ตอนที่ 15 ท่านคิดว่าน่าขันหรือไม่?
แสงแดดยามบ่ายส่องแสงประกายราวกับทองคำที่แตกกระจายระยิบระยับตกกระทบลงบนร่างของเซียวจิ้งเป่ย ขับเน้นให้เขาหล่อเหลาราวกับเทพเซียน มิอาจมีผู้ใดมาเทียบได้
เจียงเว่ยหว่านอดตะลึงไม่ได้ นี่ยังจะได้พบเขาอีกหรือ แม้ว่าเขาจะหล่อเหลาเอาการ แต่นิสัยกลับแย่ยิ่งนัก
ในขณะที่นางกำลังคิดว่าจะหลบเลี่ยงไปชั่วคราว ก็พลันเห็นเขาเดินตรงมายังทิศทางที่นางอยู่ นางเองก็จะหลีกเลี่ยงก็ไม่ได้ จะหลบก็ไม่มีที่หลบเช่นกัน จึงทำได้เพียงแต่เผชิญหน้ากันเท่านั้น
เซียวจิ้งเป่ยมองเห็นเจียงเว่ยหว่านมาแต่ไกลๆ แสงสีทองอันสว่างไสวส่องมาบนร่างของนาง ทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยดำของนางชัดเจนเป็นพิเศษ สะท้อนองคาพยพที่ประณีตของนางออกมา
ใบหน้าของนางนั้นไร้ที่ติ
ดวงตากลมโตที่เฉียบคมรับกับจมูก และริมฝีปากแดงที่แต้มจากสีจันทน์นั้นเมื่อรวมเข้าด้วยกันถือได้ว่าเป็นคนงามเลยทีเดียว แต่กลับถูกจุดดำที่แน่นขนัดบนแก้มทั้งสองข้างทำให้ส่งผลต่อรูปลักษณ์ ซึ่งหากมองจากที่ไกลๆช่างแลดูอัปลักษณ์นัก
เขาเม้มริมฝีปากบางแน่น มองนางอย่างเย็นชา เมื่อเห็นนางค่อยๆเดินเข้ามา พร้อมกับมือทั้งสองข้างถือถุงกระดาษที่ดูเหมือนจะบรรจุสิ่งของล้ำค่าอย่างมากเอาไว้ จนนางต้องปกป้องอย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้นไม่นาน เจียงเว่ยหว่านก็ก้าวมาถึงตรงหน้า
สตรีผู้นี้ไม่ยอมหยุดนิ่งเอาเสียเลย ออกจากจวนไปทำไมกันอีก?
เซียวจิ้งเป่ยไม่พอใจอย่างมาก ดวงตาหล่อเหลาพลันถูกเคลือบด้วยน้ำค้างแข็ง และมองเจียงเว่ยหว่านอย่างไม่แยแส
“เจ้าไปที่ใดมาอีก?”
ทั่วร่างเขาแผ่กลิ่นอายอันทรงพลัง
เจียงเว่ยหว่านถูกกลิ่นอายอันทรงพลังที่เขาแผ่ออกมากดไว้จนนางหายใจไม่ออก เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ท่านไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับข้า ข้อตกลงของพวกเราชัดเจนอย่างมากว่า ท่านไม่อาจมาจำกัดอิสระของข้าได้ ไม่ว่าข้าจะไปที่ใด ท่านก็อย่ามายุ่ง”
ริมฝีปากบางของเซียวจิ้งเป่ยกระตุกเล็กน้อย เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ชัดเจนว่าเจ้าเข้ามาอยู่ในจวนเพื่อทำให้ข้าลำบากใจใช่หรือไม่?”
เมื่อเจียงเว่ยหว่านนึกถึงสิ่งที่คนตรงหน้าและหญิงหน้าซื่อใจคดทำร่วมกัน ในใจก็ยากรับได้คล้ายกับกินขี้แมลงวันเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นนางจึงโต้กลับเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านอ๋อง ท่านอย่าได้กุเรื่องโดยไร้มูล หากแต่ผู้ที่ถูกตำหนินั้นไม่ใช่ข้า แต่เป็นแม่ยอดดวงใจของท่าน”
เซียวจิ้งเป่ยหรี่ตามองเจียงเว่ยหว่านอย่างระมัดระวัง ก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาเกิดภาพหลอนขึ้นหรือไม่ จึงมักจะรู้สึกว่าสตรีตรงหน้านี้ช่างดูคุ้นเคยยิ่งนัก
เขาจึงมองให้แน่ชัดอีกครั้ง นางช่างร้ายกาจเป็นที่สุด มีฝีปากที่คมกล้า หญิงสาวที่เขาพบในเมื่อคืนนี้ยังไม่ดุร้ายถึงเพียงนี้เลย
เขากลืนน้ำลายลงคอ ลูกกระเดือกที่น่าเย้ายวนกระดกเคลื่อนไหวเล็กน้อย และเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ถึงกับนำข้อตกลงมาข่มขู่ข้าอยู่หลายครั้งหลายหน เจ้ารู้หรือไม่ว่า ผู้ที่ข่มขู่ข้าในครั้งก่อนแม้แต่กระดูกก็ยังไม่เหลือซาก”
น้ำเสียงน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด
เจียงเว่ยหว่านกำสองมือไว้แน่น บังคับตนเองให้สงบสติอารมณ์ ริมฝีปากสีแดงก็โค้งขึ้นปรากฏรอยยิ้มหยัน “ท่านอ๋อง ท่านก็มิใช่ว่ากำลังข่มขู่ผู้อื่นอยู่หรือ?”
ดวงตาของเซียวจิ้งเป่ยเผยความเดือดดาลขึ้นมา และเขาเตือนนางอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีใครบอกเจ้าหรือ สตรีที่แข็งกร้าวจนเกินไปจะไม่ได้รับความชื่นชอบ”
ความชื่นชอบ?
ทำไมนางต้องทำให้เขาชื่นชอบด้วยเล่า นางไม่ใช่หญิงหน้าซื่อใจคดอย่างหลี่เยียนเอ๋อร์เสียหน่อยที่ปากไม่ตรงกับใจ
เจียงเว่ยหว่านเผชิญกับการจับผิดของเซียวจิ้งเป่ย จึงตอบโต้ออกไปอย่างไม่ยอมแพ้
“ท่านอ๋อง ข้ามิได้ชอบท่านเสียหน่อย ข้าจะเอาใจท่านทำไมกัน ถึงอยากจะทำให้น่าพึงพอใจ ก็จะต้องทำต่อคนที่ชอบเท่านั้น”
เซียวจิ้งเป่ยเองก็หงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว เขานึกถึงคำพูดของหลี่เยียนเอ๋อร์ที่บอกเป็นนัยๆว่า พระชายาลอบหนีออกไป จะต้องเป็นการพบปะส่วนตัวกับผู้อื่นเพื่อทำเรื่องที่คนพบเห็นไม่ได้เป็นแน่ เขารู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างอธิบายไม่ถูก เอ่ยด้วยความโกรธว่า “เจียงเว่ยหว่าน เจ้าเป็นพระชายาของข้า ทางที่ดีควรจะรู้จักประพฤติตนให้เหมาะสม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์
ไม่่เขียนต่อแล้วเหรอคะ...