แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 92

ก่อนหน้านี้เมล็ดสนที่ลั่วเสี่ยวปิงส่งไปที่หอฝูหม่าน ไม่ได้ไปขายในเมืองทั้งหมด แต่ส่งไปที่เมืองใหญ่เลย

รสชาติเมล็ดสนร้านอื่นมีรสขมแถมยังมีกลิ่นของน้ำมันสนอีก ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสนใจ เมล็ดสนที่ลั่วเสี่ยวปิงทำออกมานั้นกลับเป็นที่สนใจของชาวเมืองอย่างมาก

ของขาดจึงแพง ตอนนี้เมล็ดสนพวกนั้นขายออกไปได้ในราคาที่มากกว่าในราคาที่พวกเขาตั้งไว้ตอนแรกหลายเท่าตัว แต่ของก็ยังขาดอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่โอหยางฉี่หยู่ต้องเดินทางมาเอง

เมล็ดสนเก็บรักษาง่าย และขายได้ตามราคาที่ตั้ง ตอนแรกโอหยางฉี่หยู่อยากจะขายเมล็ดสนพวกนี้ไปในเมืองหลวง แต่กลับมีสินค้าไม่พอ

ลั่วเสี่ยวปิงไม่รู้ว่าโอหยางฉี่หยู่คิดอะไรอยู่ แต่พอได้ฟังคำพูดของโอหยางฉี่หยู่แล้ว นางก็เริ่มครุ่นคิดขึ้นมา

ลูกสนบนเขาหมู่บ้านต้าซิงมีไม่เยอะเท่าไหร่ นอกจากจะมีอยู่ตามทางขึ้นเขาแล้วก็อยู่ในป่าลึกเลย ป่าลึกในตอนนี้อันตรายมาก เพื่อหาเงินแล้วต้องเสี่ยงชีวิตคนเข้าไปด้วยไม่คุ้ม

แต่ว่า ก่อนหน้านี้นางก็เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน และสืบดูเมืองรอบข้างก็มีร้านที่ผลิตเมล็ดสน ดังนั้นอยากจะทำปริมาณให้มากขึ้นก็ใช่ว่าจะไม่ได้

แต่ถ้าหากไปเมืองอื่น ต้องมีต้นทุนและกำลังคนไม่น้อย

คิดถึงตรงนี้แล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็มองไปที่โอหยางฉี่หยู่ “ป่าลึกของพวกเราแม้จะมีลูกสนอยู่บ้าง แต่ป่าลึกในตอนนี้อันตราย หากคุณชายโอหยางคิดว่าน้อย งั้นพวกเราร่วมมือกันเป็นไง ข้าคิดหาทาง คุณชายโอหยางลงทุนกำลังคนและเงินไปเก็บเมล็ดสนที่เมืองอื่น ที่ได้มาทั้งหมดพวกเราก็แบ่งกันสี่ต่อหก ข้าสี่เจ้าหกเป็นยังไง?”

นางจะเข้าหุ้นส่วนด้วยเทคนิควิธีการที่มี เหมือนกับชาดอกไม้และเสื้อผ้า นั่งรับกำไรอย่างเดียว

เพราะยังไง ตอนนี้นางมีเงินไม่มาก พื้นฐานยังไม่มั่นคง ถ้าไปทำโรงงานเมล็ดสนที่อื่นก็คงจะมีปัญหาหลายอย่าง

การเตรียมงานขั้นแรกก็เจอกับอุปสรรคเยอะแล้ว และใกล้เข้าฤดูหนาวแล้วด้วย มีเวลาไม่มากในการเด็ดลูกสน ตอนนี้เลือกร่วมงานกับโอหยางฉี่หยู่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

แต่ทว่า พอฟังที่ลั่วเสี่ยวปิงพูดแล้ว โอหยางฉี่หยู่กลับมีสีหน้ามืดมนลง “ความคิดของแม่นางลั่วดูมีความน่าสงสัยในการจับเสือมือเปล่านะ”

โอหยางฉี่หยู่เป็นนักธุรกิจ นักธุรกิจก็ต้องนึกถึงกำไรเป็นสิ่งสำคัญอยู่แล้ว สี่ส่วนถือว่ามากเกินไป

เขาต้องลงทุนกำลังคนและสิ่งของในระยะแรกทั้งหมด และลั่วเสี่ยวปิงแค่คิดวิธีการก็ได้ส่วนแบ่งสี่ส่วนแล้ว โอหยางฉี่หยู่รู้สึกว่าลั่วเสี่ยวปิงได้มากเกินไป

ได้ยินโอหยางฉี่หยู่พูดด้วยน้ำเสียงดูถูก สีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงกลับไม่เปลี่ยนไป แค่มองดูโอหยางฉี่หยู่ด้วยแววตาเรียบเฉย สบตากับสายตาที่เฉลียวฉลาดของโอหยางฉี่หยู่ “หากคุณชายโอหยางคิดว่าข้าจับเสือมือเปล่า ก็คิดเสียว่าข้าไม่เคยพูดคำนี้แล้วกัน”

โอหยางฉี่หยู่: “……” เขาก็แค่อยากต่อราคาเท่านั้นเอง

แต่ว่า เห็นท่าทางที่ไม่อยากร่วมงานด้วยของลั่วเสี่ยวปิง โอหยางฉี่หยู่ก็อดทนไว้แล้วพูดว่า “เจ้าคิดวิธี ข้าให้เงินปันผลเจ้าหนึ่งส่วนเป็นยังไง?”

ในสายตาของโอหยางฉี่หยู่ เงินปันผลหนึ่งส่วนถือว่าเยอะมากแล้ว

แต่ทว่า ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นลั่วเสี่ยวปิงที่มีสีหน้าเย็นชาแทน “ในเมื่อคุณชายโอหยางไม่คิดที่จะร่วมงานด้วย งั้นก็เชิญกลับเถอะ”

พูดจบ ลั่วเสี่ยวปิงก็กลับหลังหันเดินออกไป

คนหัวแหลมอย่างโอหยางฉี่หยู่ ลั่วเสี่ยวปิงรู้ว่าเขาจะต้องต่อรองราคา ดังนั้นจึงไม่ได้บอกเงินปันผลสามส่วนที่คิดไว้ แล้วบอกไปสี่ส่วน แต่ไม่คิดว่าโอหยางฉี่หยู่จะพูดหนึ่งส่วน

พูดตามตรง แค่บอกวิธีการที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ตามหลักแล้วนางได้กำไรมากที่สุด

แต่ขณะเดียวกัน นางก็เป็นนักธุรกิจ นางก็เห็นผลประโยชน์สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดเหมือนกัน

ถ้านางอยาก นางก็ทำเรื่องนี้เองก็ได้ แต่ถ้านางทำเองอาจจะยุ่งยากและช้าไปหน่อย อยากให้เงินหมุนเวียนได้ เกรงว่าต้องรอให้ลูกสนในฤดูกาลหน้าสุกก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น ที่นางเอาเงินปันผลสามส่วน นั่นก็เพราะอยากจะร่วมงานระยะยาวกับหอฝูหม่าน

ถ้าครั้งนี้ขอสี่ส่วนแต่กลับให้หนึ่งส่วน เกรงว่าต่อไปจะโดนกดราคาหนักกว่าเดิม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง