แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์ นิยาย บท 5

            ตอนที่ 5 นางจิ้งจอกผู้ร้ายกาจ

          “นี่ไม่ตรงกับความต้อนการของเจ้าหรอกหรือ?”

เจียงเว่ยหว่านเอ่ยเสียงเย็นเยียบ ดวงตาหงส์ทอประกายแสงเย็นยะเยือกสุดขั้ว

“พระชายาเห็นหม่อมฉันเป็นเยี่ยงนี้ได้เช่นไร?”

หลี่เยียนเอ๋อร์ตาแดงก่ำ ทำหน้าขมขื่น น่าสงสาร “ท่านอ๋องเพคะ ท่านอย่าโกรธพระชายาเลยเพคะ นางแค่เป็นห่วงจนบุ่มบ่าม และโมโหจนพูดจาเหลวไหล ถึงได้พูดเรื่องหย่าเพคะ”

เป็นนางจิ้งจอกที่ร้ายกาจมาก

มองผิวเผินหลี่เยียนเอ๋อร์กำลังช่วยนางพูด แต่แท้จริงแล้วกำลังย้ำเตือนเซียวจิ้งเป่ยว่า ท่านอ๋องดูสิ พระชายาของท่านไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา คิดจะหย่ากับท่าน

เจียงเว่ยหว่านยกยิ้มแล้วเตือนหลี่เยียนเอ๋อร์อย่างไม่สะทกสะท้าน

“เวลาสองสามีภรรยาคุยกัน เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้าแทรก ถึงเจ้าจะเป็นภรรยาของเขาจริง แต่เจ้าก็เป็นเพียงอนุภรรยา ไสหัวออกไปซะ”

“ท่านอ๋อง...” หลี่เยียนเอ๋อร์เม้มปากทำหน้าเตรียมจะร้องไห้

เซียวจิ้งเป่ยไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าหล่อส่งสัญญาณว่าจะเกิดมรสุมฝนฟ้ากระหน่ำได้ตลอดเวลา

ไอ้ผู้หญิงสมควรตาย!

กล้าเสนอหย่าเชียวหรือ?

เซียวจิ้งเป่ยพยายามระงับความโกรธในใจ หรี่ตามองเจียงเว่ยหว่าน คนตรงหน้าคือคุณหนูแห่งจวนโจวที่ลือกระฉ่อนว่าปัญญาทึบและไร้การศึกษาหรือ?

เขาบอกไม่ถูกว่าไม่ชอบมาพากลตรงไหน นางขี้เหร่เหมือนข่าวลือไม่มีผิดเพี้ยน แต่ไม่ได้ปัญญาทึบ เมื่อมีโอกาสเจอหน้าเขาก็หาหนทางหย่ากับเขา

“เยียนเอ๋อร์เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้า” เซียวจิ้งเป่ยระงับเพลิงโทสะในใจ ไม่สนใจเจียงเว่ยหว่านตรงหน้า กล่าวกับเลขานุการโจวที่ยืนอย่างมีสัมมาคารวะด้านข้างว่า “เลขานุการโจวไปจัดที่พักให้นางด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ” เลขานุการโจวโค้งคำนับแล้วพาหลี่เยียนเอ๋อร์ออกไป

ระหว่างที่เลขานุการโจวคุกเข่าอำลาก็แอบมอบเจียงเว่ยหว่านปราดหนึ่ง พระชายาผู้นี้ไม่กลัวตายหรือไร ถึงกล้าขอหย่ากับท่านอ๋อง นี่คือสัญญาณแจ้งเตือนก่อนพายุฝนจะเข้านะ

ข้ารับใช้ตามเลขานุการโจวออกไป เหลือเพียงเจียงเว่ยหว่านกับเซียวจิ้งเป่ยอยู่ในห้องโถง

บรรยากาศเงียบงันลง กระทั่งเข็มหล่นพื้นก็ยังได้ยิน เกิดความกระอักกระอ่วนตามมา

เซียวจิ้งเป่ยมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ ลูกกระเดือกอันทางเสน่ห์เคลื่อนไหว เขากลืนน้ำลายแล้วเอ่ยปากพูดว่า

“เจียงเว่ยหว่าน เจ้าคิดว่าจวนอ๋อง เจ้านึกอยากมาก็มา นึกอยากไปก็ไปหรือ?”

เมื่อได้ยินเสียงอันทรงพลังของเซียวจิ้งเป่ย หัวใจเจียงเว่ยหว่านก็เต้นไม่เป็นส่ำ รู้สึกเหงื่อกาฬผุดพรายแผ่นหลัง

นางพยายามให้ตัวเองใจเย็น เอ่ยหน้าเรียบเฉยว่า “แล้วท่านคิดจะทำอย่างไร?”

เซียวจิ้งเป่ยจับแขนเสื้อ ก่อนจะจ้องเจียงเว่ยหว่าน “เข้าประตูจวนอ๋องแล้วก็ทำตัวเป็นพระชายาฉินที่เชื่อฟังดีๆ อย่าคิดอะไรแผลงๆอีก”

เจียงเว่ยหว่านประสานสายตากับเซียวจิ้งเป่ย หรือเขาคิดว่านางเป็นสายลับที่ฮ่องเต้ส่งมา? นางยิ้มเย็นแล้วทักท้วง “ข้าไม่ได้คิดอะไรแผลงๆ วางใจได้ ข้าไม่ใช่สายลับ”

“ท่านอ๋องสงสัยในตัวเอง เช่นนั้นก็ลงนามในหนังสือหย่าเสียเถิด ต่างฝ่ายต่างจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก จะเป็นเรื่องน่ายินดีทั้งคู่”

ใบหน้าหล่อของเซียวจิ้งเป่ยมืดครึ้มประหนึ่งอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายเย็นยะเยือก

“หุบปาก”

น้ำเสียงเจือความโมโห ทว่าเขาได้พยายามยับยั้งแล้ว ดวงตาดุจดวงดาวจ้องหน้านาง

“ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้ เป็นเรื่องประเสริฐ เจ้าจะทำตัวเป็นเด็กขายของได้เยี่ยงไร บอกจะหย่าก็หย่าได้หรือ?”

เขาพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

“หากวันนี้ข้าหย่ากับเจ้า พรุ่งนี้ต้องเกิดข้อถกเถียงในท้องพระโรงแน่ โทษขัดพระราชโองการเช่นนี้ เจ้ารับไหวหรือ?”

เจียงเว่ยหว่านเข้าใจทันที เขาไม่อยากล่วงเกินฮ่องเต้องค์ใหม่ และเขายิ่งใช้นางเป็นเครื่องมือส่งสารให้ฮ่องเต้

เช่นนั้นชีวิตแต่งงานนี้ก็ต้องดำเนินต่อไป

การขัดพระราชโองการมีโทษถึงขั้นประหารชีวิต

นางเพิ่งฟื้นขึ้นมาจะปล่อยให้หัวตัวเองหลุดจากบ่าอีกไม่ได้ เช่นนั้นจะอนาถเกินไป

อยู่ดูสถานการณ์ในจวนอ๋องก่อนก็แล้วกัน!

นางสะบัดแขนเสื้อกว้างแล้วนั่งตรงหน้าเขา กล่าวเสียงขึงขังจริงจังว่า “ได้ ท่านไม่หย่ากับข้าก็ได้ ท่านอยากให้ข้าอยู่ในจวนอ๋องต่อ ท่านก็ต้องรับปากข้าสามข้อ พวกเรามาตกลงกันเถอะ”

“ผู้ที่คิดจะตั้งเงื่อนไขกับข้าไม่เคยมีผู้ใดมีชีวิตอยู่ต่อได้”

เสียงของเขาเย็นยะเยือกถึงขีดสุด เย็นเหมือนน้ำแข็ง เหมือนหิมะ ชวนให้หนาวสะท้านยิ่ง

ทั้งๆที่เขาพูดชวนให้หวาดผวา แต่ใบหน้าหล่อที่โลกต้องตะลึงกลับดึงดูดสายตายิ่ง

แสงอุ่นๆส่องบนกายเซียวจิ้งเป่ย อาภรณ์สีขาวสะอาดสะอ้านเปรียบดั่งหิมะบนภูเขา กำลังเฉิดฉายใต้แสงจันทร์ ท่าทางสง่างาม สูงส่ง ไร้คนเทียบเทียม

ดวงตาคู่งามของเขาจ้องหน้าเจียงเว่ยหว่านราวกับจะมองทะลุหัวใจนางก็ไม่ปาน

เจียงเว่ยหว่านพูดไม่ช้าไม่เร็วอย่างคนสุขุม “ข้อแรก หากข้าไม่อนุญาตจะแต่งตั้งอนุภรรยาไม่ได้ ข้อที่สองพวกเราเป็นสามีภรรยาในนามเท่านั้น อย่าคิดอะไรเกินเลยกับข้า ข้าสามารถปล่อยข่าวเท็จให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ แต่ท่านต้องให้อิสระข้า อย่าได้ก้าวก่ายเรื่องของข้า”

เซียวจิ้งเป่ยหรี่ตาลงเรื่อยๆ เขาไม่ได้ตอบนาง เงียบไปได้สักพักก็เลิกคิ้วถาม “ข้อสามล่ะ?”

“ข้าที่สาม” เจียงเว่ยหย่าเลิกคิ้วลังเลชั่วอึดใจ จึงตอบว่า “ก็คืออย่าให้ผู้หญิงของท่านมาหาเรื่องข้า ไม่งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

เซียวจิ้งเป่ยขมวดคิ้วมุ่น ถามว่า “ถ้าข้าไม่รับปากล่ะ?”

ถึงแม้เขาจะน่ากลัวเหมือนยมทูตในนรก ร่างกายแผ่ซ่านไปดวยกลิ่นอายเย็นยะเยือก ดวงตาของเขาอัดแน่นไปด้วความรังเกียจเดียดฉันท์ต่อนาง

ทว่าเจียงเว่ยหว่านก็ใช่ย่อย พูดอย่างมั่นใจว่า “หากท่านอ๋องไม่รับปาก พรุ่งนี้ข้าจะไปอธิบายกับฝ่าบาทในวัง บอกว่าท่านอ๋องฉินหลงใหลอนุจนเฉยเมินต่อชายาเอก ข้าทนความอัปยศอดสูนี้ไม่ได้ จึงขอให้ฝ่าบาทยกเลิกการแต่งงานนี้”

“เจ้ากล้าหรือ?”

“ทำไมจะไม่กล้า”

ดวงตางามของเจียงเว่ยหว่านหรี่ลง มองบุรุษที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงตรงหน้า ริมฝีปากยางก็ยิ้มเบิกบาน

“ท่านอ๋อง หากท่านไม่ให้ข้ามีจุดยืน เช่นนั้นก็สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย”

กลีบปากบางของเซียวจิ้งเป่ยยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม

“ดี ดีมาก สมกับที่เป็นพระชายาของเซียวจิ้งเป่ยเช่นข้า มีความกล้าหาญมาก”

แม้เขาจะพูดเชิงชื่นชม ทว่าเจียงเว่ยหว่านก็รู้ว่าเป็นการประชดประชัน นางก็พูดเสียดสีอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“ก็เหมือนกับท่านอ๋องแหละ ท่านมีชื่อเสียงองอาจและปรีชาสามารถ ชายาเช่นข้าจะให้ท่านขายหน้าได้เยี่ยงใด?”

สองมือที่วางบนเก้าอี้ไม้ของเซียวจิ้งเป่ยกำแน่น ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มออกมา

“พูดมีเหตุผล”

เขามองนางประหนึ่งจะมองเข้าไปในหัวใจ

เจียงเว่ยหว่านมั่นใจว่าเซียวจิ้งเป่ยจะรับปากข้อเรียกร้องของนาง เพราะว่าเขาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับจูอวิ่นเหวินในราชวงศ์หมิง

เดิมทีต้องสืบทอดบัลลังก์ให้เสด็จพ่อของเขา แต่เสด็จพ่อของเขายังไม่ทันขึ้นครองราชย์ก็เสียชีวิตเสียก่อน หากเสด็จพ่อเขาได้นั่งบัลลังก์มังกร เขาในฐานะโอรสคนโตย่อมได้สืบทอดบัลลังก์ต่อแน่

ทว่าเสด็จพ่อของเขาดันสิ้นพระชนม์เสียก่อน และเสด็จอาของเขาก็ฉวยโอกาสตอนเขาประจำการที่ชายแดนขึ้นครองราชย์

ดังนั้นฮ่องเต้องค์ใหญ่ย่อมต้องยำเกรงเขา ระแวงเขาเป็นแน่

หากเขามีพฤติกรรมไม่ปกติเพียงเล็กน้อย ฮ่องเต้องค์ใหม่ต้องไม่ปลื้มแน่ และยามนี้อำนาจในเมืองหลวงของท่านอ๋องฉินถูกฮ่องเต้องค์ใหม่ทำลายทิ้ง เขาจำได้อยู่เฉย ๆ แล้วหาโอกาสที่เหมาะสมภายหลัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์