แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 91

ฉีเทียนเห้าเดินเข้าไปในห้องแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงปิดประตู

พอปกปิดสายตาคนภายนอกได้แล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็เอาเทียนออกมาจากมุมห้อง จุดเทียนทั้งหมดที่เอาออกมา พยายามให้แสงไฟในห้องสว่างมากที่สุด ก็ถึงเห็นหน้าของฉีเทียนเห้า

หันกลับไป กลับเห็นฉีเทียนเห้ากำลังสังเกตดูตัวเองอยู่ นัยน์ตาที่ลึกซึ้งนั้น เป็นเหมือนดั่งหมึกดำที่น่าดึงดูด ทำเอาลั่วเสี่ยวปิงแทบรับไว้ไม่ไหว

“คอกแคก……คือว่า เดี๋ยวช่วยข้าจับตัวพี่ต้าหลางเอาไว้ด้วย พยายามอย่าให้ขาของเขาขยับ” ลั่วเสี่ยวปิงหลบสายตาอย่างอึดอัดใจ แล้วพูดเข้าประเด็น

จางต้าหลางในตอนนี้ถึงแม้จะสลบอยู่ แต่เพราะไม่มียาชา เดี๋ยวการต่อกระดูกจะเจ็บมาก เกรงว่าเขาจะทนไม่ไหวขยับตัวจนต้องบาดเจ็บซ้ำสอง ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงจึงขอให้ฉีเทียนเห้าเข้ามาช่วย

ฉีเทียนเห้าพยักหน้า แต่เห็นลั่วเสี่ยวปิงไม่มองตัวเอง ก็ตอบแค่น้ำเสียงเรียบเฉยว่า ‘อืม’ จากนั้นก็เดินไปข้างเตียง แล้วจับขาของจางต้าหลางไว้แน่น

ลั่วเสี่ยวปิงก็พยายามสงบสติอารมณ์ เดินเข้าไปแล้วเริ่มจับกระดูกของจางต้าหลาง

การจับกระดูกเป็นเรื่องที่ยากมากพอสมควร หมอผู้ชำนาญการณ์ยังต้องจับหลายครั้งกว่าจะถนัด และประสบการณ์การแพทย์ของลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นด้วย ดังนั้นตอนนี้นางจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก

แต่ว่า ในตอนที่มือสัมผัสไปที่ขาของจางต้าหลาง สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นจริงจังและเข้มงวด และดูตั้งใจจดจ่อมากขึ้นด้วย

ถึงแม้จางต้าหลางจะเจ็บจนฟื้นขึ้นมาแล้วร้องตะโกนเสียงดัง ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ถูกกระทบเลย ความสนใจของนางอยู่ที่ขาข้างที่หักของจางต้าหลาง

นางรู้ว่า ตัวเองจะต้องตั้งใจจัดกระดูกของจางต้าหลางให้เข้าที่ทั้งหมด ไม่งั้นถ้ากระดูกงอกในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง ขาของจางต้าหลางคงได้พิการจริงแน่

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หน้าผากของลั่วเสี่ยวปิงก็เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ จางต้าหลางเจ็บจนฟื้นแล้วสลบวนอยู่แบบนี้หลายครั้ง ฉีเทียนเห้าก็ยังจับขาของจางต้าหลางเอาไว้ไม่ปล่อย ไม่ให้เขาขยับจะได้ไม่กระทบต่อการรักษาของลั่วเสี่ยวปิง แต่สายตาของฉีเทียนเห้ากลับมองไปยังลั่วเสี่ยวปิงไม่หยุด

มองดูท่าทีที่ตั้งใจจดจ่อของลั่วเสี่ยวปิง ฉีเทียนเห้ารู้สึกเหมือนหัวใจถูกหลอมละลาย อธิบายความรู้สึกที่มีไม่ได้

แค่รู้สึกว่า ท่าทีที่ตั้งใจของลั่วเสี่ยวปิงดูน่าหลงใหลมาก

ทุกอย่างนี้ ลั่วเสี่ยวปิงไม่รู้เลย

พอแน่ใจกระดูกขาทุกส่วนของจางต้าหลางแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ถอนหายใจออกยาวๆ ต่อมาก็เอาตอกไม้ไผ่มามัดขาของจางต้าหลางเอาไว้แน่น

พอทำเสร็จทุกอย่างแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็เปิดประตูห้องออก

จางเฉินซื่อรออยู่หน้าประตูตลอดเวลา พอเห็นประตูห้องเปิดออกแล้ว นางมองลั่วเสี่ยวปิงด้วยแววตาตื่นเต้นและคาดหวัง ขยับริมฝีปากหลายครั้ง แต่ไม่รู้จะเอ่ยปากถามอาการของจางต้าหลางกับลั่วเสี่ยวปิงยังไงดี

“ท่านป้าเจ้าคะ ขาของพี่ต้าหลางไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ ท่านไปตามหาคนเอาแผ่นกระดานมา ยกพี่ต้าหลางกลับบ้านได้เลยเจ้าค่ะ”

จางเฉินซื่อได้ยินว่าขาของจางต้าหลางไม่เป็นไรแล้ว นางก็ถึงโล่งใจ มองดูลั่วเสี่ยวปิงด้วยน้ำตา “เสี่ยวปิง ป้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้ายังไงดี เจ้า……”

“ท่านป้าไม่ต้องพูดอะไรแล้วเจ้าค่ะ ในเมื่อข้าเห็นว่าพี่ต้าหลางเป็นพี่ชายแท้ๆ ข้าสมควรทำแล้วเจ้าค่ะ”

จางเฉินซื่อปาดน้ำตา ไม่ได้พูดอะไรให้มากความอีก จึงใช้ให้จางเอ้อหลางกับผู้น้อยคนหนึ่งในหมู่บ้านไปเอาแผ่นกระดานมายกกลับบ้านไป

หมอสูก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าลั่วเสี่ยวปิงจะต่อกระดูกให้จางต้าหลางได้ จึงเข้าไปดูอาการของจางต้าหลาง

จางต้าหลางในตอนนี้เหนื่อยจนหลับไปอีกครั้งแล้ว หมอสูมองดูขาของจางต้าหลางอยู่นานมาก ในที่สุดก็เดินออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง

ชาวบ้านเห็นท่าทางเช่นนี้ของหมอสู จึงถามหมอสูเกี่ยวกับอาการของจางต้าหลาง

หมอสูไม่ได้พูดอะไร แค่เดินออกจากบ้านของลั่วเสี่ยวปิงเงียบๆ

ไม่นาน จางเอ้อหลางกับผู้น้อยในหมู่บ้านก็ยกแผ่นกระดานมา พวกเขาช่วยกันยกจางต้าหลางออกไปอย่างระมัดระวัง

จางเฉินซื่อตอนแรกอยากจะเดินออกไปด้วย แต่ก็ยังนึกถึงเรื่องมากมายในบ้านของลั่วเสี่ยวปิงก็เกิดลังเลขึ้นมา ลั่วเสี่ยวปิงจึงเร่งให้นางกลับบ้านไปก่อน จางเฉินซื่อก็ถึงกลับบ้านไป

พอจางเฉินซื่อกลับบ้านไปแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็จ่ายเงินค่าแรงตามวัน จากนั้นก็บอกว่าวันนี้พักผ่อน ให้ชาวบ้านกลับไปก่อน ก็ถึงนึกได้ว่ายังมีพวกโอหยางฉี่หยู่

ในตอนนี้ โอหยางฉี่หยู่กำลังมองดูพวกเมล็ดสนที่ถูกแกะออกมาอย่างน่าสนใจ

“เถ้าแก่ฉิน ไม่ทราบว่ามาหาข้าวันนี้มีอะไรหรือเปล่า?” ลั่วเสี่ยวปิงละสายตาออกจากโอหยางฉี่หยู่ แล้วมองไปที่เถ้าแก่ฉิน และไม่ได้เชิญพวกเขาให้นั่งลง ก็ถามเถ้าแก่ฉินว่ามาทำอะไรทันที

ความจริงแล้ว สภาพบ้านในตอนนี้ก็ไม่มีที่นั่งให้พวกเขาหรอก ยืนคุยกันตรงๆเลยจะดีกว่า

เถ้าแก่ฉินได้ยินที่ลั่วเสี่ยวปิงถาม ก็หันไปมองเจ้านายตัวเองก่อน

โอหยางฉี่หยู่ก็ได้ยินคำถามของลั่วเสี่ยวปิงเหมือนกัน เขาจึงเดินไปหานาง “แม่นางลั่ว ข้าอยากมาหาเจ้าต่างหาก”

ลั่วเสี่ยวปิงรู้ว่าคนที่มาหานางคือโอหยางฉี่หยู่ไม่ใช่เถ้าแก่ฉิน แต่นางยังไม่เคยคุยกับโอหยางฉี่หยู่ตัวต่อตัว ดังนั้นจึงไม่กล้าถามออกไปตรงๆ ก็ถึงพูดกับเถ้าแก่ฉินก่อน

ด้วยเหตุนี้ โอหยางฉี่หยู่จึงได้มา ลั่วเสี่ยวปิงไม่รู้สึกแปลกใจเลย แค่พูดคล้อยตามไปว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายโอหยางมาหาข้าด้วยธุระอันใด?”

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก” โอหยางฉี่หยู่พูดด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “แค่ไม่เห็นแม่นางลั่วมาส่งเมล็ดสนที่หอฝูหม่านนานแล้ว ข้าถึงตั้งใจมาเยี่ยมสักหน่อย ดูว่าเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า”

ว่าแล้ว โอหยางฉี่หยู่ก็มองดูเมล็ดสนพวกนั้น แล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะเป็นสำเร็จรูป?”

“สองวัน” ลั่วเสี่ยวปิงบอกเวลาที่ค่อนข้างปลอดภัย

วิธีการทำถั่วเปลือกแข็งไม่นั้นไม่ยากเลย แค่ต้องผ่านการต้มด้วยน้ำร้อนเดือดๆ จากนั้นก็ทำการผัดแล้วตากให้แห้ง ขอแค่มีคนพอ เวลาสองวันไม่ใช่ปัญหาเลย

สำหรับคำตอบของลั่วเสี่ยวปิง โอหยางฉี่หยู่เหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

“ทุกสองวันทำได้แค่นี้เองเหรอ?” โอหยางฉี่หยู่ถาม

เมล็ดสนที่ชาวบ้านแกะออกมาในตอนนี้ก็มีประมาณร้อยกว่าชั่ง ก็ยังไม่พออยู่ดี

ลั่วเสี่ยวปิงฟังคำพูดของโอหยางฉี่หยู่ ก็รู้ว่าเขามาเพราะเมล็ดสนจริงๆ จึงพูดว่า “คุณชายโอหยางก็เห็นแล้ว พื้นที่ของข้าเล็ก จะทำอะไรก็ลำบาก”

ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ นางคงไม่ต้องหยุดหลายวันหรอก

ว่าแล้ว ก็ไม่รอโอหยางฉี่หยู่พูดต่อ ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดไปตามตรงว่า “ข้าสร้างโรงงานไว้ด้านหลังแล้วและสามารถใช้ได้แล้วด้วย เมล็ดสนพวกนี้สามารถทำออกมาสำเร็จรูปได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน”

ในตอนที่พูดนั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็ชี้ไปที่เมล็ดสนที่กองเป็นภูเขา

แต่โอหยางฉี่หยู่ได้ยินคำนี้ ก็ยังไม่พอใจอยู่ดี เขาขมวดคิ้วแล้วพูดต่อว่า “เจ้ามีแค่นี้เองเหรอ?”

พูดตามตรง โอหยางฉี่หยู่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินเขาพูดแบบนี้ก็อึ้งไปทันที นางครุ่นคิดแล้วก็ถามไปว่า “คุณชายโอหยางรู้สึกว่าพวกนี้น้อยไปเหรอ?”

เมล็ดสนของนาง จะว่าน้อยก็ไม่น้อยนะ รอเมล็ดสนทั้งหมดทำเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปแล้ว น่าจะมีเป็นพันกว่ากิโลได้ ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆเลยนะ

โอหยางฉี่หยู่พยักหน้า พูดออกไปตรงๆว่า “น้อย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง