ตอนที่ 14 อาหารอันน่าขยะแขยง
กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาปะทะใบหน้า จนทำให้สำลักอย่างรุนแรง ชิงเหมยและสาวใช้อีกหลายคนเมื่อเห็นข้าวเน่าที่เหลืออยู่บนโต๊ะ กลับไม่พูดอะไรสักคำ เป็นเพราะเมื่อเช้าแม่นมหลิวเป็นผู้ส่งอาหารอันน่าขยะแขยงเช่นนี้มาให้แก่พวกนาง
เจียงเว่ยหว่านชี้ไปที่อาหารบนโต๊ะแปดเซียน
“ผู้ใดให้เจ้ายกสิ่งนี้มากัน?”
เมื่อแม่นมหลิวเห็นว่าสีหน้าของเจียงเว่ยหว่านดูไม่พออกพอใจ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียดสีนางอย่างเย็นชา “พระชายา อาหารในครัวล้วนเป็นแม่นางหลี่เยียนเอ๋อร์จัดเตรียม กว่าบ่าวจะนำอาหารเหล่านี้มาให้ท่านก็มิใช่เรื่องง่ายแล้วเพคะ”
เจียงเว่ยหว่านหรี่ตาลงเล็กน้อยและมองไปยังของเหลือที่อยู่บนโต๊ะ ไหนเลยจะเป็นอาหารกลางวันที่คนจะกินได้ มันไม่ใช่อาหารคนเสียด้วยซ้ำ มันเป็นอาหารสำหรับหมูชัดๆที่ทั้งเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็น นอกจากนี้ข้าวล้วนแต่ขึ้นราเต็มไปหมด และบนก้อนราสีดำๆก็ยังมีหนอนขยุกขยิกไปมาอีกด้วย นี่คงจะเป็นข้าวเมื่อสองสามวันก่อนเป็นแน่
เจียงเว่ยหว่านมองไปที่แม่นมหลิวอย่างขึงขัง และเอ่ยถามเสียงขรึม “ผู้ใดให้เจ้าส่งมา?”
แม่นมหลิวตกตะลึงไปกับท่าทีที่เคร่งขรึมทรงอำนาจของนาง นางลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ค่อยๆเอ่ยขึ้น “พระชายา ท่านได้ไปล่วงเกินท่านอ๋องเข้า และยังสามารถอยู่ในจวนอ๋องต่อได้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว ยังจะเลือกกินอีกหรือเพคะ ไม่มีผู้ใดบอกท่านหรือว่าอยู่ใต้ชายคาบ้านผู้อื่น จำเป็นต้องรู้จักก้มหัว?”
เจียงเว่ยหว่านโกรธมากจนกำหมัดแน่น และถามแม่นมหลิวด้วยความโมโห “เจ้าหมายความว่าท่านอ๋องเป็นคนให้เจ้ามาส่งหรือ?”
“บ่าวมิได้บอกว่าเป็นท่านอ๋อง” แม่นมหลิวเอ่ยกระแทกเสียง “แม่นางเยียนเอ๋อร์เป็นถึงนางในดวงใจของท่านอ๋อง เมื่อครู่ที่ท่านทำร้ายแม่นางเยียนเอ๋อร์ไป ไม่เพียงแต่ห้องครัวเท่านั้น กระทั่งว่าคนในจวนทั้งหมดก็ล้วนแต่ขุ่นเคืองท่าน”
เจียงเว่ยหว่านเข้าใจแล้วว่า ความกล้าของบ่าวในจวนอ๋องนั้นเป็นเพราะคิดที่ยกย่องผู้สูงศักดิ์เหยียบย่ำคนต่ำต้อย เมื่อเห็นว่านางไม่เป็นที่โปรดปราน พวกเขาทั้งหมดจึงได้ไปประจบประแจงหลี่เยียนเอ๋อร์
ดี
ทำได้ดีนัก
ริมฝีปากของเจียงเว่ยหว่านยกโค้งขึ้นน้อยๆ เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “เช่นนั้นแม่นมหลิวก็หมายความว่าอาหารเที่ยงมื้อนี้ไม่มีคนบงการเจ้า เป็นเจ้าเองที่ส่งมาเองโดยพละการหรือ?”
แม่นมหลิวไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ในใจของนางพระชายาที่สูญเสียความโปรดปรานยังต่ำต้อยยิ่งกว่าอนุภรรยาเสียอีก นางจึงตอบเจียงเว่ยหว่านออกไปอย่างลำพองว่า “ก็นับว่าใช่”
เจียงเว่ยหว่านมองแม่นมหลิวด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ และกวักมือเรียกนาง
“มานี่สิ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า?”
แม่นมหลิวมองคนตรงหน้าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่ารอยยิ้มกลับส่งมาไม่ถึงดวงตาของเจียงเว่ยหว่าน ก็อดไม่ได้ที่จะเนื้อตัวสั่นเทา เมื่อเห็นว่านางกวักมือเรียก จึงเดินเข้าไปอย่างไม่ตั้งใจ
“พระชายา มีเรื่องใดจะพูดหรือ อย่าได้ทำเป็นมีลับลมคนในเลยเพคะ”
แม่นมหลิวยังไม่มีท่าทีตอบกลับมา เจียงเว่ยหว่านก็ใช้สองมืองามราวกับหยกบีบคางของนาง เสียจนนางตกใจเบิกตากว้าง แต่ก็ยังไม่ได้ร้องไห้ออกมา
จากนั้นก็เห็นเพียงเจียงเว่ยหว่านยัดชามข้าวที่เหม็นเน่าและขึ้นราบนโต๊ะเข้าไปในปากนางโดยตรง
กลิ่นเหม็นโชยไปถึงต่อมรับรสของนาง ทำให้นางคลื่นไส้จนอยากอาเจียน แต่จนแล้วจนรอดก็อดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมาโดยตรง
“แหวะ แหวะ...”
แม่นมหลิวอาเจียนออกมาอย่างยากจะทานทน นางรู้สึกขยะแขยงถึงขนาดอาเจียนสิ่งที่กินเข้าไปในตอนเช้าออกมาด้วย ทั่วทั้งร่างนางเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก มือสองข้างกำหมัดแน่น จ้องมองไปยังเจียงเว่ยหว่านด้วยความเดือดดาลสุดขีด และเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “ท่าน ท่าน!”
เจียงเว่ยหว่านขว้างชามกระเบื้องเคลือบสีขาวในมืออย่างแรง จนชามกระเบื้องเคลือบสีขาวก็แตกเป็นเสี่ยงๆดัง “เพล้ง” ทำให้เศษชามกระเด็นกระดอนไปทั่ว
“แม่นมหลิว เจ้ากล้ามาก คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะเอาข้าวที่แม้แต่ตนเองก็กินไม่ลงเช่นนี้มาให้พระชายาเช่นข้า เจ้ารนหาที่ตายหรือ?” นางลุกขึ้นด้วยความโกรธ ไปยืนอยู่ต่อหน้าแม่นมหลิวที่กุมหน้าอกและอาเจียนออกมา และเอ่ยทีละคำออกมาว่า “บ่าวรับใช้เก่าแก่ที่ไม่เห็นหัวเจ้านายเช่นนี้ ช่างเนรคุณจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์
ไม่่เขียนต่อแล้วเหรอคะ...