แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์ นิยาย บท 3

            ตอนที่ 3 ท่านอ๋องพาสตรีกลับมา

          “เข้ามา” เซียวจิ้งเป่ยโบกมือเรียกเจียงเว่ยหว่านด้วยเสียงอันอิดโรย

ประหนึ่งคำพูดเขามีมนต์ขลัง เจียงเว่ยหว่านเดินขึ้นรถม้าแต่โดยดี

เมื่อเซียวจิ้งเป่ยออกคำสั่ง จางหานก็ไม่กล้าขัดขวาง ยอมทำตามวิธีของเจียงเว่ยหว่าน

แม้นรถม้าจะกว้าง สามารถบรรจุได้หลายคน ทว่าเวลานี้ก็รู้สึกแคบยิ่งนัก จางหานจึงได้แต่ลงจากรถม้า ให้เจียงเว่ยหว่านมีพื้นที่รักษาท่านอ๋อง

เจียงเว่ยหว่านเดินมาถึงตัวเซียวจิ้งเป่ย ความกดดันก็ถาโถมเข้าใส่ ทำให้หายใจไม่สะดวก

ถึงแม้ในรถม้าจะมืดหน่อย แต่ก็ยังคงเห็นใบหน้าเขาอย่างชัดเจน

บุรุษรวบผมด้วยมงกุฎหยกช่างหล่อเหลายิ่งนัก คิ้วกระบี่และดวงตาดุจดวงดาว จมูกสูงโด่ง คือผลงานประติมากรรมอันประณีตจนไร้ที่ตินั่นเอง มองแล้วชวนน้ำลายสอ

ยามนี้เขาเอนกายพิงบนผนังรถม้าอย่างคนอ่อนแอ มองเจียงเว่ยหว่านด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก

เจียงเว่ยหว่านอดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้ ผู้ชายคนนี้หล่อจังเลย หล่อกว่าดาราหนุ่มยอดนิยมในโลกปัจจุบันเสียอีก หากเขาควบอาชาขาวต้องเหมือนเทพจุติยังโลกมนุษย์เป็นแน่ มีเสน่ห์สะกดทุกสายตาที่ได้พบเห็น

ในขณะที่นางสั่งชุดตรวจหมู่เลือดABO แอลกอฮอล์ สำลีและเข็มปลอดเชื้อ อุปกรณ์ต่างๆออกมากลางอากาศในใจ ก็อธิบายไปด้วยว่า

“วิธีเปลี่ยนเลือดนั้นง่ายมาก แต่รู้ว่าท่านเป็นเลือดกรุ๊ปไหนก็ได้แล้ว จากนั้นก็เอาเลือดผู้อื่นให้ท่าน ร่างกายที่สูญเสียเลือดของท่านก็ได้รับการทดแทนแล้ว”

ภาษาแพทย์นั้นซับซ้อนมาก เจียงเว่ยหว่านจึงอธิบายง่ายๆให้ทุกคนเข้าใจ

พวกจางหานมองอุปกรณ์พิสดารในมือเจียงเว่ยหว่านด้วยความตะลึง พวกเขาเคยเห็นเฉพาะเข็มเงินเท่านั้น นอกนั้นก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

เจียงเว่ยหว่านเก็บตัวอย่างเลือดของเซียวจิ้งเป่ยอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็เจาะเลือดตรงนิ้วมือของพวกจางหาน

เวลาเดียวกันนางก็เจาะเลือดในนิ้วมือตัวเองเพื่อทำการตรวจสอบด้วย

ระหว่างที่รอผลตรวจ เจียงเว่ยหว่านก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ นางถอดเสื้อบนตัวเซียวจิ้งเป่ยออก

เมื่อเห็นเรือนร่างของเซียวจิ้งเป่ยแล้ว เจียงเว่ยหว่านก็ต้องอึ้ง หุ่นอันแข็งแรงเต็มไปด้วยรอยฟัน ดูแล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่ง

บาดแผลที่เย็บเป็นแถวเหมือนตะขาบเกาะบนตัวเขาอย่างไรอย่างนั้น แผลที่ผ่านการเย็บบริเวณหน้าอก เวลานี้ฉีกขาดแล้วมีเลือดสดทะลักออกมา

ถึงแม้เจียงเว่ยหว่านไม่รู้ว่าผู้บาดเจ็บรายนี้เป็นใคร ยิ่งไม่รู้ว่าเขาทำอาชีพใด ทว่าเมื่อเห็นรอยฟันนับไม่ถ้วนนี้ นางก็มั่นใจว่าเขาต้องเป็นทหารแน่

เจียงเว่ยหว่านเอายาแก้ปวด ยาแก้อักเสบและยาฆ่าเชื้อออกมาในอากาศ จากนั้นก็ให้เขากิน

แม้นเซียวจิ้งเป่ยจะบาดเจ็บสาหัส ทว่าเมื่อเห็นยาหลากสีรูปร่างแปลกๆ เขาก็เลิกคิ้ว มองเจียงเว่ยหว่านอย่างระวังตัว

“วางใจเถอะ ไม่ใช่ยาพิษ” เจียงเว่ยหว่านพูดเสียงแข็งกระด้าง “บนโลกใบนี้มีแต่ข้าคนเดียวที่รักษาอาการของท่านได้”

ยุคโบราณที่ไร้เทคโนโลยีรักษา อาการสาหัสปานนี้ แม้กระทั่งยมบาลก็ช่วยเขาไม่ได้ แต่เขาโชคดีที่ได้เจอนาง

ต้องใช้เทคนิคแพทย์สมัยใหม่รักษาเขา

ดวงตาคมกริบของเซียวจิ้งเป่ยมองประเมินนาง สายตาอันเจิดจ้าของเขาเสมือนสามารถมองทะลุความคิดนางก็ไม่ปาน

เมื่อเขามั่นใจว่านางไม่มีเจตนาร้ายก็กลืนยาพวกนั้นเข้าไป

เมื่อเขากินยาเสร็จแล้ว ผลตรวจเลือดก็ออกมา

เจียงเว่ยหว่านเห็นผลตรวจแล้วก็รู้สึกบังเอิญมาก เขากับเจ้าของร่างเดิมเป็นเลือดกรุ๊ปโอเหมือนกัน นางมองรูปร่างของตัวเอง

คนปกติสามารถบริจาคเลือดได้สี่ร้อยมิลลิเมตร เช่นนั้นด้วยรูปร่างของเจ้าของร่างเดิม นางเอาเลือดออกสักห้าร้อยมิลลิลิตรก็ไม่มีปัญหาอะไร

ระหว่างที่เจียงเว่ยหว่านลังเล เซียวจิ้งเป่ยก็หมดสติไปแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างปิดแน่นแล้วพิงผนังรถม้า สตรีข้างกายเขาโผเข้าจับตัวเองแล้วส่งเสียงร่ำไห้

ไม่มีทางเลือก

คงกัดฟันบริจาคเลือดตัวเองแล้ว

“เจ้าหยุดร้องเถิด รีบพยุงเขานอนลง ข้าจะเย็บแผลให้เขาใหม่ จากนั้นก็เปลี่ยนเลือดให้เขา”

สตรีน้ำตาอาบแก้ม ทุกข์ใจสุดแสน

“หากท่านเป็นอะไรไป เยียนเอ๋อร์จะทำเช่นไรดี”

เจียงเว่ยหว่านไม่ชอบผู้หญิงพิรี้พิไรที่สุด จึงพยุงเซียวจิ้งเป่ยนอนลงเอง จากนั้นก็บอกแม่นางผู้นี้ว่า “เจ้าลงไป”

หลี่เยียนเอ๋อร์เลิกคิ้วต่อต้าน “ไม่ได้ ข้าต้องเฝ้าอยู่ที่นี่”

เจียงเว่ยหว่านโต้กลับด้วยความหงุดหงิด “เจ้าอยากให้เขามีชีวิตต่อหรือไม่? เจ้าไปเฝ้าเขานอกรถม้าก็เหมือนกัน จะเฝ้าอยู่ตรงนี้ไม่ได้ เจ้ามาขัดขวางข้าแล้ว ข้าจะรักษาเขาเช่นไร?”

หลังจากที่หลี่เยียนเอ๋อร์โดนตำหนิไปหนึ่งชุด แม้จะไม่ยินดี แต่ก็ยังคงลงจากรถม้าตามคำสั่ง

เมื่อเห็นนางลงจากรถม้า เจียงเว่ยหว่านก็ปิดม่านรถม้า

“เห้อ! เจ้า...” หลี่เยียนเอ๋อร์มองรถม้าที่ปิดสนิท

“หุบปากซะ อย่ารบกวนข้า” เจียงเว่ยหว่านส่งเสียงเตือนภายในรถม้า “หาไม่แล้วแม้แต่เทพธิดาก็ช่วยสามีเจ้าไม่ได้แล้ว”

เมื่อไม่มีคนมองเจียงเว่ยหว่านด้วยความทึ่ง นางก็เริ่มทำการรักษาทันที รีบเอาหน้ากากออกซิเจนมาสวมให้เซียวจิ้งเป่ย จากนั้นก็เย็บแผล ให้เลือด

เดิมทีคิดว่าจะเอาเลือดจากร่างเจ้าของร่างเดิม แต่ไม่คิดว่าจะมีถุงบรรจุโลหิตที่เพียงพอต่อเขากลางอากาศด้วย

เมื่อให้เลือดกับให้น้ำเกลือเสร็จก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว

เจียงเว่ยหว่านเก็บอุปกรณ์เก็บเข้ากลางอากาศจึงจะลงไป ก่อนจะให้พวกจางหานเฝ้าเซียวจิ้งเป่ย

ยามนี้เซียวจิ้งเป่ยยังไม่ได้สติ ยังคงสลบอยู่ ถึงแม้เขากำลังหลับใหล แต่มุมปากเขายังคงแน่น ใบหน้าแข็งหนึบ คือสีหน้าของคนกลุ้มใจนั่นเอง

“เขาไม่เป็นอะไรแล้ว”เจียงเว่ยหว่านบอกจางหานเสียงเรียบ

จางหานมองใบหน้าอันหล่อของของท่านอ๋องแล้วขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ไยนายท่านข้าถึงยังไม่ฟื้น?”

“เขาคงเหนื่อยเกินไป นอนสักพักก็คงตื่น”

ดวงตางดงามของเจียงเว่ยหว่านมองไปยังใบหน้าสมบูรณ์ของเซียวจิ้งเป่ย ก่อนจะยื่นยาให้จางหานอย่างสง่างาม

“กินยาพวกนี้วันละสามครั้ง ครั้งละสองเม็ด กินหลังอาหารครึ่งชั่วยาม กินครึ่งเดือนแล้วเขาน่าจะหายดี”

จางหานรับยามาด้วยอาการกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย แม้กระทั่งคำว่าขอบคุณก็ไม่มี เขารีบเขาไปดูอาการของเซียวจิ้งเป่ย เมื่อพบว่าท่านอ๋องของตัวเองไม่มีเลือดไหลแล้ว ก็หมดกังวล

ริมฝีปากแด่งของเจียงเว่ยหว่านยกโค้งขึ้น เผยรอยยิ้มน้อยๆ เดินจากไปในระหว่างที่คนอื่นไม่ทันสังเกต

เมื่อจางหานเห็นว่าห้ามเลือดเซียวจิ้งเป่ยได้แล้ว และชีพจรก็เต้นเป็นจังหวะ ดวงตาเขาก็แดงก่ำ พูดด้วยความซาบซึ้งว่า “สวรรค์คุ้มครองนายท่านของพวกเราจริงๆ”

สิ้นเสียง พวกจางหานก็เตรียมไปขอบคุณเจียงเว่ยหว่าน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ไม่เห็นนางเสียแล้ว ราวกับว่านางไม่เคยมาที่นี่ หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย

เจียงเว่ยหว่านกลับถึงจวนอ๋องยามอิ๋น ซึ่งก็คือเวลาตีสามของโลกปัจจุบัน

นางเหนื่อยล้าเต็มทน แม้รู้ว่าหยกของนางตกอยู่ในรถม้า นางก็ไม่มีอารมณ์สนใจ ล้มตัวลงนอนทันที

เช้าวันถัดมา ชิงเหมย สาวใช้คนสนิทของนางก็เดินมาเคาะประตูด้วยความเร่งรีบ

“คุณหนู คุณหนู แย่แล้วเจ้าค่ะ”

เจียงเว่ยหว่านไม่ตื่น ยังอยากนอนต่อ แต่วินาทีต่อมานางฉุกคิดได้ว่ายังไม่ได้ลบเครื่งสำอางบนใบหน้า ก็อดสะดุ้งไม่ได้ ทั้งยังหายง่วงอีกด้วย

เจียงเว่ยหว่านหยิบผ้ามาเช็คเครื่องสำอางออก เมื่อเผยกระบนใบหน้าอันอัปลักษณ์แล้ว จึงไปเปิดประตู

“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว แต่พาผู้หญิงกลับมาด้วยเจ้าค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์