไป๋เสาเก็บอารมณ์และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “บ่าวช่วยนะเพคะ!”

ซ่งฉงปิงส่ายหน้า “ไม่เป็นไร” นางไม่ชอบให้ใครมาคอยรับใช้

แต่เมื่อนึกได้ว่ายังมีชีวิตน้อยๆ อีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้อง ซ่งฉงปิงจึงเอ่ยว่า “เจ้าช่วยยกเข้ามาให้ข้าทีนะ”

ไป๋เสาพยักหน้ารับ จากนั้นจึงยกน้ำเข้าไปอย่างเงียบๆ

ซ่งฉงปิงไปที่อ่างล้างหน้าและเริ่มล้างหน้า

ขณะที่ซ่งฉงปิงกำลังคลำหาผ้ามาเช็ดหน้า ผ้าผืนหนึ่งก็มาวางอยู่ในมือของนางเรียบร้อยแล้ว

ซ่งฉงปิงรับผ้ามาเช็ดหน้าจนสะอาด เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่ามีชายร่างสูงกำยำหน้าตาดีกำลังยืนอยู่ตรงหน้า

ชั่วขณะนั้นซ่งฉงปิงเกิดความรู้ว่าอยากจะลวนลามอีกฝ่าย

ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีขนาดนี้ ไม่ลวนลามก็คงเสียเปล่า

แต่...

“เทียนเห้า...”

เมื่อชื่อนี้ผุดขึ้นมาในใจ ซ่งฉงปิงจึงเรียกออกมา

จากนั้นซ่งฉงปิงจึงจำได้ คนที่อยู่ตรงหน้าคือสามีของนางมิใช่หรือ

เช่นนั้น... ถ้าเป็นสามีก็จะโผเข้าหาตามใจชอบได้ใช่หรือไม่

ซ่งฉงปิงตาเป็นประกายเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

ยังไม่ทันที่ฉีเทียนเห้าจะเรียกสติของตนเองกลับมาเพราะหดหู่จากการถูกซ่งฉงปิงเรียกชื่อ เขาก็เห็นซ่งฉงปิงโผเข้ามาในอ้อมกอดของเขา

นอกจากนี้ยังทำมิดีมิร้ายกับเขาด้วย

ทันใดนั้นความหดหู่ก็สูญสลายไป ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี

แม้ว่าปิงเอ๋อร์ในตอนนี้เหลือความทรงจำน้อยลง แต่นิสัยของนางก็ดูเหมือนจะน่ารักขึ้น

เพียงแต่... มาทำมิดีมิร้ายกับเขาเช่นนี้ ใครจะไปทนได้?

ฉีเทียนเห้ายื่นมือไปหยุดมือที่อยู่ไม่เป็นสุขของซ่งฉงปิง จากนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สากคอว่า “ถ้าจุดไฟอีกครั้ง วันนี้ข้าจะกินแต่เจ้านะ”

คำพูดนี้เต็มไปด้วยความมีเสน่ห์น่าหลงใหล และซ่งฉงปิงก็เข้าใจได้ทันที

แต่...

นี่...

จะทำอย่างไรหากนางอยากถูกกิน

ซ่งฉงปิงคิดวุ่นวายมาก

จะยอมถอยหรือถูกกิน? นางจะเลือกอย่างไรดี

คิดวนไปวนมา ในที่สุดซ่งฉงปิงก็ตัดสินใจเลือกอย่างหลัง

แต่ถึงกระนั้นก็ช้าไปเสียแล้ว

เพราะขณะที่นางกำลังคิดวุ่นวายอยู่นั้น มือของนางก็ยังคงลุกเป็นไฟ

ด้วยเหตุนี้ฉีเทียนเห้าจึงเข้าใจว่านางเต็มใจจะถูกกิน

เมื่อวานในรถม้าเขายังไม่เต็มอิ่ม

คราวนี้เขาไม่มีทางปล่อยวางการทรมานนางด้วยวิธีที่นางสอนเขา

ฉีเทียนเห้าอุ้มซ่งฉงปิงขึ้นมาอย่างฉับพลัน

แต่ซ่งฉงปิงไม่กลัว

หนุ่มรูปงาม

ไม่กินก็เสียเปล่า!

ไหนจะเรือนร่างนี้อีก... นางไม่ขาดทุนอยู่แล้ว!

“ท่าน... ช้าลงหน่อย...” แม้จะบอกว่าไม่ขาดทุน แต่ซ่งฉงปิงก็ยังจำได้ว่านางมีลูกอยู่ในท้อง ดังนั้นจึงอดบอกไปแบบนั้นไม่ได้

ฉีเทียนเห้า “บางเรื่องไม่อาจช้าได้”

ด้วยเหตุนี้ซ่งฉงปิงที่เพิ่งตื่นนอนจึงกลับลงไปนอนบนเตียงอีกครั้ง

เมื่อทุกอย่างจบลง เวลาช่วงเช้าก็หมดลงไป

ซ่งฉงปิงไม่อยากจะไปไหนทั้งนั้นและรอให้ฉีเทียนเห้ามาป้อนอาหาร

หลังจากกินเสร็จจึงหลับลงไปอีก

กว่าซ่งฉงปิงจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเช้าของวันที่สองแล้ว

ซ่งหลิงหลิงนั่งอยู่ที่ข้างเตียงของซ่งฉงปิง

ต่างจากที่ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะจำฉีเทียนเห้าได้ ซ่งฉงปิงจำซ่งหลิงหลิงได้แทบจะทันที

สำหรับซ่งหลิงหลิง นางรู้สึกผิด

แม้ว่านางจะรู้ดีว่านางไม่ผิด และเสด็จพ่อของนางก็ไม่ผิด

“ท่านพี่ตื่นแล้ว วันนี้เราไปหมู่บ้านอื่นกันไหมเจ้าคะ” ซ่งหลิงหลิงมองซ่งฉงปิงด้วยสีหน้าที่อยากรู้อยากลอง

ซ่งฉงปิงได้ยินแล้วชะงักไปเล็กน้อย “เหตุใดจึงต้องไปหมู่บ้านอื่น”

“ฝ้ายในหมู่บ้านก่อนหน้านี้ปลูกหมดแล้ว อู้เจินยังมีหมู่บ้านอื่นอีก ท่านพี่ลองไปดูนะว่าที่นั่นเหมาะกับการปลูกฝ้ายหรือไม่”

เมื่อเห็นความคาดหวังในแววตาของซ่งหลิงหลิง ในที่สุดซ่งฉงปิงจึงพยักหน้า

นางดูเหมือนจะไม่มีทางปฏิเสธซ่งหลิงหลิงได้เลย

“ท่านพี่ใจดีจริงๆ เลย” ซ่งหลิงหลิงกอดซ่งฉงปิงอย่างมีความสุข

ฉีเทียนเห้าเพิ่งจะเข้ามา พอเห็นภาพตรงหน้า ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นสีดำราวกับก้นหม้อ

“พวกเจ้าทำอะไรกัน”

ฉีเทียนเห้าคิดว่าเขาควรจะโยนซ่งหลิงหลิงออกไปเดี๋ยวนี้ นางจะได้เข้าใกล้ปิงเอ๋อร์ไม่ได้อีก

ซ่งหลิงหลิงหดคอและพูดแหยๆ ว่า “เสด็จอา ท่านให้ข้ายืมท่านพี่อีกสักสองสามวันเถอะนะ”

เสด็จอา?

ความสับสนปรากฏขึ้นในแววตาของซ่งฉงปิง จากนั้นจึงเรียกฉีเทียนเห้าว่า “เสด็จลุง...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง