แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 95

อาหารหลักลั่วเสี่ยวปิงจะทำซาลาเปาทอดกับบะหมี่เบียงเบียง ส่วนอาหารลั่วเสี่ยวปิงจะทำต้มปลาผักกาดดอง ไก่ผัดเผ็ดและเนื้อกระต่ายผัดเปรี้ยวหวานรวมไปถึงไก่ต้มสมุนไพร และสุดท้ายก็คือหมูผัดพริกเผา

ใช้โอกาสวันนี้ ลั่วเสี่ยวปิงว่าจะเอาพริกของตัวเองออกมา

ส่วนการร่วมงาน งั้นคงต้องรอปีหน้าแล้วล่ะ เพราะพริกมีน้อยมาก และยังเป็นของมีค่ามากด้วย นางยังไม่มีเวลาปลูก

ยิ่งไปกว่านั้นฤดูกาลแบบนี้อยากจะปลูกพริก นอกจากจะสร้างโรงเรือนปลูกพืช

นวดแป้งที่จะทำบะหมี่เบียงเบียงแล้วพักไว้ข้างๆ ลั่วเสี่ยวปิงก็เริ่มนวดแป้งที่จะทำซาลาเปาทอด นวดเสร็จแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็สับเนื้อหมู ผสมไส้ซาลาเปา

แค่ไส้ลั่วเสี่ยวปิงก็ทำแล้วสามชนิด: ไส้ขึ้นฉ่ายหมูสับ ไส้ผักหมูสับ ไส้หัวหอมหมูสับ

ทำเส็จทั้งหมดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็เริ่มต้มซุป

เพราะผักเยอะเกิน ลั่วเสี่ยวปิงให้ฉีเทียนเห้าทำเตาเล็กๆไว้ก่อนแล้ว

ปรุงรสซุปไก่ในหม้อเสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงก็ตักซุปออกมาไว้ในไห จากนั้นต้มต่อบนเตาเล็กๆช้าๆ

ต่อมาก็เริ่มทำเนื้อกระต่ายผัดเปรี้ยวหวาน

วิธีการทำเนื้อกระต่ายผัดเปรี้ยวหวานไม่ยากเลย แค่หั่นเป็นชิ้นจากนั้นก็หมักด้วยเครื่องปรุง

จากนั้นใส่ขิง กระเทียม โป๊ยกั้ก ข่าแห้ง มะแข่น พริกแห้ง ผัดบนกระทะที่มีน้ำมันร้อนจนหอมจากนั้นก็เทเนื้อกะรต่ายที่หมักไว้ลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว เกลือ น้ำตาล ตอนที่ตักออกจากกระทะก็สาดต้นหอมซอยลงไป ก็ทำเสร็จแล้ว

ตอนที่เนื้อกระต่ายลงกระทะ กลิ่นหอมของอาหารก็ทำเอาเถ้าแก่ฉินกับโอหยางฉี่หยู่รวมไปถึงอานอานเล่อเล่อ ทั้งสี่คนยืนมองลั่วเสี่ยวปิงทำอาหารอยู่นอกห้องครัวธรรมดาๆ ด้วยสายตาที่เปล่งประกาย ท่าทางเหมือนอยากกินมาก

โอหยางฉี่หยู่คิดว่าตัวเองกินของอร่อยมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่กลับไม่เคยได้กลิ่นอาหารที่หอมขนาดนี้มาก่อน แทบอยากจะพุ่งเข้าไปแย่งมากินให้หมด

กลิ่นหอมนี้ ชักจูงกระเพาะในท้องของเขาให้อยากเอาขอพวกนั้นเข้าท้องตัวเอง

ภายในใจของเถ้าแก่ฉินกลับตื่นเต้นมาก ถ้าหอฝูหม่านมีเมนูนี้ งั้นธุรกิจที่ร้านก็ต้องไปไกลขึ้นน่ะสิ?

และเมนูนี้หากโด่งดังออกไปจากหอฝูหม่านในเมืองซีเหอของเขา งั้นเขาก็ลืมตาอ้าปากได้แล้วน่ะสิ

ลั่วเสี่ยวปิงเอาเนื้อกระต่ายผัดเปรี้ยวหวานใส่จานแล้วก็เห็นว่าคนด้านนอกกำลังมองตัวเองอยู่ พูดให้ถูกก็คือกำลังมองเนื้อกระต่ายในมือตัวเองอยู่ ก็รู้สึกตลกดี

“อันนี้ต้องกินตอนเย็นแล้วถึงจะอร่อย พวกเจ้ารอไปก่อนนะ”

พูดจบ ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่สนใจพวกเขาต่อ แล้วเริ่มทำได้ผัดพริกกับต้มปลาผักกาดดอง และผัดผักง่ายๆอีกหนึ่งจาน

พอทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็เริ่มห่อซาลาเปา

นิ้วมือของลั่วเสี่ยวปิงดูเชี่ยวชาญมาก ความเร็วในการห่อซาลาเปาก็เร็วมากด้วย

ตอนแรกลั่วเสี่ยวปิงกำลังตั้งใจห่อซาลาเปาอยู่ ทันใดนั้นกลับรู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังมองมาที่ตัวเองอยู่

กำลังเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย กลับเห็นฉีเทียนเห้าเดินเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ยืนข้างๆนาง ช่วยนางห่อซาลาเปา

“เจ้าทำเป็นเหรอ?” ลั่วเสี่ยวปิงหยุดท่าทางในมือลง แล้วมองฉีเทียนเห้าอย่างตกตะลึง

ถึงแม้จะไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉีเทียนเห้า แต่ก็เดาได้ว่าเขาต้องเป็นเศรษฐีไม่ก็ชนชั้นสูง คนแบบนี้จัดการทำความสะอาดสัตว์ที่ล่ามาได้ นางก็รู้สึกแปลกใจมากแล้ว ตอนนี้ยังห่อซาลาเปาเป็นด้วย?

ยุคสมัยนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องที่ว่าผู้ชายไม่เข้าครัวไม่ใช่เหรอ?

“อืม——” ฉีเทียนเห้าอืมเสียงเบา จากนั้นก็เริ่มห่อซาลาเปาอย่างเงอะๆงะๆ

เมื่อกี้เห็นนางห่อไปแล้วสิบกว่าอัน ดูเหมือนจะไม่ยากมาก

แต่พอฉีเทียนเห้าห่อเสร็จอันแรก ก็ขมวดคิ้วเป็นปมทันที

มันดู……ขี้เหร่จนใช้ไม่ได้เลย

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นแล้ว ก็รู้ว่าฉีเทียนเห้าห่อครั้งแรก เห็นเขาขมวดคิ้วทำท่าไม่พอใจ ลั่วเสี่ยวปิงก็อดไม่ได้ปลอบใจเขาว่า “ครั้งแรกห่อได้ขนาดนี้ก็ไม่เลวแล้ว ตอนข้าห่อครั้งแรกขี้เหร่กว่านี้อีก”

แต่ว่าตอนที่นางห่อครั้งแรกเป็นตอนเจ็ดขวบ

แต่ไม่ว่ายังไง ฉีเทียนเห้ามาช่วยนางได้ นางก็รู้สึกซาบซึ้งใจแล้วล่ะ

ฉีเทียนเห้าได้ยินคำปลอบใจของลั่วเสี่ยวปิง เขาก็เม้มปาก จากนั้นก็เริ่มห่อซาลาเปาต่อ

หลังจากห่อไปแล้วสามอัน ซาลาเปาที่ฉีเทียนเห้าห่อก็เริ่มเข้าท่ามากขึ้น

ภาพที่ทั้งสองยืนทำอาหารด้วยกันในครัวดูอบอุ่นมาก ให้ความรู้สึกสงบสุข

แต่สำหรับภาพนี้ในสายตาโอหยางฉี่หยู่แล้ว กลับให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก

ใครจะคิดล่ะว่า อ๋องเซ่อเจิ้งแห่งราชวงศ์ต้าชิ่งเทพสงครามแห่งต้าชิ่ง กลับช่วยผู้หญิงคนหนึ่งห่อซาลาเปาอยู่ในครัวแบบนี้?

และเขาเป็นแค่นักธุรกิจ เดี๋ยวอาจจะได้กินซาลาเปาฝีมือของอ๋องเซ่่อเจิ้ง

ผู้หญิงที่ชื่อว่าลั่วเสี่ยวปิง มีพลังวิเศษแบบไหนกันนะ?

มองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นในครัว โอหยางฉี่หยู่ก็รู้สึกสับสนในใจมาก

สุดท้าย สายตาของโอหยางฉี่หยู่ก็มองไปที่อานอานกับเล่อเล่อ

นึกถึงคำเตือนของฉีเทียนเห้า โอหยางฉี่หยู่ก็เก็บอารมณ์ทางสีหน้าที่ไม่ควรมี เอาหยกที่หนีบไว้ตรงเอวของตัวเองออกมาแล้วเดินไปหาเด็กสองคนนั้น

“ท่านอาโอหยางรีบมา มีแค่หยกอันนี้ให้พวกเจ้า”

ถึงแม้ฉีเทียนเห้าจะไม่พูดอะไร แต่เขาก็แน่ใจได้ว่าเด็กสองคนนี้เป็นลูกของเขา ตอนนี้มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเอาใจเด็กสองคนนี้

อานอานมองดูโอหยางฉี่หยู่ จากนั้นก็กลับหลังหันเดินจากไปอย่างเย็นชา แล้วเอากิ่งไม้ขึ้นมาเขียนหนังสือข้างๆ

โอหยางฉี่หยู่: “……” ก็ได้ สองพ่อลูกนิสัยเหมือนกันเลย

ดังนั้น โอหยางฉี่หยู่จึงมองไปยังเล่อเล่อ

สายตาของเล่อเล่อมองไปยังหยกชิ้นนั้นด้วยสายตาที่เปล่งประกาย

เพราะนางรู้ว่า หินแบบนี้จะต้องมีราคามากแน่นอน

เดี๋ยวขายหินก้อนนี้ได้ นางจะเอาไปซื้อของกินอร่อยๆมาให้ท่านแม่กิน

ดังนั้นเห็นโอหยางฉี่หยู่มองมาที่ตัวเอง เล่อเล่อก็ยิ้มหวานตาหยีแล้วรับหยกชิ้นนั้นมา แล้วพูดจาหวานๆว่า “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านอาโอหยาง”

โอหยางฉี่หยู่เห็นเล่อเล่อรับไว้ ก็อดไม่ได้โล่งอก ยื่นมือไปอยากจะลูบหัวเล่อเล่อ แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงเงาที่ครอบงำตัวเขาไว้

พอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นฉีเทียนเห้าที่ไม่รู้ว่าทำงานในครัวเสร็จเมื่อไหร่กำลังยืนอยู่ด้านหลังเขาด้วยใบหน้าเย็นชา เขาตกใจจนยืนตัวตรงทันที

โอหยางฉี่หยู่: “……” เขาเหมือนจะไม่ได้ทำเรื่องที่เลวร้ายอะไรเลยนะ?

“เจ้าว่างมากเหรอ?” ฉีเทียนเห้าถาม

ฉีเทียนเห้าในตอนนี้ดูไม่พอใจมาก

ตั้งแต่ที่เล่อเล่อรู้ว่าตัวเองเป็น ‘พ่อแท้ๆ’ ของตัวเองแล้ว ก็ไม่สนใจเขามาตลอด

แน่นอนว่านอกจากตอนที่เขาฝึกวิชาการต่อสู้

แต่ว่า ตอนนี้เล่อเล่อที่ไม่ค่อยสนใจตัวเองกลับยิ้มหวานให้กับโอหยางฉี่หยู่แบบนี้ นี่ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก รู้สึกเหมือนของที่เป็นของตัวเองกำลังถูกครอบครอง

“ข้า……” ไม่ว่าง

“ในเมื่อว่างมาก งั้นก็ไปตัดฟืนไป” ฉีเทียนเห้าไม่รอโอหยางฉี่หยู่อธิบาย มือก็ชี้ไปที่กองฟืนข้างๆ

โอหยางฉี่หยู่: “……” ทำไมเขาไม่ว่างแล้วต้องไปตัดฟืนล่ะ? เขาไม่คู่ควรกับการนั่งรอกินเหรอ?

โอหยางฉี่หยู่ไม่กล้าถาม เพราะมองจากสีหน้าของฉีเทียนเห้าแล้ว เขาก็รู้คำตอบแล้วล่ะ

สุดท้าย โอหยางฉี่หยู่ก็ไปตัดฟืนด้วยสีหน้าขมขื่น

เถ้าแก่ฉินที่เป็นลูกน้อง: “……”

เจ้านายผู้สูงศักดิ์ของเขา กลับเดินไปตัดฟืนอย่างเชื่อฟังงั้นเหรอ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง