แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 88

ชาวบ้านของหมู่บ้านเมี่ยวเจียเห็นกิริยาเช่นนี้ของชุยซื่อแล้ว ต่างก็ไม่เห็นด้วยกันหมด แต่ยังไงนี่ก็เป็นเรื่องของคนอื่นเขา พวกเขาก็แค่มาดูเท่านั้น จึงพูดอะไรมากความไม่ได้

แต่จางต้าหลาง พอเห็นชุยซื่อแย่งกระเป๋าในมือไป จากนั้นก็เปิดออกต่อหน้าผู้คนอย่างอดใจรอไม่ไหวด้วยสีหน้าชินชา

เมี่ยวชุ่ยหลานรู้ว่าจางต้าหลางมารับนาง ในใจก็ดีใจอย่างมาก แต่ที่มากกว่านั้นคือความไม่สบายใจและรู้สึกผิดมากกว่า

“อ่า~ มีแค่นี้เองเหรอ?”

ชุยซื่อเปิดกระเป๋าออก เห็นด้านในมีเสื้อผ้าเก่าๆไม่กี่ชุดกับจดหมายหนึ่งฉบับ นางขมวดคิ้วแล้วมองค้อนจางต้าหลาง “จางต้าหลางเจ้าหมายความว่ายังไง คิดจะเอาขยะแบบนี้มารับลูกสาวของข้าไปเหรอ บริจาคให้ขอทานหรือไง?”

ว่าแล้ว ชุยซื่อก็จิ้มไปที่อกของจางต้าหลาง พูดอย่างรังเกียจว่า “จางต้าหลาง ข้าจะบอกให้เจ้านะ เจ้าไปเอาเนื้อกับข้าวสารมาสิบชั่ง อย่าคิดจะรับลูกสาวของข้ากลับไป”

ท่าทีของชุยซื่อจองหองอย่างมาก ไม่เอาจางต้าหลางไว้ในสายตาเลย

ท่าทีแบบนี้ สำหรับจางต้าหลางแล้วเป็นเรื่องปกติมาก เมื่อก่อนมาบ้านพ่อตาแม่ยายก็จะเจอเหตุการณ์แบบนี้ตลอด

แต่เมื่อก่อนชุยซื่อไม่ได้หยิ่งจองหองเหมือนตอนนี้ และเป็นเพราะความรักที่จางต้าหลางม่ต่อเมี่ยวชุ่ยหลาน ดังนั้นเขาจึงอดทนมาตลอด

แต่ว่า ความรักทั้งหมด แถมยังมีความรู้สึกเสียดาย ทั้งหมดมลายหายสิ้นในตอนที่เขาเข้าหมู่บ้านมาแล้ว

เขารู้ว่าเมี่ยวชุ่ยหลานไม่ใช่คนที่นิสัยดีอะไร แต่ไม่คิดว่านางทำเรื่องแบบนั้นแล้วพอกลับมาบ้านแม่ กลับว่าร้ายครอบครัวเขาแบบนั้น

ตอนแรกยังอยากมาดูปฏิกิริยาของเมี่ยวชุ่ยหลาน ฟังคำอธิบายของนาง จากนั้นก็ให้นางพักอยู่ที่ตระกูลเมี่ยวก่อนสักระยะ รอแม่ของเขาหายโกรธแล้ว เขาค่อยขอให้แม่อภัยให้

แต่ตอนนี้ จางต้าหลางกลับรู้สึกถึงความเหนื่อยใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

“เอากลับไปไม่ได้ งั้นก็ไม่เอาแล้ว” จางต้าหลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จากนั้นก็กลับหลังหันเดินออกไป

ชุยซื่อได้ยินแล้ว ก็รีบลากจางต้าหลางไว้ด้วยสีหน้าโมโหจัด “เจ้าหมายความว่ายังไง?”

ในตอนนี้เอง มีคนเห็น ‘จดหมาย’ ที่ชุยซื่อทิ้งไว้บนพื้น ก็พูดด้วยน้ำเสียงตกตะลึงว่า “ชุยซื่อ นั่นคือหนังสือปลดภรรยา ลูกสาวเจ้าโดนถูกปลดแล้ว”

ชุยซื่อได้ยินแล้ว สีหน้าก็แข็งทื่อทันที มองดูหนังสือปลดภรรยาบนพื้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ และตอนนี้เองเมี่ยวชุ่ยหลานก็ไหวตัวทัน นางก็มีสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน

ต่อมา เมี่ยวชุ่ยหลานพุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ตบตีจางต้าหลางไม่หยุด

“จางต้าหลาง เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาปลดข้า? เจ้ามันคนไร้น้ำใจ ข้ารับใช้ตระกูลจางมานานหลายปี ไม่มีคุณงามความดีก็มีความลำบากไหม เจ้ากล้าปลดข้า เจ้าเอามีดมาฟันข้าให้ตายเลยดีกว่า”

เมี่ยวชุ่ยหลานตะโกนสุดเสียง จางต้าหลางรับไว้เงียบๆ ไม่ได้ตอบโต้อะไร และไม่คิดจะตอบโต้ด้วย พวกนี้เป็นสิ่งที่เขาติดค้างกับนาง

และชุยซื่อก็ไหวตัวทันแล้ว นางเก็บหนังสือปลดภรรยาบนพื้นขึ้นมา ฉีกทิ้งอย่างโมโห “ไม่มีหนังสือปลดภรรยาแล้ว ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะปลดลูกสาวข้ายังไง เจ้ามันแล้งน้ำใจ พวกเราตระกูลเมี่ยวไม่มีทางปล่อยตระกูลจางของพวกเจ้าไปแน่”

ว่าแล้ว ชุยซื่อก็ตะโกนเข้าไปในบ้าน “พวกเจ้าหลบอยู่ในบ้านทำไม? พี่สามของเจ้าโดนรังแกแล้ว ยังไม่รีบออกมาอีก?”

……

ลั่วเสี่ยวปิงกับจิ่นเหนียงคุยเรื่องธุรกิจเสร็จแล้ว ก็ขอกับจิ่นเหนียงว่า ขอให้จิ่นเหนียงรับซิ่งฮวามาทำงานที่นี่ด้วย

พอรู้ว่างานเสื้อผ้าพวกนี้เป็นฝีมือของจางซิ่งฮวา จิ่นเหนียงก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ก็ให้เงินเดือนจางซิ่งฮวาเดือนละสองตำลึง ให้กินและอยู่ อย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที

พอคุยกันเสร็จแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้อยู่ในเมืองอีก ให้จางเอ้อหลางขับเกวียนออกจากเมือง

แต่ว่า เพิ่งออกจากเมืองได้ไม่นาน ด้านหน้าก็มีพวกนักเลงกระโดดออกมาขวางทางไว้

และตัวหัวหน้า ก็เป็นคนที่ลั่วเสี่ยวปิงรู้จักดี นั่นก็คือจ้าวจินซาน

ตอนนี้ จ้าวจินซานกำลังมองลั่วเสี่ยวปิงด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม

ผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขาเสียงานที่คนอื่นๆต่างก็อิจฉา

“อันธพาลจ้าว เจ้าจะทำอะไร?” จางเอ้อหลางมองดูจ้าวจินซานด้วยสีหน้าระมัดระวัง แส้ในมือก็กำไว้แน่นขึ้น

ผู้มาคิดไม่ดี เขาไม่ได้โง่ ก็ต้องดูออกอยู่แล้ว

อันธพาลจ้าวมองดูจางเอ้อหลางด้วยสายตาดูถูก จากนั้นก็มองไปที่ลั่วเสี่ยวปิง “นังคนชั้นต่ำ เจ้าทำให้ข้าตกงานใช่หรือไม่?”

ถึงแม้อันธพาลจ้าวจะสงสัย แต่เขาก็แน่ใจว่าเป็นฝีมือลั่วเสี่ยวปิง แต่เขาก็ยังอยากฟังคำตอบชัดๆจากปากลั่วเสี่ยวปิง

แน่นอน ถึงจะไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร วันนี้ลั่วเสี่ยวปิงเจอเขาก็ถือเป็นเรื่องโชคร้ายแล้วล่ะ

“ใช่แล้วยังไง?” ลั่วเสี่ยวปิงพูดโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน สายตากลับแอบสังเกตคนด้านหลังของอันธพาลจ้าว ในใจก็คิดว่าถ้าต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ ฝ่ายของนางจะมีโอกาสชนะมากเท่าไหร่

นักเลงที่อันธพาลจ้าวเอามานั้น บวกกับอันธพาลจ้าวแล้วก็มีสิบคน ฝ่ายนางมีแค่สองคน ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกว่า โอกาสชนะมีน้อยมาก

ถึงแม้ในใจจะกลัวว่าจะจบไม่สวย แต่ใบหน้าของลั่วเสี่ยวปิงกลับไม่ลนลานเลย

อันธพาลจ้าวได้ยินลั่วเสี่ยวปิงถามกลับ แววตาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง “แล้วยังไง ก็ต้องทำให้เจ้าตายทั้งเป็นน่ะสิ”

ว่าแล้ว อันธพาลจ้าวก็เรียกนักเลงด้านหลัง “พวกเรา วันนี้ผู้หญิงคนนี้เป็นของพวกเจ้าทุกคนแล้ว”

พวกนักเลงได้ยินเช่นนี้ กลับมีคนไม่พอใจ “ไอ้จ้าวพูดเป็นเล่นไป หน้าตาขี้เหร่ขนาดนี้จะให้เราลงมือไหวได้ยังไง?”

“โง่หรือไง แค่ปิดหน้าก็ได้แล้วนี่? ถ้าไม่ทำก็ออกไปซะ” อันธพาลจ้าวหมดความอดทน

คนผู้นั้นได้ยินแล้ว ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ทำ เพราะยังไงก็เหมือนกับที่อันธพาลจ้าวพูด ก็แค่ปิดหน้าก็สิ้นเรื่อง

คำพูดหมาๆแบบนี้ จางเอ้อหลางได้ยินแล้วก็มีสีหน้าบึ้งตึง กำลังจะลงไปต่อสู้กับพวกนักเลง ลั่วเสี่ยวปิงกลับดึงตัวเขาไว้ก่อน

“ขับเกวียน พุ่งไป”

ถึงแม้เกวียนจะช้ามาก แต่วัวถ้าได้วิ่งขึ้นมาจริงๆก็วิ่งเร็วมากเหมือนกัน แรงกระแทกนั้นก็ไม่เลวด้วย สามารถสลัดคนพวกนี้ออกไปได้ไหมก็ต้องดูตอนนี้แหละ

จางเอ้อหลางได้ยินลั่วเสี่ยวปิงพูดเช่นนี้ ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร เขายกแส้ขึ้นฟาดไปที่ก้นของวัวแรงๆ

ถ้าเป็นปกติ วัวเป็นสมบัติของชาวนา จะมีคนฟาดมันแรงๆได้ยังไง?

แต่จางเอ้อหลางรู้ว่า ถ้าตัวเองไม่ใจร้ายหน่อย พี่เสี่ยวปิงต้องเป็นอันตรายแน่ ดังนั้นพอฟาดลงไปหนึ่งที ก้นของวัวก็มีลอยสีแดงปรากฏขึ้น

และวัวก็เจ็บจนกระโจนวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง

พวกอันธพาลจ้าวเห็นว่าวัวพุ่งเข้าชนพวกเขา ก็ตกใจจนรีบหลบไปข้างๆ

แต่ทว่า ในตอนที่เกวียนจะผ่านพวกอันธพาลจ้าวไป ทันใดนั้นกลับมีคนยื่นมือไปจับเกวียนไว้ แล้วลากจางเอ้อหลางที่กำลังขับเกวียนลงมา

เกวียนยังคงวิ่งอยู่ ลั่วเสี่ยวปิงนั่งอยู่บนเกวียน มือก็จับทูบของเกวียนไว้ ตากลับมองไปยังจางเอ้อหลางที่ตกลงไปแล้วถูกพวกนักเลงล้อมตัวเอาไว้

สิบต่อหนึ่ง แถมยังตีเอาตายอีก ถ้านางเดินลงไปแบบนี้ เกรงว่าจางเอ้อหลางจะเป็นอะไรไปจริงๆ

แทบไม่ต้องคิดเลย ลั่วเสี่ยวปิงโซเซลุกขึ้น จากนั้นก็ยื่นมือไปจับเชือกที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ดึงแรงๆ

วัวเจ็บจมูกจนต้องหยุดวิ่ง

ลั่วเสี่ยวปิงรีบกระโดดลงจากเกวียน วิ่งไปทางพวกอันธพาลจ้าว……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง