ตอนที่ 11 ไม่รู้ดีชั่ว
“พรึบพรับ......” คนทั้งภายในภายนอกห้องต่างก็คุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียงกัน เรียงรายเต็มไปหมด
พอหลี่เยียนเอ๋อร์รู้ว่าเซียวจิ้งเป่ยมา ก็ยิ่งร้องไห้ออกมาอย่างรุนแรง “เจ็บมาก ข้าเจ็บมาก”
หมิงเอ๋อร์ก็เล่นละครสมทบ “แม่นางเยียนเอ๋อร์ ครั้งนี้ท่านต้องทุกข์ทรมานจริงๆ พระชายาไยจึงลงมือรุนแรงเช่นนี้”
คำพูดประโยคหลังถูกเน้นหนักชัดเจน น้ำเสียงถูกลากยาว เกรงว่าคนอื่นจะไม่ได้ยิน
เซียวจิ้งเป่ยเข้ามาในเรือนจื่อเยียนแล้ว ร่างที่เต็มไปด้วยไอแห่งความนิ่งขรึมสูงส่งสองมือไขว้หลังยืนอยู่บนบันไดหิน ดวงตาที่เย็นชาลึกล้ำมองไปทางเจียงเว่ยหว่าน
เจียงเว่ยหว่านไม่ได้คำนับ และยืนขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน ดวงตาคู่สวยของนางสบเข้ากับดวงตาคมกริบคู่นั้น
“ท่านอ๋อง” หลี่เยียนเอ๋อร์เหมือนพบเข้ากับผู้ช่วยให้รอด รีบเดินจนเหมือนจะพุ่งเข้าไปตรงหน้าเซียวจิ้งเป่ย ร้องได้สะอึกสะอื้น พูดอย่างขาดห้วงว่า “พระ......ชา......ยา......นาง......ทำให้หม่อมฉัน......อับอาย”
หมิงเอ๋อร์คุกเข่าคลานใต้เท้าของเซียวจิ้งเป่ย “ท่านอ๋อง ท่านดูแม่นางเยียนเอ๋อร์ซิเพคะ นางถูกพระชายาตบจนได้รับบาดเจ็บ”
หลี่เยียนเอ๋อร์เป็นคนฉลาด เข้าใจความหมายที่หมิงเอ๋อร์ต้องการจะสื่อทันที จงใจเงยหน้าที่ถูกตบจนบวมแดงของตนเองขึ้นสูงเพื่อให้เซียวจิ้งเป่ยได้มองเห็น
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันถูกพระชายาตบจนเสียโฉมแล้ว หลังจากนี้หม่อมฉันจะพบเจอหน้าผู้คนได้อย่างไร”
นางร้องไห้อย่างน่าสงสาร เหมือนได้รับความอยุติธรรมที่สุดในใต้หล้า
หมิงเอ๋อร์ยังคงสมทบนางอย่างต่อเนื่อง
“ท่านอ๋อง ไม่ว่าแม่นางเยียนเอ๋อร์จะผิดอะไร ก็เป็นแขกของจวนอ๋องฉิน ทำไมพระชายาต้องกระทำการอุกอาจเช่นนี้ ตบตีแขกอย่างเอาแต่ใจ นี่ไม่ใช่มารยาทในการต้อนรับแขกของจวนเรา หากข่าวแพร่ออกไป จะทำให้ชื่อเสียงของจวนอ๋องฉินเสียหายนะเพคะ”
ว่าแล้วนางก็พยายามเค้นน้ำตาออกมาหลายหยด แสดงให้เห็นว่านางเป็นคนดี มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
ดวงตาคู่งามของเซียวจิ้งเป่ยจ้องมองเจียงเว่ยหว่าน ใบหน้าหล่อเหล่าสงบนิ่งไร้คลื่นลม ทำให้ดูไม่ออกว่านางคิดอย่างไร
หลี่เยียนเอ๋อร์ยังคงเสแสร้งแกล้งทำต่อเนื่อง น้ำตาคลอและพูดว่า “ท่านอ๋อง หม่อมฉันไปดีกว่าเพคะ พระชายาร้ายกาจขนาดนี้ แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลย หม่อมฉัน......”
ประโยคหลังนางไม่ได้พูดต่อ แต่คนที่เข้าใจย่อมเดาได้ว่าประโยคหลังของนางที่พูดไม่จบคืออะไร
ความหมายในคำพูดของนางก็คือเจียงเว่ยหว่านไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ยโสโอหัง แม้แต่ท่านอ๋องก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา
เป็นดังคาดใบหน้าหล่อเหลาของเซียวจิ้งเป่ยขรึมลงไปเล็กน้อย ดวงตาที่จ้องมองเจียงเว่ยหว่านยิ่งดูเย็นชามากขึ้น
เจียงเว่ยหว่านไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นว่า “พูดได้ดีพูดได้ดี ใช่แล้ว หลี่เยียนเอ๋อร์เป็นแค่แขกของจวนอ๋องฉิน แต่ข้าเป็นพระชายาฉินที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้ง เป็นคนที่ถูกเกี้ยวแปดคนหามแบกเข้ามาในจวน ข้าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วพวกเจ้าทำอะไรไว้บ้าง”
น้ำเสียงของนางแข็งกระด้าง แฝงแววขุ่นเคือง “แล้วหลี่เยียนเอ๋อร์ทำอะไร เป็นถึงแขกแต่ไม่รู้มารยาท ถึงกับลงมือตบตีบ่าวรับใช้ของข้า นี่เป็นเรื่องที่แขกควรจะทำอย่างนั้นหรือ หลี่เยียนเอ๋อร์นั้นไม่พอใจข้าแค่ไหน ถึงได้กระทำการป่าเถื่อนหยามเหยียดข้าถึงเพียงนี้ เป็นแขกที่ไม่เคารพข้า ใครกันแน่ที่ไม่เห็นหัวผู้อื่น ใครกันแน่ที่ต้องได้รับการสั่งสอน”
หลี่เยียนเอ๋อร์ร้องไห้น้ำตานองหน้าพลางพูดว่า “พระองค์ทรงเข้าใจผิด หม่อมฉันกับแม่นางหมิงเอ๋อร์จะไปเยี่ยมพระชายา ไหนเลยจะคิดว่าพระชายาไม่อยู่ในจวน บ่าวรับใช้ที่ชื่อชิงเหมยออกมาอาละวาด หม่อมฉันเกรงว่าภายหน้าจะล่วงเกินท่านอ๋อง หม่อมฉันคุยกับนางดีๆ นางไม่เพียงแต่ปะทะกับหม่อมฉัน ยังไม่รู้อีกด้วยว่าพระชายาไปที่ไหน พระชายาออกจากจวนไปแล้วนางยังไม่รู้เรื่อง”
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความน้อยใจ “ท่านอ๋อง ท่านว่าบ่าวที่ละเลยต่อหน้าที่เช่นนี้ หม่อมฉันจะไม่สั่งสอนได้อย่างไรเพคะ”
พูดจบ นางก็แอบมองเซียวจิ้งเป่ยด้วยความดีใจลึกๆ
ใบหน้าของเซียวจิ้งเป่ยขรึมลง พูดเสียงเย็นว่า “เจียงเว่ยหว่าน เจ้าออกจากจวนหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์
ไม่่เขียนต่อแล้วเหรอคะ...