แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์ นิยาย บท 18

 ตอนที่ 18 กล้าทำกล้ารับ ใยต้องแก้ต่าง

 “เมื่อเช้าข้ายังเห็นแขวนอยู่ดี ๆ พริบตาก็ถูกทำลายเสียแล้ว หากไม่ใช่เจ้า งั้นช่วยบอกซิว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

เจียงเว่ยหว่านพิจารณาภาพเขียนอย่างรอบคอบ ก็อดนึกขำในใจไม่ได้ มีคนบอกว่าผู้หญิงที่ถูกความรักบังตาสติปัญญาจะกลายเป็นศูนย์ นี่ผู้ชายก็พลอยเป็นไปด้วยหรือ?

ลูกเล่นที่ต่ำชั้นเช่นนี้ เขายังหลงเชื่อได้ นั่นแสดงว่าคงจะรักมาก จึงไม่เคลือบแคลงใด ๆ ต่อคำพูดของหลี่เยียนเอ๋อร์เลย

เจียงเว่ยหว่านเม้มริมฝีปาก ปรากฏรอยยิ้มหยันเล็กน้อย “ท่านอ๋องฉิน เพียงคำพูดฝ่ายเดียวของนาง ท่านก็สรุปว่าข้าเป็นคนทำลายภาพเขียน มิเป็นเรื่องน่าขำหรอกหรือ?”

คิ้วงามของหลี่เยียนเอ๋อร์ขมวดเข้า กล่าวเสียงอ่อนว่า “พระชายา ถ้าไม่ใช่ท่านก็จงแสดงหลักฐานมา หม่อมฉันก็หวังว่าท่านจะถูกใส่ร้าย แต่วันนี้นอกจากท่านกับหมิงเอ๋อร์แล้ว ไม่มีใครไปห้องตำราอีก ท่านอ๋องมาซักถาม หม่อมฉันก็ได้แต่ทูลตามความจริง”

เจียงเว่ยหว่านเริ่มจะโกรธขึ้นมา ภาพนี้ถูกทำลายได้อย่างไร หลี่เยียนเอ๋อร์น่าจะรู้แก่ใจดี นี่แสดงว่าจงใจป้ายสีนางชัด ๆ

แลไปทางเซียงจิ้งเป่ยยังคงจ้องมองด้วยความโกรธ หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ นางคงถูกพิฆาตไปนับหมื่นหนแล้วกระมัง

หลี่เยียนเอ๋อร์เห็นเจียงเว่ยหว่านนิ่งเงียบไป ก็นึกว่าตนเป็นฝ่ายชนะ จึงรีบฉวยโอกาสซ้ำเติม “พระชายา ภาพเขียนของพระชายาเดิมเสียไปแล้ว เกิดวันหลังท่านอ๋องทรงคิดถึงท่านแม่ แล้วจะทำอย่างไรดี!”

หญิงผู้นี้เข้าใจยุยงนัก และรู้ถึงจุดอ่อนของเซียวจิ้งเป่ย

ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวจิ้งเป่ยกระตุกเล็กน้อย เนื้อตัวสั่นเทา เห็นชัดว่าโทสะแรงกล้า เขากำมือแน่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาล กล่าวเสียงต่ำว่า “เจียงเว่ยหว่าน กล้าทำก็กล้ารับ ใยต้องแก้ตัวอีก”

เจียงเว่ยหว่านก็โมโหอยู่ไม่น้อย เซียวจิ้งเป่ยถูกหว่านเสน่ห์อะไรเข้าหนอ ถึงได้เชื่อฟังหลี่เยียนเอ๋อร์ไปซะหมด

เจียงเว่ยหว่านสะบัดแขนเสื้อ กล่าวตอบอย่างเย็นชาว่า “ท่านอ๋องเชื่อฟังคำยุยงของหญิงอื่น มาให้ร้ายภรรยาตัวเอง แสดงว่าเห็นคนนอกดีกว่าคนในอย่างงั้นหรือ?”

นางกำลังเตือนสติเขา เรื่องสัญญา!

“เพ้อเจ้ออะไรกัน?” เซียวจิ้งเป่ยสะบัดแขนเสื้อ ใบหน้าหล่อเหลาดูซีดลง กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ถ้าไม่ใช่เจ้า แล้วภาพเขียนจะทำลายตัวเองได้หรือ?”

น้ำเสียงเขาสูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

“หมิงเอ๋อร์รู้ว่าภาพนี้สำคัญต่อข้าแค่ไหน นางจะไม่มีวันทำลาย ส่วนเยียนเอ๋อร์ นางไม่ได้เข้าไปในห้องตำรา วันนี้จึงมีเพียงเจ้ากับหมิงเอ๋อร์เท่านั้น หากไม่ใช่เจ้า งั้นบอกซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

เจียงเว่ยหว่านถูกกล่าวหา นางรู้สึกเจ็บใจและเสียใจนัก ที่แท้นางแทบไม่มีความหมายในสายตาของเซียวจิ้งเป่ยเลย และไม่น่าเชื่อถือด้วย

นางแหงนหน้าเล็กน้อย มองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง มันดำสนิทคล้ายกับจิตใจของนาง แทบหาความสว่างไม่ได้แม้แต่น้อยนิด

คนในจวนเริ่มมีการจุดไฟ รอบข้างเริ่มสว่างขึ้น แต่แม้แสงจะสว่างเพียงไร ก็ไม่อาจส่องถึงใจที่มืดมนของเจียงเว่ยหว่านได้

นางหรี่ตาเล็กน้อย ประสานเข้ากับแววตาเพ่งพินิจของเซียวจิ้งเป่ย ยิ้มเย็นพลางถามว่า “แล้วทำไมท่านถึงคิดว่าข้าเป็นคนทำลาย โดยไม่ใช่พวกหลี่เยียนเอ๋อร์ อาจเป็นไปได้ว่าพวกนางจะแกล้งทำลายเพื่อใส่ร้ายข้าก็ได้”

เซียวจิ้งเป่ยได้ยินเข้าก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น แววตาปรากฏความสงสัยเล็กน้อย

หลี่เยียนเอ๋อร์สังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา จึงกล่าวด้วยน้ำตาคลอว่า “ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้ยังไง อีกอย่างวันนี้หม่อมฉันก็ไม่ได้ไปห้องตำรา แทบไม่มีโอกาสได้สัมผัสถูกภาพเขียนด้วยซ้ำ”

เจียงเว่ยหว่านจับช่องโหว่ของนางได้ทันที ซักถามเสียงเย็นว่า “เจ้าไม่ได้ไปห้องตำรา ก็แปลว่าไม่ได้เห็นภาพเขียนถูกทำลาย แต่กลับกล่าวหาลอย ๆ ว่าข้าเป็นคนลงมือ เจ้าช่างเหิมเกริมยิ่งนัก”

หลี่เยียนเอ๋อร์ตกตะลึงเล็กน้อย ด้วยไม่นึกว่าจะถูกนางจับผิด แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น ไม่นานก็คืนสู่ภาวะปกติ ยังคงนวยนาดเหมือนเดิม

“พระชายา หม่อมฉันไม่เห็นก็จริง แต่คนในจวนใคร ๆ ก็เห็นท่านเข้าไปในห้องตำรา โดยไม่มีใครอื่น หากไม่ใช่ท่านทำลายแล้ว จะเป็นอย่างท่านอ๋องว่า ภาพเขียนเสียหายเองอย่างงั้นหรือ?”

“อีกทั้งพระชายาก็ช่างริษยานัก แม้แต่กับหมิงเอ๋อร์ยังไม่เว้น พอไปห้องตำราเห็นภาพของพระชายาเดิม ก็คิดว่าเป็นคนรู้ใจของท่านอ๋องอีก หรือไม่ก็อนุที่ซุกซ่อน ก็ย่อมโกรธจนขาดสติ เพราะนับแต่แต่งงานมา ท่านอ๋องยังไม่ได้ย่างกรายเข้าห้องของท่านเลย!”

นางกำลังจะบอกทุกคนว่า เหตุใดเจียงเว่ยหว่านจึงต้องทำลายภาพเขียน อีกทั้งประกาศให้ทุกคนได้รู้ ว่าเจียงเว่ยหว่านไม่เป็นที่โปรดปรานเพียงไร

หลี่เยียนเอ๋อร์แม้จะไม่มีฐานะใด ๆ แต่ก็สามารถกุมพระทัยท่านอ๋องไว้ได้

เจียงเว่ยเหว่ยมีตำแหน่งเป็นชายาแล้วยังไง ท่านอ๋องไม่เคยเข้าห้องของนางเสียด้วยซ้ำ

หลี่เยียนเอ๋อร์แม้ไม่มีตำแหน่ง แต่ท่านอ๋องก็ทรงใส่พระทัย จัดแจงให้อยู่เรือนที่ใกล้กับห้องตำรา เพื่อสะดวกแก่การไปเยี่ยมเยือนได้ทุกเมื่อ ห่วงใยนางยิ่งนัก

เจียงเว่ยหว่านโกรธจนแทบเต้น นังตัวดีหลี่เยียนเอ๋อร์คนนี้ ถึงกับกล้าท้าทายนางอย่างเปิดเผย ช่างน่ารังเกียจซะจริง ๆ

นางสะบัดแขนเสื้อออก ดวงตางามหรี่ลงเล็กน้อย มองดูหลี่เยียนเอ๋อร์อย่างดุดัน และเตือนเสียงเข้มว่า “ระวังฐานะตัวเองหน่อย เรื่องของข้าไม่ใช่กงการของหญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างเจ้าจะมาวิจารณ์”

สีหน้าเซียวจิ้งเป่ยแลดูน่ากลัว แฝงด้วยแววดุร้าย จ้องมองนางและกล่าวเสียงเย็นว่า “เจียงเว่ยหว่าน เจ้าบังอาจนัก ทำลายภาพเขียนยังไม่รู้สำนึก ยังกล้ามาสามหาวอีก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์