ตอนที่ 12 ให้คำอธิบาย
เซียวจิ้งเป่ยและทุกคนต่างมองไปที่เจียงเว่ยหว่าน
ภายใต้แสงแดดที่เจิดจ้า เจียงเว่ยหว่านได้สวมกระโปรงสีฟ้าอ่อนที่เผยรูปร่างเพรียวระหง ทั่วทั้งร่างเปี่ยมไปด้วยความสูงส่งน่าเกรงขาม
“ท่านอ๋อง เมื่อเช้านี้ท่านสัญญากับข้าไว้อย่างไร ท่านจำไม่ได้หรือท่านจะไม่รักษาคำพูด? เพิ่งทำไปได้ประเดี๋ยวเดียว ท่านก็เปลี่ยนใจเสียแล้ว เมื่อเช้าท่านรับปากว่าจะฝึกจนถึงเย็น ท่านไร้ความน่าเชื่อถือถึงเพียงนี้ หากร่ำลือออกไป ท่านจะมีที่ยืนในราชสำนักได้อย่างไร?” เจียงเว่ยหว่านเอ่ยถามเซียวจิ้งเป่ยด้วยเสียงดังกังวาล
นัยน์ตาคู่นั้นของเซียวจิ้งเป่ยที่จ้องมองอย่างน่าสะพรึงกลัวและแฝงด้วยความเยือกเย็น ได้ไปกระทบจิตใจของเจียงเว่ยหว่านโดยตรง แม้ว่าในใจของนางจะรู้สึกประหม่า แต่นางก็ยังคงเอ่ยอย่างไม่ย่อท้อ “นับแต่โบราณมาความน่าเชื่อถือมีค่าดั่งทองพันชั่ง ทว่าความน่าเชื่อถือของท่านอ๋องอาจจะไร้ราคาไปหน่อย แม้แต่เหวินเดียวก็ไม่คุ้ม และหากชาวบ้านได้รู้เข้าก็ไม่แน่ว่าจะมองท่านอย่างไร”
ภายใต้ใบหน้าที่หล่อเหลาของเซียวจิ้งเป่ยเองก็ได้เกิดพายุอันรุนแรงโหมกระหน่ำทะลักออกมา ที่คล้ายว่ากำลังจะปะทุในอีกไม่ช้า เขากัดฟันและเอ่ยเตือนนาง
“เจียงเว่ยหว่าน เจ้าบังอาจนัก เจ้ากล้าข่มขู่ท่านอ๋องเช่นข้าเชียวหรือ”
เอ่ยจบ เขาก็ก้าวมาประชิดนางอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือแข็งดั่งเหล็กบีบคอที่เพรียวบางของนางอย่างโหดเหี้ยม พลางมองนางอย่างดูแคลน และเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขนึม “เจ้ามันรนหาที่ตาย”
เจียงเว่ยหว่านถูกเขาบีบคอไว้แน่น จนเส้นเลือดบนใบหน้าสูบฉีด และดวงตาที่ใสกระจ่างกลอกขึ้นด้านบน แม้ว่าจะเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก แต่นางก็ไม่ได้เผยความอ่อนแอ แต่กลับพูดออกมาทีละคำทีละประโยคอย่างยากลำบาก “แม้แต่คำพูดเดียวของท่านอ๋อง ข้าก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด”
ขณะนี้ความโกรธในแววตาของเซียวจิ้งเป่ยแทบจะพรั่งพรูออกมาแล้ว
“ดื้อดึงยิ่งนัก”
แรงมือของเซียวจิ้งเป่ยที่เต็มไปด้วยความโกรธได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่เจียงเว่ยหว่านกำใกล้จะขาดอากาศหายใจ นางก็ยังคงไม่ยอมอ่อนข้อให้เขา แต่พยายามเบิกตากว้างและมองตรงไปที่คนข้างหน้าที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ
เมื่อเห็นใบหน้าที่เขียวช้ำตรงหน้าและร่างที่แทบจะไร้ลมหายใจของเจียงเว่ยหว่าน นางไม่ตกใจหรือตื่นตระหนก ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความเฉยชาไม่กลัวเกรงเสียดายชีวิต ที่ทำเอาเซียวจิ้งเป่ยชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นนางเผชิญหน้ากับความตายอย่างไม่รู้สึกรู้สาได้ถึงเพียงนี้ เขาจึงได้ผลักนางออกไปด้วยความกรุ่นโกรธ
เมื่อเจียงเว่ยหว่านได้รับอากาศ ก็กุมหน้าอกและสูดอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่
“สตรีที่ไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเช่นเจ้า ทางที่ดีอย่าได้มายั่วโทสะข้า”
แววตาของเซียวจิ้งเป่ยเต็มไปด้วยความรังเกียจ จนเขาต้องเช็ดมือราวกับเจอสิ่งที่สกปรกเข้าอย่างไรอย่างนั้น และหันไปเอ่ยกับหลี่เยียนเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายเขาอย่างอ่อนโยน “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อได้รับความเอาใจใส่จากเซียวจิ้งเป่ย ในใจของหลี่เยียนเอ๋อร์ก็หวานล้ำราวกับกินน้ำผึ้ง นางส่ายหน้าทั้งน้ำตา “หม่อมฉันไม่เป็นอันใด หม่อมฉันเพียงแต่เป็นห่วงสุขภาพร่างกายของท่าน บาดเจ็บสาหัสยังไม่หายดี ยังต้องมาดูแลเรื่องในเรือนหลังอีก ทำเอาหม่อมฉันปวดใจเหลือเกินเพคะ”
เซียวจิ้งเป่ยยิ้มให้นางเล็กน้อย “ข้าสบายดี เจ้าอย่าได้กังวลจนเกินไป”
เจียงเว่ยหว่านพอมีกำลังวังชาแล้ว พลางมองไปที่ทั้งสองที่ยิ้มออดอ้อนฉอเลาะต่อกันตรงหน้า ในใจก็โกรธขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ การที่ทั้งสองมาหยอกล้อกันต่อหน้านาง นี่มันจะมากเกินไปแล้ว ช่างไม่เห็นภรรยาเอกผู้นี้อยู่ในสายตาจริงๆ
นางชำเลืองไปมองเซียวจิ้งเป่ยเล็กน้อย และเอ่ยอย่างเย็นชา “ท่านอ๋อง ท่านจงจำคำสัญญาของตนเอาไว้ ต่อหน้าข้า ก็ควรดึงดูดมวลหมู่ผีเสื้อให้น้อยลงหน่อย”
เซียวจิ้งเป่ยเอ่ยอย่างไม่พอใจ “เจียงเว่ยหว่าน ข้าขอเตือนเจ้า อย่าได้เอาแต่สร้างปัญหา มิฉะนั้นอย่าได้โทษว่าข้าไร้ไมตรีจิต”
“ท่านอ๋อง อย่าโกรธไปเลยเพคะ พระชายาเพียงแค่ยังยอมรับไม่ได้ เมื่อนางนึกได้ก็คงจะดีขึ้นเพคะ” หลี่เยียนเอ๋อร์ปลอบโยนเซียวจิ้งเป่ยอย่างอ่อนโยน
“เหอะ” เจียงเว่ยหว่านหัวเราะเย้ยหยันออกมา “หลี่เยียนเอ๋อร์ ข้าจำเป็นต้องนึกสิ่งใดหรือ เป็นเจ้าต่างหากที่ต้องนึกได้ ท่านอ๋องสัญญากับข้าไว้ว่า ตราบใดที่ข้าไม่พยักหน้า เขาก็จะไม่รับอนุอย่างแน่นอน เจ้าเองก็ทำตัวให้ดีเถิด ระวังตนเองคิดหากำไรจากผู้อื่นแต่ตนเองเสียดันสูญเสียเอง ประเดี๋ยวจะได้ไม่คุ้มเสีย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์
ไม่่เขียนต่อแล้วเหรอคะ...