แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 87

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นจิ่นเหนียงพูดตรงๆ ก็รู้สึกดีใจมาก แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา “รูปแบบพิเศษแบบนี้ ในสมองข้ายังมีอีกเยอะมาก จะของเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ ข้าก็วาดได้ทั้งหมด”

จิ่นเหนียงได้ยินแล้ว แม้จะทำท่าใจเย็น แต่แววตาที่ตกตะลึงนั้นกลับเก็บซ่อนไว้ไม่อยู่

“การร่วมมือในครั้งนี้ ข้าร่วมมือกับพวกเจ้าด้วยภาพออกแบบ กำไรข้าเอาสามส่วน” ลั่วเสี่ยวปิงแสดงเงื่อนไขตรงๆ

ที่จริงนางก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำเสื้อผ้า เพราะยังไงมีแค่ซิ่งฮวาที่ทำได้คนเดียวก็ไม่ได้ ดังนั้นสิ่งแรกที่นางต้องการคือเงินปันผล

ได้ยินลั่วเสี่ยวปิงขอกำไรสามส่วน จิ่นเหนียงก็ขมวดคิ้ว “แม่นางก็เห็นแล้ว ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าของข้าขายไม่ค่อยได้เลย ที่จริงว่าจะไม่ทำแล้ว แม้การออกแบบของเจ้าจะดี แต่แม้จะขายออกไปหนึ่งตัว ก็ต้องมีคนเอาไปเลียนแบบอยู่แล้ว บวกกับที่เศรษฐีในเมืองนี้ก็ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น……”

พูดตามตรงแล้ว จิ่นเหนียงรู้สึกว่ากำไรสามส่วนเยอะไป และยังมีความเสี่ยงมากด้วย

เพราะยังไง ผู้ซื้อน้อย บวกกับมีการลอกเลียนแบบค่อนข้างมาก หักต้นทุนออกไปแล้วยังต้องแบ่งกำไรออกไปสามส่วนอีก เกรงว่าจะไม่ได้เงินเลยน่ะสิ

ลั่วเสี่ยวปิงกลับไม่ร้อนรน “ในเมืองนี้มีไม่กี่คนที่จะซื้อเสื้อผ้าที่ตัดเย็บเสร็จแล้ว แต่ในเมืองใหญ่กลับมีจำนวนคนไม่น้อยเลยนะ”

ใช่แล้ว นางอยากเอาธุรกิจเสื้อผ้าเข้าไปในเขตเมืองใหญ่ๆ

เพราะยังไง เมืองซีเหอใหญ่แค่ไหน กำลังคนซื้อก็มีจำกัด และนางเองอยากเปิดร้านที่เมืองใหญ่ ก็วาดออกแบบได้กำไรจากในนี้คุ้มกว่าอีก

สรุปแล้ว หากนางต้องการสำเร็จ ก็ไม่อยากเสียเวลามากมาย ได้จากเงินปันผลเป็นวิธีการหาเงินที่มั่นคงที่สุด เพราะยังไงเสื้อผ้าหนึ่งชุด สำหรับนางแล้วเป็นแค่วิธีหนึ่งในการสร้างรายได้ให้กับนาง

จิ่นเหนียงพอได้ยินว่าจะเปิดร้านในเมืองใหญ่ ก็อึ้งไปชั่วขณะ มีความหวั่นไหวอยู่แวบหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ส่ายหัว

“ในเมืองแม้จะมีคนซื้อเยอะ แต่ขณะเดียวกันต้นทุนก็สูงกว่าด้วย คู่ต่อสู้เยอะขึ้นด้วย ถ้าทุกร้านลอกเลียนแบบไป ร้านเก่าอื่นๆมีแบบนี้กันหมด ร้านใหม่ของข้าก็ไม่มีอะไรเด่นเลยน่ะสิ”

ความกังวลของจิ่นเหนียงใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่ลั่วเสี่ยวปิงมาจากโลกอนาคต ก็รู้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้ยังไง

“การลอกเลียนแบบก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่หนึ่งพวกเราสามารถเปลี่ยนการออกแบบได้เร็ว สองก็คือ พวกเราสามารถคิดสัญลักษณ์ของร้านค้าได้”

“สัญลักษณ์ของร้านค้า?” จิ่นเหนียงมีสีหน้ามึนงง ไม่เข้าใจว่าคืออะไร

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นแล้วก็ให้จิ่นเหนียงเอากระดาษพู่กันออกมา

ลั่วเสี่ยวปิงวาดภาพบนนั้น ภาพนี้เหมือนคำว่า ‘อู๋’ ของอักษรจีนย่อ และ ‘ยี’ ของอักษรจีนย่อ เป็นภาพที่ค่อนข้างเป็นนามธรรม

เห็นภาพนี้แล้ว จิ่นเหนียงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

ลั่วเสี่ยวปิงอธิบาย “สัญลักษณ์นี้ เสื้อผ้าทุกตัวของเราหากประทับตรานี้ลงไป งั้นคนอื่นแม้จะลอกเลียนแบบเร็วแค่ไหน ก็เป็นแค่ของปลอมทั้งนั้น พวกเศรษฐีให้ความสำคัญกับเรื่องหน้าตามากที่สุด มักจะชอบแอบเปรียบเทียบกัน ถ้าใส่เสื้อผ้าการออกแบบใหม่ของพวกเรา ตอนที่ไปงานเลี้ยงเห็นเสื้อผ้าของคนอื่นไม่มีสัญลักษณ์นี้ ก็ต้องรู้ว่านั่นคือของปลอม”

จิ่นเหนียงได้ยินแล้ว สายตาก็เปล่งประกายทันที

พวกเศรษฐีต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องหน้าตาทั้งนั้น จะให้คนอื่นรู้ได้ยังไงว่าตัวเองใส่ของปลอมให้อายคนอื่นเขาล่ะ?

นี่ไม่ใช่เรื่องหน้าตาที่ชาวบ้านคนอื่นๆจะให้ความสนใจ

แต่ว่า ไม่นาน จิ่นเหนียงก็กังวลอีกครั้ง “แต่สัญลักษณ์นี้คนอื่นก็เลียนแบบได้นี่”

หากเลียนแบบไปอีก แล้วจะแยกแยะของปลอมกับของจริงได้ยังไง?

“เรื่องนี้ง่ายมาก” ลั่วเสี่ยวปิงทำหน้ามั่นใจ “เจ้าให้คนแกะสลักตามสัญลักษณ์นี้ก็พอ ข้าจะให้สีผสมที่มีกลิ่นหอมด้วย คนอื่นลอกเลียนแบบไม่ได้แน่นอน”

ตอนที่นางผสมยานั้น ก็ทำน้ำยาสีแดงได้โดยไม่ตั้งใจ

ถ้าหากน้ำยานั้นติดเสื้อผ้าแล้วก็ซักยากมาก และกลิ่นนั้นก็หอมมากด้วย ใช้น้ำยาตัวนั้นประทับลงบนเสื้อเหมาะสมที่สุดแล้ว

และน้ำยาตัวนั้น ยังมีสรรพคุณช่วยให้นอนหลับได้ง่าย และไม่มีผลข้างเคียงใดๆเลย

เห็นลั่วเสี่ยวปิงมั่นใจขนาดนี้ ความสงสัยในใจของจิ่นเหนียงก็หายไปทันที สุดท้ายก็ครุ่นคิดสักพักจากนั้นก็พยักหน้าตกลง

“ได้ ข้าตกลง”

……

ดอกไม้บานสองดอก ปักข้างละหนึ่งดอก

และด้านหนึ่งคือจางต้าหลาง

ตอนเช้าตรู่ จางต้าหลางไม่ได้กินข้าวเช้า ก็ถือกระเป๋าเดินไปบ้านแม่ของเมี่ยวชุ่ยหลาน

บ้านแม่ของเมี่ยวชุ่ยหลานค่อนข้างไกลออกจากหมู่บ้านต้าซิง จางต้าหลางเดินหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง

คนของหมู่บ้านเมี่ยวเจียเห็นจางต้าหลางมา ต่างก็เข้าไปทักทาย “โอ๊ะ มารีบชุ่ยหลานเหรอ? เอาของอะไรมาให้พ่อตากับแม่ยายเหรอ”

จางต้าหลางได้ยินแล้วก็ยิ้มให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านเมี่ยวเจีย ไม่ได้พูดอะไรมาก และไม่ได้บอกว่าของในกระเป๋าคืออะไร

ชาวบ้านก็รู้ดีว่าจางต้าหลางไม่ใช่คนช่างพูดช่างเจรจาอะไร ก็เลยพูดกับจางต้าหลางว่า “จางต้าหลาง เจ้าสู่ขอภรรยากลับไป ต้องดูแลนางให้ดีสิ แม่เจ้าแม้จะเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็เข้มงวดกับชุ่ยหลานมากไปหน่อย มันไม่ดีเลยนะ”

พอคนแรกเริ่มพูดประเด็นนี้ขึ้น คนอื่นๆก็พูดตามทันที

“นั่นสิ ชุ่ยหลานเป็นลูกสาวของตระกูลเมี่ยว กลับมาบ้านแม่แค่อยากเอาเนื้อและขนมมาหน่อย ก็ไม่เกินไปนะ? เพราะยังไงลูกสาวคนอื่นขาเลี้ยงมาโตขนาดนี้ก็ไม่ง่าย นิสัยแม่เจ้าดุร้ายจริงๆ กลับไม่ให้ชุ่ยหลานเอาของแค่นี้มาด้วย”

“ได้ยินว่าบ้านเจ้าก็ไม่ได้ยากจนอะไรมาก ทำไมถึงเข้มงวดกับภรรยาของเจ้าเช่นนี้? ดูสิชุ่ยหลานถูกตระกูลจางของพวกเจ้ารังแกขนาดไหน?”

“ครั้งนี้รับชุ่ยหลานกลับไป ต้องดูแลชุ่ยหลานเด็กคนนี้ให้ดีด้วยนะ……”

ทุกคนพูดกันคนละคนสองคน ตอนแรกจางต้าหลางยังไม่เข้าใจว่าคือเรื่องอะไรกันแน่ แต่พอฟังไปฟังมา สีหน้าของจางต้าหลางก็แย่ลงทันที

พอเมี่ยวชุ่ยหลานกลับมาบ้านแม่ กลับใส่ร้ายแม่ของเขาขนาดนี้เชียวเหรอ บอกว่าแม่ของเขารังแกนาง นางจึงได้กลับมาบ้านแม่

ตอนแรกจางต้าหลางยังรู้สึกเสียดาย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นความโกรธทั้งหมด

เขาไม่สนใจชาวบ้านของตระกูลเมี่ยวอีกต่อไป เดินตรงไปที่บ้านของเมี่ยวชุ่ยหลาน พวกชาวบ้านก็ตามหลังจางต้าหลางไป เตรียมดูเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

พอจางต้าหลางปรากฏขึ้นที่หน้าประตูบ้านของตระกูลเมี่ยว ก็มีเด็กของตระกูลเมี่ยวมองค้อนจางต้าหลาง จากนั้นก็ตะโกนเข้าไปในบ้าน “ท่านป้าสาม ท่านลุงเขยมารับท่านกลับบ้านแล้ว”

ตะโกนเสร็จแล้ว เด็กคนนั้นก็จ้องไปที่กระเป๋าในมือของจางต้าหลาง ทำท่าจะแย่งเอาไป

เด็กคนนี้ จางต้าหลางรู้จัก เป็นลูกชายของพี่ชายภรรยา ปกติทุกครั้งที่เขามาก็จะเอาขนมมาฝากเขาด้วย ตอนนี้กลับถูกผู้น้อยมองค้อนแบบนี้ จางต้าหลางไม่รู้ว่ารู้สึกยังไง

เมี่ยวชุ่ยหลานออกมาแล้ว คนที่ออกมาพร้อมกันคือแม่ของเมี่ยวชุ่ยหลานชุยซื่อ

ชุยซื่อเห็นว่าจางต้าหลางมาเช้าขนาดนี้ ก็ไม่ได้ถามว่าจางต้าหลางกินข้าวเช้าหรือยัง ก็พูดอย่างโมโหทันทีว่า: “ตอนนี้มาได้แล้วเหรอ ไปทำอะไรมาตั้งนาน? ลูกสาวของพวกเราตระกูลเมี่ยวไม่ได้รังแกง่ายขนาดนั้นนะ”

ว่าแล้ว ชุยซื่อจ้องไปที่กระเป๋าในมือของจางต้าหลาง แล้วเดินไปหาจางต้าหลาง พร้อมกับพูดว่า “รู้ว่าจะต้องเอาของมาด้วย ไยต้องทำให้ชุ่ยหลานของข้าโกรธจนต้องกลับมาบ้านแม่คนเดียวด้วยล่ะ?”

ว่าแล้ว ชุยซื่อไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็แย่งกระเป๋าในมือของจางต้าหลางมาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง