แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 86

อู๋วิ่นเฉิงเห็นลั่วเสี่ยวปิงแล้ว ฟังที่ลั่วเสี่ยวปิงพูดด้วยสีหน้าแปลกใจ

ไม่รออู๋วิ่นเฉิงพูด ลั่วเสี่ยวปิงก็เอาเสื้อออกมาจากกระเป๋าที่ติดตัวมากับตัวเอง

เด็กสาวคนนั้นกำลังจะออกไป กลับเห็นเสื้อในมือของลั่วเสี่ยวปิงพอดี ก็รีบชี้ไปยังเสื้อที่ลั่วเสี่ยวปิงจับอยู่ “แม่นม ข้าจะลองตัวนั้น”

อู๋วิ่นเฉิงมองดูเสื้อผ้าที่ตัดเย็บเสร็จแล้วในมือของลั่วเสี่ยวปิง สายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง นานมากก็ยังไม่ได้สติ

“หากคุณหนูอยากลอง ก็ตามข้าไปที่ห้องลองชุดด้านหลังเลยเจ้าค่ะ” จิ่นเหนียงอยู่ข้างๆได้ยินเสียงจึงเดินมาดู เห็นสามีของตัวเองยืนอึ้งอยู่ ก็รีบเข้าไปทักทายทันที

ที่เด็กสาวอยากรีบลองเสื้อผ้า เป็นเพราะเสื้อผ้าไหมชั้นดีที่นางใส่อยู่นั้นสกปรกแล้ว คงไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนด้วย จึงรีบมาที่ร้านตัดเสื้อ

ไม่นาน เด็กสาวสวมเสื้อตัวใหม่ออกมา เสื้อเหมาะกับตัวพอดี เด็กสาวที่มีหน้าตาน่ารักอยู่แล้วยืนอยู่ตรงนั้น คนที่เห็นแล้วก็ต้องตาสว่างเปล่งประกายกันหมด

เด็กสาวหมุนตัวอยู่ตรงนั้น แล้วถามแม่นมว่า “แม่นมว่าข้าใช่แล้วสวยไหม?”

แม่นมก็ไม่เคยเห็นเสื้อแบบนี้มาก่อน รู้สึกว่าแปลกใหม่ดี บวกกับที่คุณหนูตัวเองใส่ชุดอะไรก็สวยอยู่แล้ว จึงพยักหน้าพูดว่า “คุณหนูต้องเลือกได้ดีอยู่แล้วเจ้าค่ะ”

คุณหนูได้ยินคำชม ก็รู้สึกพึงพอใจมาก

แม่นมคนนั้นจึงถามจิ่นเหนียงว่า “พวกเราจะซื้อเสื้อตัวนี้ไหม ราคาเท่าไหร่หรือ?”

จิ่นเหนียงตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ห้าตำลึงเจ้าค่ะ”

แม่นมได้ยินแล้วก็มีทำสีหน้าบึ้งตึงทันที

จิ่นเหนียงเก่งเรื่องสังเกตสีหน้าของคนอยู่แล้ว ก็ต้องรู้ว่าแม่นมคิดว่าแพงเกินไป นางจึงรีบพูดว่า “แม่นม เนื้อผ้าของเสื้อตัวนี้แม้จะไม่คุ้มค่ากับราคานี้ แต่ลายปักนี้ ตอนนี้มีแค่ร้านเรามีเท่านั้น ห้าตำลึงถูกมากแล้วเจ้าค่ะ”

ได้ยินจิ่นเหนียงพูดแบบนี้ สีหน้าของแม่นมก็คลายลงไปบ้าง ควักเงินห้าตำลึงออกมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นให้จิ่นเหนียง “ในเมื่อเสื้อตัวนี้มีแค่ตัวเดียว งั้นช่วงนี้ร้านเจ้าจะขายเสื้อแบบนี้ไม่ได้อีก”

ที่จริงด้วยตำแหน่งของเจ้านายนาง ห้าตำลึงนี้ใช่ว่าจะจ่ายไม่ไหว แต่ใครก็ไม่อยากโดนคนอื่นเอาเปรียบไม่ใช่เหรอ?

ผ้าไหมบางนี้แม้จะเป็นผ้าชั้นดีของชาวบ้านทั่วไป แต่สำหรับคนที่มีหน้าตาทางสังคมแล้ว กลับไม่ค่อยเหมาะสมกับตำแหน่งสักเท่าไหร่ แต่แพงที่เป็นชุดแบบใหม่

ตอนนี้คุณหนูกลับบ้านท่านตาเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของท่านตา ก็ต้องอยู่ในเมืองนี้อีกสองสามวัน ชุดนี้จะเหมือนกับคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด

จิ่นเหนียงได้ยินแล้วก็รีบตอบว่า “ตอนแรกว่าจะขายออกไปแล้วค่อยทำใหม่ ในเมื่อนี่เป็นคำขอของแม่นม พวกเราจะหยุดขายชุดนี้สองสามวันให้เจ้าค่ะ”

แม่นมเห็นจิ่นเหนียงรู้ตัวดี จึงไม่พูดอะไรให้มากความอีก กลับหลังหันพาคุณหนูออกไปทันที

ตอนนี้เอง ทันใดนั้นหน้าประตูกลับมีหญิงท้องโตยืนอยู่ ท้องโตจนดูเหมือนจะคลอดอยู่แล้ว

แต่ใบหน้าเหนื่อยล้านั้น เห็นได้ชัดว่าเดินมาไกลเหมือนกัน คงไม่มีหญิงตั้งครรภ์คนไหนที่ใกล้คลอดแล้วยังเดินทางมาอีก ด้วยเหตุนี้ลั่วเสี่ยวปิงคิดว่าในท้องของหญิงตั้งครรภ์คนนี้จะต้องเป็นลูกแฝดแน่นอน

แต่พอผู้หญิงคนนี้ปรากฏขึ้น แม่นมก็รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยสีหน้าลนลาน “นายหญิงไม่พักอยู่ที่รถม้า ลงมาไยกัน ตอนนี้ร่างกายท่านหนักมาก จะต้องระวังหน่อยนะเจ้าคะ”

พูดจบ แม่นมก็ด่าข้ารับใช้ที่ประคองผู้หญิงคนนั้น “เฉี่ยวซิ่ง ข้าให้เจ้าดูแลนายหญิงดีๆ เจ้าดูแลนายหญิงท่านยังไงกัน? หากนายหญิงเหนื่อยมากเกินไป เจ้าจะรับผิดชอบไหวไหม”

ผู้หญิงเห็นเช่นนี้แล้ว ก็พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “แม่นมเติ้ง ข้าอยากเดินลงมาเอง เจ้าอย่าโทษเฉี่ยวซิ่งเลย”

ผู้หญิงพูดเช่นนี้แล้ว แม่นมเติ้งยังจะพูดอะไรได้อีก จึงทำได้แค่มองเฉี่ยวซิ่งด้วยสายตาตักเตือน

“ท่านแม่” เด็กสาวเห็นแม่ตัวเองเดินลงจากรถม้า ก็รีบเข้าไปหานาง “ชุดของลูกสวยไหมเจ้าคะ?”

ผู้หญิง หรือก็คือหราวชิงหย่ามองดูชุดของลูกสาวตัวเอง แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “ก็ต้องสวยอยู่แล้ว เดี๋ยวถึงบ้านท่านตาของเจ้าแล้ว ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าคงได้อิจฉาแน่เลย”

เด็กสาวได้ยินแล้ว ก็แลบลิ้น ความน่ารักขี้เล่นของเด็กอายุเจ็ดแปดขวบปรากฏออกมา

ลั่วเสี่ยวปิงกลับมองหราวชิงหย่าตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นพวกเขาจะไปกันแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดขึ้นว่า “นายหญิงช้าก่อน”

หราวชิงหย่าหันหน้ากลับไปมองลั่วเสี่ยวปิง เห็นเป็นผู้หญิงที่หน้าตาอัปลักษณ์ ก็ไม่ได้ดูถูก แค่ถามกลับอย่างใจดีว่า “ท่านมีเรื่องอะไรหรือ?”

ลั่วเสี่ยวปิงมองดูท้องของหราวชิงหย่า แล้วพูดอย่างระวังว่า “นายหญิงตอนนี้ตั้งครรภ์อยู่ เกรงว่าจะดมกลิ่นหอมไม่ได้ หากนายหญิงเชื่อใจข้า ก็รีบหาหมอที่เชื่อใจได้ตรวจชีพจรก่อนดีกว่า”

ลั่วเสี่ยวปิงแม้จะไม่รู้เรื่องศึกความขัดแย้งภายในบ้านของยุคนี้ แต่นิยายการต่อสู้กันภายในบ้านนางก็เคยอ่านมาเหมือนกัน

แม้ความจริงจะไม่เหมือนกับที่เขียนไว้ในนิยาย แต่สถานการณ์ตอนนี้ เกรงว่าจะมีความเป็นไปได้มาก

หราวชิงหย่าได้ยินที่ลั่วเสี่ยวปิงพูด สีหน้าของนางก็ซีดเซียวลงทันที

“เจ้าหมายความว่า……”

“นายหญิงให้หมอมาตรวจหน่อยดีกว่าเจ้าค่ะ!” ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้พูดอะไรอีก นางไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในนั้น ที่นางพูดเตือน เป็นเพราะเห็นแก่เด็กในท้องสองคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดของนายหญิงคนนั้น

เห็นสีหน้าของลั่วเสี่ยวปิง หราวชิงหย่าก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ แล้วพาลูกสาวกับข้ารับใช้เดินออกไปด้วยสีหน้าเข้มงวด

พอคนไปแล้ว จิ่นเหนียงก็ถึงเดินไปตรงหน้าลั่วเสี่ยวปิงอย่างประหลาดใจ มองดูเสื้ออีกตัวที่อยู่ในกระเป๋าของลั่วเสี่ยวปิง แล้วถามว่า: “แม่นางให้ข้าดูได้หรือไม่?”

วันนี้ลั่วเสี่ยวปิงมาเพื่อคุยธุรกิจเรื่องเสื้อผ้า ก็ต้องไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้ดู

จิ่นเหนียงเอาชุดของเด็กผู้ชายออกมาดูด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ฝีมือดีจริงๆ เป็นชุดที่แปลกใหม่จริงๆ” จิ่นเหนียงเอ่ยชื่นชม ต่อมาก็มองไปที่สามีตัวเอง “ท่านพี่เจ้าไปดูแลร้านข้างๆก่อน ข้าคุยกับแม่นางท่านนี้ก่อน”

อู๋วิ่นเฉิงได้สติตั้งนานแล้ว เขามองดูเสื้อในมือของลั่วเสี่ยวปิงด้วยแววตาที่เปล่งประกายไปด้วยแสงแวววาว

เป็นสามีภรรยากันมานาน อู๋วิ่นเฉิงก็ต้องรู้ว่าภรรยาตัวเองจะคุยเรื่องอะไร ดังนั้นไม่พูดอะไรให้มากความก็ไปร้านข้างๆทันที

จิ่นเหนียงวางเสื้อในมือลง แล้วมองลั่วเสี่ยวปิงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างจริงจังอีกครั้ง ต่อมาก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ครั้งก่อนข้ามองผิดไป ไม่รู้ว่าแม่นางจะมีฝีมือขนาดนี้ ขอแม่นางอภัยให้ข้าด้วย”

ลั่วเสี่ยวปิงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้เป็นคนเย็บเสื้อตัวนี้ ข้าแค่วาดแบบเท่านั้นเอง”

จิ่นเหนียงได้ยินแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร กลับพูดชื่นชมว่า “ภาพวาดแปลกใหม่เช่นนี้ เจ้ายังวาดออกมาได้ คงเป็นคนที่เก่งมากคนหนึ่ง พวกเราเข้าประเด็นกันเลยดีกว่า แม่นางอยากจะร่วมมือยังไง พูดมาตามตรงเถิด”

ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าของพวกเขาแม้จะเปิดต่อไปไม่ไหวแล้ว นั่นเป็นเพราะรูปแบบเสื้อผ้าธรรมดาเกินไป และไม่มีคนมีความสามารถวาดแบบดีๆออกมาได้

และชาวบ้านทั่วไปก็คงไม่จ่ายเงินซื้อชุดเสื้อผ้าที่ตัดเสร็จแล้ว ส่วนมากก็ตัดเย็บเองมากกว่า บ้านเศรษฐีแม้จะซื้อชุดที่ตัดเย็บเสร็จแล้ว แต่ยังไงมีเศรษฐีในเมืองนี้ก็ไม่ได้มีเยอะมาก ยังมีร้านตัดเย็บเสื้อผ้าอื่นอีก บวกกับที่ข้ารับใช้ของทุกบ้านก็สามารถตัดเย็บเสื้อผ้าแบบทั่วไปได้ จึงไม่ได้ซื้อด้านนอกทุกชุด ดังนั้นธุรกิจร้านเสื้อผ้าจึงทำได้ยากมาก

แต่ว่า จิ่นเหนียงมองดูเสื้อผ้าที่ลั่วเสี่ยวปิงเอามา ก็เห็นโอกาสธุรกิจในนี้ และอยากจะร่วมงานกับนางจริงๆ จึงพูดออกไปตรงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง