แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 89

ณ หมู่บ้านต้าซิง รอบๆบ้านกระท่อมของลั่วเสี่ยวปิง วันนี้ดูคึกคักกว่าปกติ

ในหมู่บ้านนอกจากจะขึ้นดอยไปเก็บเห็ดแล้ว เกือบทุกบ้านเอาของมาหน้าบ้านลั่วเสี่ยวปิงกันหมด

เพราะลานบ้านไม่ได้ใหญ่มาก ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงนั่งข้างทาง

วิธีการเอาเมล็ดสนก็เรียบง่ายและดิบเถื่อน ฟันมีดลงไปจากนั้นก็แกะเมล็ดสนในนั้นออกมา ก็หมดเรื่องแล้ว

จางเฉินซื่อยังคงควบคุมงานอยู่ ถ้ามีใครแอบเอาเมล็ดสนออกมาไม่หมด ก็ต้องทำใหม่ทั้งหมด ยังจะถูกจดชื่อไว้ในบัญชีดำด้วย

แน่นอน บัญชีดำเป็นคำศัพท์ที่ลั่วเสี่ยวปิงพูดขึ้น

สรุปแล้ว พวกชาวบ้านไม่มีใครอยากเสียโอกาสการหาเงินไป ดังนั้นจึงทำงานกันอย่างตั้งอกตั้งใจ

จางเฉินซื่อที่เดินอยู่ในหมู่ผู้คนก็ขมวดคิ้วแน่น ดูจะมีเรื่องให้เคร่งเครียด

และภายในห้อง เพื่อความสงบไม่ถูกมองเป็นตัวตลกอีก รอคนในหมู่บ้านมาแล้ว ฉีเทียนเห้าก็พาเด็กสองคนกลับเข้าห้องอ่านหนังสือ

อานอานชอบเรียนหนังสืออยู่แล้ว ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เล่อเล่อแค่ได้ยินคำศัพท์เดียวก็หัวโตแล้ว

ฉีเทียนเห้าไม่อยากทำให้ความสัมพันธ์ ‘พ่อลูก’ ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ต้องพังทลายอีก จึงปล่อยให้เล่อเล่อนั่งเฝ้าอานอานที่อ่านหนังสืออยู่ข้างๆด้วยความเบื่อหน่าย

เพราะไม่มีเงินซื้อพู่กันหมึกดำ ดังนั้นอานอานใช้นิ้วมือจิ้มน้ำแล้วเขียนลงบนแผ่นไม้

ในตอนที่เล่อเล่อเบื่อก็ตั้งใจรบกวนอานอานเป็นระยะ แต่อานอานก็ไม่ได้ถูกกระทบเพราะเล่อเล่อเลย ยังคงเขียนหนังสืออย่างจดจ่อ

สุดท้ายอาจจะรู้สึกเบื่อเกินไป เล่อเล่อจึงวิ่งออกไปดูคนเอาเมล็ดสนออก

แต่ว่า ด้วยเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ อานอานที่ตอนแรกยังตั้งใจเขียนหนังสือ ทันใดนั้นก็เริ่มสมาธิแตก ชะโงกหัวออกไปมองข้างนอกเป็นระยะ

“อยากไปเล่นเหรอ?” ฉีเทียนเห้าถาม

อานอานมองดูฉีเทียนเห้า ไม่ได้พูดอะไร แล้วเขียนหนังสือต่อ

แต่สักพัก อานอานก็หยุดเขียนแล้วมองไปข้างนอกอีกครั้ง

ฉีเทียนเห้าเห็นแล้ว ก็พูดว่า “อยากออกไปเล่นก็ไปเถอะ”

เจ้าเด็กนี่ เขาดูออกแล้วล่ะ นอกจากจะตั้งใจแล้ว ยังฉลาดมากด้วย ตัวเองสอนแค่รอบเดียวก็จำไม่ลืมแล้ว และแค่ดูผ่านตาก็จำได้แล้วเช่นกัน ดังนั้นฉีเทียนเห้าจึงไม่ได้เข้มงวดกับเขามาก

อานอานวางแผ่นไม้ในมือลง ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าประตู

แต่ว่า ยังเดินไม่ถึงหน้าประตู อานอานก็หันกลับมามองฉีเทียนเห้าอีกครั้ง “ท่านแม่ยังไม่กลับมา”

ตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว ท่านแม่ยังไม่กลับมาอีก เขารู้สึกเป็นห่วง

ฉีเทียนเห้าได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

ยังไม่รอฉีเทียนเห้าพูด ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น

“เฉินเอ้อเม่ย ไม่ได้การแล้ว ต้าหลางกำลังถูกคนทำร้าย”

อานอานอึ้ง ต่อมาก็ไม่รอฉีเทียนเห้าตอบตัวเอง เขาก็รีบเดินออกไปทันที

ฉีเทียนเห้าครุ่นคิดแล้ว ก็เดินตามออกไป

เพิ่งออกมาถึงลานบ้าน ก็เห็นจางต้าหลางถูกยกกลับมาด้วยหัวที่อาบไปด้วยเลือด ขาซ้ายของเขาตอนนี้ห้อยอยู่ข้างๆด้วยท่าทีแปลกๆ เห็นได้ชัดว่า พวกเขาทำร้ายร่างกายเขาหนักถึงขั้นกระดูกหัก

ขาหักขนาดนี้ เกรงว่าจะกลายเป็นพิการได้ ฉีเทียนเห้าคิดในใจ

จางเฉินซื่อไม่สบายใจอยู่แล้ว พอได้ยินว่าต้าหลางถูกทำร้าย ก็รีบวิ่งออกไป พอเห็นลูกชายตัวเองขาหัก ถึงแม้ปกติจางเฉินซื่อจะปากร้ายแข็งแกร่งแค่ไหน ก็อดไม่ได้หน้ามืด เกือบล้มหน้าทิ่มลงพื้น โชคดีที่มีคนประคองนางเอาไว้

จางเฉินซื่อพยายามตั้งสติ ในใจที่สุดก็ทำให้ตัวเองมีสติ

“ซานหลาง เร็วเข้า ไปตามท่านลุงที่อยู่ในเมืองกลับมา” จางเฉินซื่อแม้จะมีสีหน้าที่โศกเศร้า กลับมองไปข้างๆที่มีผู้น้อย ลูกทั้งบ้านของจางเอ้อฉวน ลูกพี่ลูกน้องของต้าหลาง

เพราะจางเฉินซื่อเป็นคนแข็งกร้าว บวกกับตอนที่มีคนแก่อยู่ทั้งสองบ้านก็แยกกันนานแล้ว และสมบัติหลังจากที่คนแก่เสียชีวิตไปแล้วจางเฉินซื่อก็ยกให้บ้านรองทั้งหมด ดังนั้นแม้สองบ้านจะไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกัน

พอจางซานหลางเห็นขาของลูกพี่ลูกน้องคนโตถูกคนอื่นทำร้ายจนขาหักขนาดนี้ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบวิ่งเข้าเมืองไปทันที

มีคนในหมู่บ้านไปเชิญหมอสูมา

รอเรื่องที่ควรจัดการเสร็จหมดแล้ว จางเฉินซื่อก็หมดแรงทรุดตัวลงไป กระโจนเข้าไปข้างๆจางต้าหลางที่หมดสติอยู่ นางร้องไห้แล้วพูดว่า “ต้าหลาง ใครมันกล้าทำร้ายเจ้าถึงขนาดนี้กัน เจ้าจะให้แม่ทำยังไง?”

จางเฉินซื่อร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจ จางต้าหลางก็ยังหลับตาแน่นสนิท ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม ดูท่าจะเจ็บหนักเหมือนกัน

พวกชาวบ้านไม่ได้ทำงานต่อ ต่างก็มองดูจางเฉินซื่อร้องห่มร้องไห้ แต่ละคนก็มองนางด้วยสีหน้าเห็นใจ

ชาวบ้านบางคนก็ไปถามคนรอบข้างมาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นสุดท้ายก็รู้ว่าจางต้าหลางโดนคนของหมู่บ้านเมี่ยวเจียส่งตัวกลับมา ส่วนเรื่องอื่นพวกเขาไม่อาจรู้ได้

ไม่นาน หมอสูก็มาถึง

นอกจากหมอสูแล้ว ยังมีจางซิ่งฮวาที่ได้ข่าวแล้วก็รีบกลับมาด้วยสีหน้าซีดเซียวพร้อมกับลูกสาวของต้าหลาง จางเสี่ยวเหม่ย

หมอสูตรวจสอบดูจางต้าหลางแล้ว ก็ต้องถอนหายใจแล้วส่ายหน้า

“หมอสู ลูกชายข้าเป็นยังไงแล้วบ้าง?” จางเฉินซื่อเอ่ยถาม

“พวกเจ้า……เห้อ ต้าหลางไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอก แต่ขาข้างนี้ เกรงว่าจะรักษาไว้ไม่ได้แล้วล่ะ” หมอสูพูดด้วยสีหน้าที่เสียดาย

จางต้าหลางเป็นคนที่มีนิสัยดีมาตลอด ไม่รู้ว่าไปล่วงเกินใครถึงได้โดนทำร้ายจนขาหักแบบนี้ โชคร้ายจริงๆ

จางเฉินซื่อได้ยินว่าขาของลูกชายคนโตตัวเองรักษาไว้ไม่ได้ สีหน้าของนางก็ซีดเซียวและทรุดตัวล้มลงพื้นทันที

จางเสี่ยวเหม่ยตกใจจนร้องไห้ออกมา และจางซิ่งฮวากลับร้องไห้ไปด้วยประคองแม่ตัวเองไปด้วย

ในตอนนี้เอง ทันใดนั้นก็มีเสียงรถม้าดังขึ้น

ในเมืองมีเกวียนก็ไม่เลวแล้ว ไม่เคยมีรถม้ามาก่อน มีเสียงรถม้าดังขึ้นกะทันหัน ทุกคนจึงหันไปมองตามเสียง

กลับเห็นข้างๆคนขับรถม้ามีจางเอ้อหลางนั่งอยู่ จางเอ้อหลางมองดูสภาพของพี่ชายตัวเอง ไม่รอรถม้าหยุดก่อน ก็รีบกระโดดลงมาทันที

“ท่านแม่ พี่ข้าเป็นยังไงแล้วบ้าง? เขาไปหมู่บ้านเมี่ยวเจียไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้ล่ะ?”

จางเอ้อหลางถามด้วยสีหน้าร้อนใจ แต่ทุกคนเห็นจางเอ้อหลางตอนนี้มีสภาพหน้าบวมช้ำไปหมด ดูออกว่าเขาโดนคนรุมซ้อมมาเหมือนกัน

นี่ คนตระกูลนี้โชคร้ายอะไรขนาดนี้ ทำไมลูกชายสองคนถึงโดนทำร้ายกันหมด?

ที่ทำให้ทุกคนแปลกใจที่สุดคือ เปิดม่านรถม้าออก ลั่วเสี่ยวปิงกระโดดลงมาจากรถม้า

นี่……หรือว่ารถม้านี่เป็นของเสี่ยวปิง?

เสี่ยวปิงรุ่งเรืองจริงๆ? ถึงกับซื้อรถม้าได้แล้ว?

ทุกคนเพิ่งคิดแบบนี้เสร็จ ภายในรถม้าก็มีคนออกมาอีก ตอนนี้นอกจากจะมีคนที่เป็นห่วงจางต้าหลางแล้ว คนอื่นๆก็ตกตะลึงกันหมด

เพราะคนที่ลงมาจากรถม้า กลับเป็นคุณชายชนชั้นสูงที่สวมเสื้อผ้าไหมสีน้ำเงิน คุณชายท่านนี้ไม่เพียงแค่มีบุคลิกโดดเด่นแล้ว แถมยังสง่าผ่าเผยมาด้วย ดูแวบเดียวก็รู้ว่ามาจากตระกูลชนชั้นสูง

ส่วนเถ้าแก่ฉินที่ตามหลังคุณชายลงมา ก็ต้องถูกผู้คนมองข้ามอยู่แล้ว

ที่จริงแล้ว ในตอนที่พวกลั่วเสี่ยวปิงโดนคนของอันธพาลจ้าวล้อมอยู่นั้น บังเอิญเจอกับเถ้าแก่ฉินที่พาเจ้านายตัวเองกำลังมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านต้าซิงเพื่อหาลั่วเสี่ยวปิง

เจ้านายของเถ้าแก่ฉินโอหยางฉี่หยู่มีทหารเก่งๆที่คอยปกป้อง จัดการพวกนักเลงข้างถนนไม่ใช่ปัญหาอะไรอยู่แล้ว พวกนักเลงถูกส่งเข้าคุกในเมืองหมดแล้ว

แต่น่าเสียดาย คนที่ชื่ออันธพาลจ้าวหนีไปได้เสียก่อน

และลั่วเสี่ยวปิงได้รู้ว่าคนที่ช่วยตัวเองเป็นเถ้าแก่ของหอฝูหม่านแถมยังมาหาตัวเองอีก จึงพาพวกเขากลับมาด้วยกัน ระหว่างทางนั้นก็เจอกับจางซานหลางที่กำลังมุ่งหน้าไปในเมืองอย่างร้อนรน พอรู้เรื่องราวแล้ว พวกเขาก็รีบเอาเกวียนให้ซานหลาง จากนั้นก็นั่งรถม้าของเถ้าแก่ฉินแล้วรีบขับกลับมาอย่างเร่งด่วน

ลั่วเสี่ยวปิงไม่มีเวลาทักทายโอหยางฉี่หยู่ก็รีบไปดูบาดแผลของจางต้าหลางทันที พอเห็นสภาพของจางต้าหลางแล้ว สีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงก็มืดมนลงไปทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง