แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์ นิยาย บท 10

            ตอนที่ 10 หญิงชั่ว

          หลี่เยียนเอ๋อร์เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ เอ่ยด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาว่า “หม่อมฉันไปคารวะพระชายา แต่สาวใช้ของท่านขวางหม่อมฉัน หม่อมฉันนึกว่านางขวางข้าด้วยเจตนาไม่ดี จึงได้เกิดเรื่องปะทะกับนางเล็กน้อยเพคะ”

“ปะทะกันเล็กน้อยหรือ” เจียงเว่ยหว่านปากสั่นพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มเยาะเย้ย “ชิงเหมยถูกเจ้าตีจนมีบาดแผลทั่วร่าง นี่เป็นการปะทะกันเล็กๆอย่างนั้นหรือ”

หลี่เยียนเอ๋อร์ยิ้มอย่างสวยงาม “พระชายา สาวใช้ที่ชื่อชิงเหมยเป็นบ่าวที่รับใช้ใกล้ชิดท่าน นางไม่รู้แม้กระทั่งว่าท่านไปไหน คนใช้ที่ทำหน้าที่ได้ไม่ดีเช่นนี้ ต้องสั่งสอนนางให้ดี”

“หม่อมฉันจึงบังอาจสักครั้ง กระทำเกินหน้าที่โดยการช่วยสั่งสอนนางแทนท่าน”

“สั่งสอน” เจียงเว่ยหว่านเอ่ยเสียงดุ “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนคนของข้า”

ใบหนางดงามของหลี่เยียนเอ๋อร์ขรึมลงเล็กน้อย เผยให้เห็นสีหน้าไม่พอใจ แต่ไม่ช้านางก็ปรับสีหน้าให้เป็นเหมือนเดิม พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พระชายา ท่านไม่มีความสามารถที่จะดูแลบ่าวรับใช้ข้างกายให้ดี เช่นนั้นหม่อมฉันจึงทำแทนท่าน ไม่เช่นนั้นหากวันหลังไปล่วงเกินท่านอ๋อง แล้วท่านจะทำอย่างไร”

“หม่อมฉันหวังดีต่อท่านนะเพคะ”

น่าขัน 

ตีคนของนาง ยังหาเหตุผลที่สมบูรณ์แบบได้ เจียงเว่ยหว่านหมดความอดทน ยกมือขึ้นสะบัดไปที่ใบหน้าของหลี่เยียนเอ๋อร์

“เพียะ”

เสียงตบดังกังวานไปทั่วทั้งห้อง 

คนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตกตะลึง หลี่เยียนเอ๋อร์กุมใบหน้าที่ร้อนผ่านของตนเองเอาไว้ 

ฝ่ามือของเจียงเว่ยหว่านไม่เพียงแต่ตบลงบนใบหน้าของนางเท่านั้น ยังทำให้ศักดิ์ศรีของนางถูกเหยียบหยามไปด้วย 

ใจของหลี่เยียนเอ๋อร์นั้นแค้นจนกัดฟัน แต่ใบหน้ากลับแสร้งแสดงออกอย่างอ่อนแอ ท่าทีน่าสงสารเห็นใจ ถามด้วยเสียงสะอื้นว่า “พระชายาตบหม่อมฉันทำไม”

เจียงเว่ยหว่านเลิกคิ้วขึ้น พูดกับนางด้วยเสียงเย็นชาว่า “ข้าตบเจ้า ก็เพราะเจ้าเห็นข้าแล้วยังกล้าไม่คุกเข่าคารวะ ฝ่ามือนี้เป็นการลงโทษที่เจ้าไม่ให้ความเคารพต่อพระชายา”

ว่าแล้วก็ยกฝ่ามือขึ้นมาสะบัดไปยังหลี่เยียนเอ๋อร์อีกครั้ง 

“เพียะ”

“เจ้าใช้อำนาจรังแกผู้อื่น เหยียดหยามบ่าวรับใช้ของข้า เจ้าตบบ่าวรับใช้ของข้าไปกี่ที ข้าก็จะตบเจ้ากี่ที”

“เพียะๆๆ......”

เจียงเว่ยหว่านยกมือขึ้นและตบไปบนใบหน้าหลี่เยียนเอ๋อร์หลายที ทุกครั้งที่ฟาดลงไปนางใช้แรงสุดกำลัง ตบจนฝ่ามือของนางรู้สึกทั้งเจ็บทั้งชา นางจึงหยุดมือ 

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็นิ่งอึ้งไป พวกเขาต่างรู้สึกตกใจมาก ทุกคนเหมือนมีรากงอกออกมาจากฝ่าเท้า ยืนนิ่งอยู่กับที่จนลืมไปว่าต้องเข้าไปช่วย เบิกตาโตทำหน้าไม่อยากจะเชื่อจ้องมองพระชายาที่ทรงอำนาจใต้แสงอาทิตย์ที่ระบายอารมณ์ต่อหลี่เยียนเอ๋อร์

หลี่เยียนเอ๋อถูกตบจนหน้าหัน ใบหน้าเขียวช้ำบวมเบ่งขึ้นมา มุมปากมีเลือดไหลซิบออกมา นางกลืนเลือดสดๆที่ไหลจากมุมปากเข้าไป กุมใบหน้าที่บวมเหมือนหัวหมูของตนเองเอาไว้ 

“เจ้า ทำไม่เจ้าต้องตบคนอื่นเช่นนี้ด้วย ฮือๆๆๆ......”

หมิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆเข้าไปประคองร่างที่โซเซจนเกือบจะล้มของหลี่เยียนเอ๋อร์

ใบหน้างดงามของหลี่เยียนเอ๋อร์แดงก่ำจนไม่มีเค้าเดิมแล้ว หมิงเอ๋อร์เอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้นาง 

“แม่นางเยียนเอ๋อร์ ใบหน้าของท่าน หน้าของท่าน......”

หลี่เยียนเอ๋อร์น้ำตาไหลพรากออกมา 

“ข้า ใบหน้างดงามของข้าได้รับความเสียหายแล้วใช่ไหม”

หมิงเอ๋อร์พยักหน้าแรงๆ

“ฮือๆ” หลี่เยียนเอ๋อร์ร้องไห้จนสะอึกสะอื้น พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว 

หมิงเอ๋อร์เองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง พระชายาอัปลักษณ์คนนี้ ไม่ได้โง่ และไม่ได้รังแกง่ายๆเหมือนในข่าวลือ

“แม่นางเยียนเอ๋อร์ ท่านอย่าเพิ่งร้องไห้ ระวังจะเสียโฉม รีบไปตามท่านหมอมาดูหน้าของท่านเถอะ”

หลี่เยียนเอ๋อร์รีบห้ามน้ำตาเอาไว้ทันที ในใจแค้นจนแทบทนไม่ไหว แต่ใบหน้ากลับต้องแสร้งทำเป็นน่าสงสาร “พระชายา ท่านตบข้าอย่างไร้เหตุผล หม่อมฉันจะไปบอกท่านอ๋อง ให้ท่านอ๋องทวงความยุติธรรมให้ข้า”

หมิงเอ๋อร์ก็พูดขึ้นอย่างเห็นด้วย “ท่านกระทำการเอาแต่ใจ เป็นหญิงร้ายที่บังอาจมาก วันนี้ท่านอ๋องต้องไม่ปล่อยท่านไว้แน่”

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน “พระชายารังแกผู้อื่นเช่นนี้ ช่างน่ารังเกียจจริงๆ ไม่ต่างจากหญิงชั่วเลยสักนิด”

หลี่เยียนเอ๋อร์ได้ยินก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น “ใบหน้าของข้าเจ็บมาก คงจะเสียโฉมจริงๆแล้วกระมัง”

หมิงเอ๋อร์มองใบหน้าของนางที่ถูกตบจนบวมเบ่ง เหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด “เรื่องนี้พูดยาก”

“ฮือๆๆ......” หลี่เยียนเอ๋อร์ร้องไห้เสียใจหนัก พูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสารว่า “พวกเจ้าต้องเป็นพยานให้ข้า พระชายารังแกกันเกินไปแล้ว กระทำการย่ำยีข้าถึงเพียงนี้”

รังแกกันเกินไป ย่ำยีอย่างนั้นหรือ 

เจียงเว่ยหว่านแทบจะหัวเราะออกมา ทั้งๆที่พวกนางต่างหากที่ไร้ซึ่งความเป็นคนก่อน ตอนนี้แทนที่จะยอมรับผิดกลับย้อนมาเล่นงาน ช่างน่าขันซะจริง

“เลิกเสแสร้งได้แล้ว ตอนที่เจ้าตีชิงเหมย ทำไมจึงไม่รู้สึกว่าตนเองโหดเหี้ยม ไม่คิดว่าตนเองรังแกคนอื่นเกินไปเล่า”

หลี่เยียนเอ๋อร์ร้องไห้พลางพูดด้วยเสียงน้อยใจว่า 

“พระชายา ความสามารถในการปั้นน้ำเป็นตัวของท่านช่างร้ายกาจจริงๆ เมื่อครู่หม่อมฉันกับหมิงเอ๋อร์จะไปคารวะท่าน บ่าวรับใช้คนนั้นบังอาจขวางหม่อมฉัน ไม่ให้หม่อมฉันเข้าไป หม่อมฉันกับนางก็เลยเกิดเรื่องปะทะกันเล็กน้อย” 

“อีกอย่างพระชายาก็ไม่อยู่ในจวน นางที่เป็นบ่าวรับใช้ข้างกายท่านกลับไม่ติดตามท่านไป ยังปิดบังที่อยู่ของท่าน จะไม่ให้ลงโทษอย่างนั้นหรือ”

“หุบปาก” ดวงตาของเจียงเว่ยหว่านขรึมลง ตำหนินางด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “หลี่เยียนเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร อย่าคิดว่าข้าให้เจ้ามาอยู่จวน แล้วเจ้าจะทำตัวได้คืบจะเอาศอกได้”

หลี่เยียนเอ๋อร์น้ำตาไหลนองหน้าพูดว่า “พระชายา ท่าน ทำไมท่านต้องเหยียดหยามกันด้วย ท่านอ๋องให้หม่อมฉันมาอยู่ในจวน หม่อมฉันก็ถือได้ว่าเป็นคนในจวน วันนี้ท่านตีหม่อมฉัน ท่านอ๋องต้องไม่ให้อภัยท่านแน่”

เจียงเว่ยหว่านทำเสียงขึ้นจมูก “ขอโทษ ข้าต่างหากที่เป็นนายหญิงของจวนอ๋องฉิน รบกวนเจ้าวางตัวให้ถูกที่ด้วย อย่าเอาแต่ยกยอตนเอง เรื่องในจวนทุกคนย่อมต้องเชื่อฟังข้า”

ใบหน้างดงามของหลี่เยียนเอ๋อร์เต็มไปด้วยสีหน้าตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าเจียงเว่ยหว่านจะร้ายกาจขนาดนี้ เดิมทีคิดว่าเป็นแค่หญิงบ้านนอกหน้าตาขี้เหร่ไร้สมองคนหนึ่ง ใครจะคิดว่านางจะปากคอเราะรายถึงเพียงนี้ 

นางพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ได้แต่กำหมัดเอาไว้แน่น ทำก้มหน้าคอตก ท่าทีน่าสงสารมาก 

หมิงเอ๋อร์ช่วยหลี่เยียนเอ๋อร์ทวงความเป็นธรรม “พระชายา ท่านช่างไร้มารยาทในการต้อนรับแขกเสียจริง อย่างน้อยแม่นางหลี่ก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตท่านอ๋องเอาไว้ และนับว่าเป็นผู้มีพระคุณของจวนอ๋องเช่นกัน ท่านทำหน้าบึ้งตึงพูดจาเสียงดังใส่ก็แล้วไปเถอะ แต่ยังลงไม้ลงมือกับแม่นางเยียนเอ๋อร์ ท่านทำเกินไปแล้ว”

“ข้าทำอะไรกับนาง” เจียงเว่ยหว่านยิ้มเย็น “อย่ามาแกล้งทำตัวน่างสงสารแถวนี้ พวกเจ้าสองคน วันนี้ข้าไม่มีวันปล่อยไปแน่”

“เจ้า” หลี่เยียนเอ๋อร์สะอึก กุมหน้าอกเอาไว้ พูดด้วยสีหน้าซีดขาวว่า “พระชายา ท่านหมายความว่าอย่างไร”

“หมายความว่าอย่างไร” เจียงเว่ยหว่านเลิกคิ้วขึ้น พูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า “พวกเจ้ารังแกคนของข้า ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปง่ายๆได้อย่างไร”

“เด็กๆ ไปรายงานท่านอ๋อง บอกว่าพระชายาบ้าไปแล้ว”

ความเคลื่อนไหวในเรือนจื่อเยียนเสียงดังรบกวนไปถึงเซียวจิ้งเป่ยที่อยู่ในห้องตำรา

แม้ว่าร่างกายของเซียวจิ้งเป่ยจะได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็เดินเร็วมาก ไม่ช้าก็ไปถึงเรือนจื่อเยียน 

เห็นว่าทั้งข้างในและข้างนอกของเรือนจื่อเยียนล้วนมีคนอยู่ เหล่าบ่าวรับใช้ซุบซิบกันเบาๆว่า “พระชายาช่างน่ารังเกียจจริงๆ ตบจนแม่นางหลี่เยียนเอ๋อร์หน้าบวมเป็นหัวหมู โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว”

“ช่างไร้ความเป็นคนจริงๆ หญิงปากร้ายอย่างนางท่านอ๋องจะรับได้อย่างไร”

“ท่านอ๋องต้องหย่ากับคนที่กระทำการอุกอาจไร้เหตุผล ปากคอเราะรายไร้ความปรานีอย่างนางแน่นอน”

“โธ่เอ๊ย พวกเจ้าใช่ว่าจะไม่รู้ว่าพระชายาของพวกเรามาจากบ้านนอก คนบ้านนอกคอกนาเช่นนี้ย่อมไม่รู้จักเหตุผล คงจะรักแกแม่นางหลี่จนถึงที่สุด”

“อะแฮ่ม......” เซียวจิ้งเป่ยกระแอมไอขึ้นมา คนข้างนอกรีบหันกลับไปมองทันที เมื่อเห็นว่าเป็นท่านอ๋องผู้หล่อเหลาก็รีบคุกเข่าลง “ท่านอ๋องเพคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์