แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์ นิยาย บท 9

            ตอนที่ 9 นางต้องรับผลที่ตามมา

          เจียงเว่ยหว่านรีบออกมาจากกลุ่มคน ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น แต่เพราะเห็นว่าจางหานกำลังออกตามหามาถึงที่นี่แล้ว แม้ว่านางจะปลอมตัวเป็นชาย แต่ก็พบเจอกับพวกเขาให้น้อยดีที่สุด ถ้าหากพบว่านางออกจากจวน เช่นนั้นชิงเหมยต้องซวยแน่

ในยุคโบราณนี้ เจ้านายทำผิด ล้วนทำโทษบ่าวด้วยการเฆี่ยน

หัวใจของเจียงเว่ยหว่านอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงขึ้นมา กลับไปดูที่จวนก่อนดีกว่า 

วันนี้ต้องเสียเวลาเรื่องหางานไปแล้ว 

ได้แต่ค่อยเป็นค่อยไปแล้ว

เจียงเว่ยหว่านหลบไปในที่ที่ไม่มีคนและเช็ดหน้าออก แล้วรีบกลับไปยังจวน ยังไม่ทันจะก้าวขาเข้าไป ในเรือนติงก็มีกลิ่นคาวเลือดรุนแรงโชยออกมา ค่อนข้างฉุนจมูก นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักอึ้งในใจขึ้นมา ฝีเท้าของนางก็เร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว 

เมื่อนางมาถึงเรือนติง ดอกไม้ที่ปลูกไว้ในสวนล้มระเนระนาด ดูยิ่งเหยิงไปหมดทั้งภายในภายนอก ในพุ่มหญ้าเขียวขจีเต็มไปด้วยหยดเลือดสีแดงฉาน เมื่อสายลมพัดมา หยดเลือดบนใบหน้าค่อยๆไหลหยดลงมา 

เจียงเว่ยหว่านรีบเร่งฝีเท้าไปยังเรือนรับแขกในสวนดอกไม้ เมื่อจ้องมองดีๆ ก็พบว่าโต๊ะเก้าอี้ล้มกระจัดกระจาย ส่วนชิงเหมยกับบ่าวรับใช้อีกสองสามคนต่างก็มีบาดแผลเต็มตัวขดตัวอยู่ในมุมห้อง หญิงสาวตัวเล็กบอบบางต่างกอดกันกลม ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด 

“ชิงเหมย......” เจียงเว่ยหว่านเดินไปหาพวกนางด้วยท่าทีกระวนกระวาย “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“คุณหนู”  ชิงเหมยร้องไห้พลางเงยหน้าขึ้นมา 

เจียงเว่ยหว่านเห็นใบหน้าของนาง ก็นิ่งอึ้งไป จากนั้นไฟโทสะที่อยู่ในใจก็ลุกโชนขึ้นมา 

แก้มทั้งสองข้าของชิงเหมยมีรอยฝ่ามือสีแดงประทับอยู่ มีทั้งสองข้าง ทั้งแดงทั้งบวม แม้แต่ริมฝีปากยังบวมเบ่งขึ้นมา เหมือนไส้กรอกย่างในยุคปัจจุบันไม่มีผิด 

เจียงเว่ยหว่านกวาดสายตามองตั้งแต่หน้า ไปจนถึงร่างกายของนาง 

เสื้อผ้าของชิงเหมยฉีกขาดไม่มีชิ้นดี ผิวหนังที่เผยออกมาให้เห็นไม่มีส่วนไหนที่สมบูรณ์ ล้วนถูกฟาดจนถลอกปอกเปิก เลือดสีแดงฉานยังไหลออกมาตามรอยแส้ ไม่เพียงแต่ย้อมจนเสื้อของนางเปียกชุ่ม ยังหยดลงมาที่พื้น หยดลงบนก้อนอิฐด้วย 

แล้วมองไปยังสาวรับใช้คนอื่นๆก็มีสภาพไม่ต่างจากนางเลย ผิวขาวละเอียดถูกฟาดจนแตก เลือดไหลหยดลงบนพื้นอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ 

มีคนฉวยโอกาสตอนที่นางไม่อยู่ ตีคนของนาง เจียงเว่ยหว่านรู้สึกโกรธมาก ร่างกายสั่นเทาขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ พยายามจะสกัดกั้นไฟโทสะที่อยู่ในใจ เอ่ยถามด้วยความสงสารว่า “ชิงเหมย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ใครเป็นคนทำ”

ชิงเหมยรู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั่วทั้งร่างกาย แต่เพื่อไม่ให้คุณหนูไม่สบายใจ นางพยายามฝืนลุกขึ้นยืนตัวตรง เค้นรอยยิ้มออกมา “คุณหนู บ่าวไม่เป็นไร เรื่องถูกตีเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยๆอยู่แล้วเจ้าค่ะ”

เจียงเว่ยหว่านใช้พลังจิตนำยาออกมาจากช่องว่างให้นางทา 

นางเอาทิงเจอร์ไอโอดีน ไม้พันสำลี ยากระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ และยาปฏิชีวนะยื่นให้นางพร้อมกัน “ใช้น้ำยาเช็ดทำความสะอาด จากนั้นก็ใช้ยาทา ยานี่ใช้สำหรับกิน พวกเจ้ารีบกินซะ ไม่เช่นนั้นถ้าอักเสบขึ้นมาจะไม่ดี”

ชิงเหมยยื่นมือไปรับของมา มองคุณหนูของตนเองด้วยสายตาประหลาดใจ “คุณหนู ท่าน ท่านรักษาคนเป็นด้วยหรือ”

เจียงเว่ยหว่านไม่อยากอธิบายเรื่องพวกนี้ แต่มองพวกนางอย่างจริงจังและถามว่า “ใครเป็นคนตีพวกเจ้าจนมีสภาพเช่นนี้”

ชิงเหมยก้มหน้าลงด้วยความกลัว พยายามอดทนต่อความเจ็บ เค้นรอยยิ้มออกมา “บ่าวไม่เป็นไรจริงๆเจ้าค่ะ”

“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร เจ้ารีบบอกมาว่าใครทำ เจ้าไม่พูด พวกเขาก็จะคิดว่าเรารังแกได้ง่ายๆ วันหน้าก็จะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก” เจียงเว่ยหว่านกราดเกรี้ยวมาก เอ่ยกับนางด้วยความขุ่นเคืองว่า “ตอนนี้ข้าเป็นพระชายา เจ้าถูกพวกเขารังแก ไม่เท่ากับว่าข้าถูกตบหน้าหรอกหรือ”

ชิงเหมยไม่เคยเห็นคุณหนูของตนโมโหขนาดนี้มาก่อน นางเอ่ยอย่างขี้ขลาดว่า “เป็น เป็นแม่นางหลี่เยียนเอ๋อร์ที่พาพี่หมิงเอ๋อร์มาเยี่ยมท่าน พอไม่พบท่าน ก็ลงโทษพวกบ่าวเจ้าค่ะ”

เจียงเว่ยหว่านหรี่ตาลงเล็กน้อย ริมฝีปากเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา “หลี่เยียนเอ๋อร์”

เจียงเว่ยหว่านหมุนตัวเข้าไปยังห้องนอนเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน แล้วก็รีบเดินออกไปเพื่อจะคิดบัญชีกับหลี่เยียนเอ๋อร์

ชิงเหมยร้องไห้พลางห้ามนางเอาไว้ 

“คุณหนู ท่านจะไปไม่ได้ ถ้าหากท่านไปหาเรื่องหลี่เยียนเอ๋อร์ ท่านอ๋องต้องโกรธแน่ๆ ตอนนี้ท่านต้องพึ่งท่านอ๋องจึงจะมีที่ยืนอยู่ในจวนได้ ท่านอย่าได้ล่วงเกินท่านอ๋อง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดผลที่ไม่คาดคิดตามมาก็ได้”

เจียงเว่ยหว่านใช้สายตาห้ามชิงเหมยเอาไว้ “พวกเจ้ารีบทายาก่อน ข้าจะไปทวงความยุติธรรมให้พวกเจ้าเอง”

พูดจบ นางก็เดินจากไป 

ชิงเหมยตกใจจนทรุดลงไปที่พื้น มุมปากสั่นเท่า “จบสิ้นแล้ว”

เจียงเว่ยหว่านตรงดิ่งไปยังเรือนจื่อเยียนด้วยความโมโห

เรือนจื่อเยียนเต็มไปด้วยบ่าวรับใช้น้อยใหญ่ของจวนอ๋อง แต่ละคนกำลังคุกเข่าคำนับทักทายอยู่ที่นั่น 

เมื่อเหล่าบ่าวรับใช้เห็นเจียงเว่ยหว่าน ก่อนอื่นคือนิ่งอึ้งไป จากนั้นก็เหมือนไม่เห็นนางอยู่ในสายตา เอ่ยอย่างดูแคลนว่า “ไม่รู้ว่าลมชั่วร้ายอะไรที่พัดพาพระชายาอัปลักษณ์มาถึงที่นี่ เห็นทีนางเองก็คงจะรู้แล้วว่าแม่นางหลี่ต่างหากที่เป็นคนโปรดของท่านอ๋อง ก็เลยต้องรีบมาประจบสอพลอ”

“ประจบแล้วได้ประโยชน์อะไร อย่างไรเสียก็ไม่ได้รับความรักจากท่านอ๋องอยู่ดี นางทั้งขี้เหร่ทั้งไร้รสนิยม ไม่มีความเป็นคุณหนูผู้ดีเลยสักนิด”

“ใช่แล้ว ยังสู้พี่หมิงเอ๋อร์ไม่ได้ พี่หมิงเอ๋อร์เป็นเพื่อนเล่นกับท่านอ๋องมาตั้งแต่เด็ก ส่วนนาง คงไม่มีที่ยืนในใจท่านอ๋องเลยสักนิดด้วยซ้ำ”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว”

บ่าวรับใช้พากันหัวเราะเสียงดัง เหมือนกำลังรอหัวเราะเยาะเจียงเว่ยหว่านอยู่ 

เจียงเว่ยหว่านใช้สายตาเย็นชามองไป เหล่าบ่าวรับใช้สัมผัสถึงความเย็นชาดุดันในแววตา ต่างก็นิ่งชะงักไป ตกใจจนไม่กล้าส่งเสียง ต่างก็เปิดทางให้นางอย่างสมัครใจ 

ส่วนในห้องโถงใหญ่ หลี่เยียนเอ๋อร์กำลังเอนตัวพิงอยู่บนตั่งอย่างเกียจคร้าน ใบหน้าสวยงามเผยให้เห็นรอยยิ้มมีความสุข หญิงรับใช้ที่เป็นผู้ดูแลจวนอ๋องหมิงเอ๋อร์นั่งอยู่ตรงหน้านาง พูดกับนางด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางเยียนเอ๋อร์ ท่านช่วยชีวิตท่านอ๋องเอาไว้ ท่านอ๋องไม่มีทางปฏิบัติต่อท่านไม่ดีแน่”

ดวงตาของหลี่เยียนเอ๋อร์ค่อยๆหรี่ลง ค่อยๆลุกขึ้นมาจากตั่ง กุมมือเรียวสวยของหมิงเอ๋อร์เอาไว้ด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล 

“ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า เมื่อครู่ข้าไม่ควรพาเจ้าไปที่เรือนติงด้วยเลย ประเดี๋ยวหากพระชายากลับมา เจ้าจะอธิบายกับนางว่าอย่างไร”

หมิงเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ข้าไม่ได้คิดจะดูถูกนาง ข้าได้ไปสืบมาแล้ว เจียงเว่ยหว่านคนนั้นก็เป็นแค่หญิงบ้านนอกหน้าตาน่าเกลียดคนหนึ่ง นางไม่มีก่อเรื่องอะไรได้แน่”

คิ้วของหลี่เยียนเอ๋อร์ค่อยๆเลิกสูงขึ้น รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ที่แท้พระชายาก็สุดจะรับได้ นางจึงมีความมั่นใจ นางพูดกับหมิงเอ๋อร์อย่างจริงใจว่า “เจ้าวางใจได้ เรื่องในวันนี้ข้าจะช่วยเจ้าจัดการให้เรียบร้อย ทุกอย่างข้ารับผิดชอบเอง”

หมิงเอ๋อร์ค่อยๆปล่อยนิ้วมือเรียวยาวของหลี่เยียนเอ๋อร์ออก สีหน้าเต็มไปด้วยความได้ใจ “แม้ว่าแม่นางเยียนเอ๋อร์จะไม่เตือนข้า ข้าที่เป็นถึงแม่บ้านผู้ดูแลจวนอ๋องก็มีหน้าที่ต้องควบคุมดูแลชิงเหมยเหมือนกัน”

“เรื่องนี้เจียงเว่ยหว่านต้องไม่กล้าหาเรื่องแน่ อีกอย่างนางออกจากจวนโดยพลการ หากนางหาเรื่อง และท่านอ๋องรู้เรื่องขึ้นมา นางต้องได้รับผลที่ตามมาแน่”

“อืม”

หญิงสาวสองคนสบตากันพลางยิ้ม รู้สึกมีความสุขมาก ข้างนอกกลับมีเสียงขลาดกลัวของสาวใช้ดังขึ้น 

“พระชายา ท่านเข้าไปไม่ได้”

“ถอยไป”

เสียงทรงอำนาจของเจียงเว่ยหว่านดังขึ้น พวกหลี่เยียนเอ๋อร์ยังไม่ทันรู้ตัว เงาร่างสง่างามสายหนึ่งก็เดินเข้ามาแล้ว 

หลี่เยียนเอ๋อร์นิ่งอึ้งไป จากนั้นก็เดินเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม 

“พระชายา ท่านมีเวลาว่างมาเยี่ยมหม่อมฉันด้วยหรือเพคะ”

เจียงเว่ยหว่านมองหลี่เยียนเอ๋อร์ที่เสแสร้งแกล้งทำ พยายามควบคุมไฟโทสะในใจ ถามว่า “เจ้าพาคนไปยังเรือนติงของข้าทำไม”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์