แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์ นิยาย บท 7

            ตอนที่ 7 ผู้หญิงร้ายลึก

          เจียงเว่ยหว่านออกมาจากห้องโถงใหญ่ เดินเลี้ยวผ่านกำแพงสีแดง แล้วก็เป็นระเบียงทางเดินที่ทอดยาว ราวกับมังกรตัวใหญ่ที่เลี้ยวลดลงไป มองไปสุดสายตา ก็ไม่เห็นปลายทาง 

เจียงเว่ยหว่านเดินไปตามระเบียงทางเดิน ทันใดนั้นก็มีเงาร่างสวยงามสายหนึ่งค่อยๆเดินเข้ามา 

แสงแดดเรืองรองสาดสองอยู่รอบๆตัวนาง ชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยิ่งทำให้นางดูมีเสน่ห์มีชีวิตชีวา สวยงามไร้ที่ติ

เจียงเว่ยหว่านชะงักฝีเท้า หรี่ตาลงเล็กน้อยและมองหลี่เยียนเอ๋อร์ตรงๆ 

หลี่เยียนเอ๋อร์เหมือนนกขมิ้นที่น่าหลงใหล ทุกอากัปกิริยาล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนช้อยงดงาม นางยิ้มบางๆให้กับเจียงเว่ยหว่าน 

“พระชายา หม่อมฉันกำลังจะไปหาท่านอ๋อง ไม่คิดเลยว่าจะได้พบเจอกับท่านอีกครั้ง ท่านกับท่านอ๋องคุยกันเป็นอย่างไรบ้าง”

นางยิ้มอย่างได้ใจ แววตาแฝงไปด้วยความภูมิใจราวกับเป็นผู้ชนะ

“ท่านอ๋องเป็นคนที่ไม่ชอบทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง เดาว่าคงทำให้ท่านโกรธไม่น้อยเลยกระมัง ท่านใจเย็นๆ ประเดี๋ยวหม่อมฉันไปพบท่านอ๋องแล้วจะช่วยท่านพูดจาดีๆให้ หม่อมฉันพูดท่านอ๋องยังฟังอยู่บ้าง”

ผู้หญิงคนนี้หมายความว่าอย่างไร 

มาท้าทายนางหรือ 

จะมาบอกนางว่า นางกับสามีของตนเองรักกันมากแค่ไหนอย่างนั้นหรือ

ผู้หญิงคนนี้ให้ท่าสามีนาง ยังจะมาอวดดีต่อหน้านางอีก ใช้ท่าทีไร้เดียงสาและเป็นมิตรเพื่อมาสอนนางว่าควรจะอยู่ร่วมกับผู้ชายอย่างไรด้วย 

ช่างเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี 

เจียงเว่ยหว่านหมดความอดทน นางที่เป็นภรรยาเอกยังไม่ทำตัวเช่นนี้เลย ผู้หญิงคนนี้อยากจะรังแกนาง แม้ว่าตนเองกับเซียวจิ้งเป่ยจะมีความสัมพันธ์กันแค่คนร่วมงานกัน แต่ศักดิ์ศรีของนางก็ไม่ยอมให้ใครมาท้าทายได้ 

ดวงตาคู่สวยของเจียงเว่ยหว่านหรี่เล็กลง เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยให้กับสาวงามที่อยู่ตรงหน้า 

“หลี่เยียนเอ๋อร์ เรื่องของข้ากับท่านอ๋องเจ้าไม่ต้องก้าวก่าย ผู้หญิงอย่างเจ้าที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคิดอยากจะมาแทนที่ข้า คิดจะครอบครองสิ่งที่เป็นของคนอื่นอย่างนั้นหรือ เจ้าอย่าฝันกลางวันไปหน่อยเลย”

หลี่เยียนเอ๋อร์นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงอัปลักษณ์ตรงหน้าจะปากคอเราะรายเช่นนี้ อีกทั้งยังแทงใจดำนางทุกคำอีกด้วย นางพยายามฝืนยิ้มเอาไว้ 

“พระชายา ท่านคงเข้าใจอะไรหม่อมฉันผิดไปแน่ๆ หม่อมฉันจะคิดแทนที่ท่านได้อย่างไร เพียงแต่หม่อมฉันเข้าใจในตัวท่านอ๋องมากกว่าท่านก็เท่านั้นเอง”

ให้ตายเถอะ 

เป็นผู้หญิงร้ายลึกจริงๆ

ภายนอกดูเคารพนอบน้อม พูดจาไร้ช่องโหว่ แต่ความหมายที่แฝงมากับคำพูดกลับจุดประกายความขุ่นเคือง นั่นเป็นการบอกกล่าวกับเจียงเว่ยหว่านว่า นางต่างหากที่เป็นคนโปรดในใจของเซียวจิ้งเป่ย 

อีกทั้งนางฟังแล้วยังไม่สามารถโมโหได้ ไม่เช่นนั้นนางก็จะกลายเป็นหญิงร้าย หญิงขี้อิจฉา 

วิธีการนี้ช่างฉลาดจริงๆ 

หลี่เยียนเอ๋อร์อยากจะให้นางทะเลาะกับเซียวจิ้งเป่ยต่อไปเรื่อยๆ ทางที่ดีคือให้คนทั้งเมืองหลวงได้รับรู้ 

เช่นนี้ชื่อเสียงของนางก็จะยิ่งฉาวโฉ่ 

เจียงเว่ยหว่านไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางหลงกลหลี่เยียนเอ๋อร์ และนางก็ไม่โกรธ แต่กลับยิ้มให้กับหลี่เยียนเอ๋อร์ 

“หลี่เยียนเอ๋อร์ ขอเพียงข้าไม่ยอมให้เจ้าเข้ามาอยู่ที่นี่ เจ้าก็จะเป็นผู้หญิงที่เป็นคนนอกตลอดไป ผู้หญิงที่ให้ท่ายั่วยวนสามีคนอื่นนั้นต้องถูกจับให้กรงถ่วงน้ำ ทั้งชีวิตของเจ้าจะถูกสวรรค์ทอดทิ้ง ถูกมองด้วยหางตา ถูกทุกคนบนโลกนี้ดูถูกเหยียบย่ำ”

มองดูหญิงหน้าตาอัปลักษณ์ที่อยู่ตรงหน้า ท่าทีของเจียงเว่ยหว่านดูน่าเกรงขาม 

หลี่เยียนเอ๋อร์พูดไม่ออกทันที เกิดความรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ ทำไมผู้หญิงคนนี้จึงไม่เหมือนที่เขาเล่าลือกันข้างนอก 

เมื่อนึกถึงคำพูดแทงใจดำของเจียงเว่ยหว่าน ร่างบอบบางของนางก็สั่นเทาขึ้นมา ทั้งๆที่ในใจแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว แต่ภายนอกกลับแสร้งทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มอย่างสวยงาม 

“พระชายา ท่านเข้าใจหม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ”

“จริงหรือ” เจียงเว่ยหว่านเลิกคิ้วขึ้น จ้องมองหญิงสาวที่ดูอ่อนแอตรงหน้าเขม็ง เตือนนางด้วยเสียงเย็นชาว่า “หวังว่าเจ้าคงจะไม่มีความคิดสกปรก ไม่เช่นนั้นเจ้าคงรู้ดีว่าตนเองจะมีจุดจบอย่างไร”

“หม่อมฉันไม่กล้าเพคะ” ท่าทีของหลี่เยียนเอ๋อร์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่มือสองข้างที่อยู่ข้างลำตัวกลับกำหมัดไว้แน่น เล็บที่แหลมคมจิกเข้าไปในเนื้อ แต่นางกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บเลยสักนิด 

ใบหน้าของเจียงเว่ยหว่านเย็นชาแน่วแน่ แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกไม่ค่อยพอใจอยู่บ้าง เพิ่งจะทำสัญญากันเสร็จ วินาทีต่อมายอดดวงใจของเซียวจิ้งเป่ยก็มาพูดจาโอ้อวดวางมาดกับนาง นี่นางคงไม่ได้รับคำสั่งจากเซียวจิ้งเป่ย ให้นางมาเตือนตนเองว่าอย่าได้คิดเพ้อเจ้อเป็นอย่างอื่นหรอกกระมัง 

หญิงร้ายชายเลวสองคนนี้ ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ ยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ ก็ทำให้นางรู้สึกคลื่นเหียนแล้ว

ช่างเถอะช่างเถอะ ในเมื่อนางรอให้ครบระยะเวลาสัญญาก็จะไปแล้ว 

นางใช้สายตาเย็นชาจ้องมองหลี่เยียนเอ๋อร์ที่ทำหน้ามึนงงแวบหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆหมุนตัวจากไป 

แผนการยุแยงตะแคงรั่วของหลี่เยียนเอ๋อร์ไม่เป็นผล นางรู้สึกเจ็บมาก นางจ้องมองเงาร่างของเจียงเว่ยหว่านที่เดินจากไปด้วยสายตาลึกล้ำ ใบหน้างดงามมีแววเกลียดชังรุนแรงวานผ่าน ริมฝีปากสีแดงเข้มเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา 

......

เจียงเว่ยหว่านกลับมาถึงเรือนติง ชิงเหมยเข้ามาต้อนรับนางด้วยท่าทีเลื่อมใส “คุณหนู นี่ท่านไปอยู่กันตามลำพังกับท่านอ๋องแล้ว ทีนี้ตำแหน่งของท่านในจวนก็มั่นคงแล้ว”

แค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น คนในจวนต่างก็รู้เรื่องที่นางกับเซียวจิ้งเป่ยอยู่ด้วยกันตามลำพังหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าหลังบ้านไม่สงบสุขจริงๆด้วย แต่ว่าตอนนี้เจียงเว่ยหว่านไม่อยากจะสนใจ ได้แต่โบกมือให้กับชิงเหมย 

“มั่นคงไม่มั่นคงอะไรกัน ข้าไม่ได้มีความคิดเช่นนี้”

ชิงเหมยกระพริบตาจ้องมองนางอย่างสงสัย “เช่นนั้นท่านคิดอย่างไร”

เจียงเว่ยหว่านกวักมือไปทางนาง “มานี่”

ชิงเหมยใช้หูของตนแนบไปที่ข้างริมฝีปากของคุณหนูของตนเอง ฟังสิ่งที่นางพูด 

“ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ” ชิงเหมยใช้มือปิดปาก มองนางด้วยสีหน้าตกตะลึง “ถ้าหากท่านออกไป แล้วถูกท่านอ๋องจับได้จะทำอย่างไร ท่านต้องถูกท่านอ๋องลงโทษแน่”

เจียงเว่ยหว่านพูดยิ้มๆว่า “เจ้าไม่พูด คนอื่นจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าออกไปไหน เจ้าเก็บเรื่องนี้ไว้ให้ดี รอข้ากลับมาก็พอ”

การท้าทายจากหลี่เยียนเอ๋อร์เมื่อครู่ ทำให้ใจของเจียงเว่ยหว่านเกิดระลอกคลื่นขึ้นมา 

เซียวจิ้งเป่ยพึ่งพาไม่ได้ นางต้องพึ่งตนเอง นางต้องเตรียมการสำหรับการจากไปของตนเองในภายหลัง 

บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่สามารถพึ่งพาได้ มีเพียงอำนาจและเงินทองของตนเองเท่านั้น จึงจะเป็นที่พึ่งพิงในอีกครึ่งชีวิตที่เหลือ

เจียงเว่ยหว่านจะออกไปข้างนอก ในใจของชิงเหมยไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด แต่ก็ขัดใจคุณหนูไม่ได้ ได้แต่ตอบตกลง ช่วยคุณหนูปิดบังเอาไว้ 

แต่แล้วเจียงเว่ยหว่านเพิ่งจะออกไป ก็มีคนมาตามหาด้วยความกระตือรือร้นแล้ว

ชิงเหมยตกใจจนหัวใจแทบจะระเบิดออกมา แต่ก็สายไปเสียแล้ว

......

เจียงเว่ยหว่านเปลี่ยนเป็นชุดผู้ชาย ออกจากจวนอ๋องทางประตูด้านข้าง อีกทั้งยังใช้พื้นที่ที่ไม่มีผู้คนบรรจงแต่งหน้าสดอย่างประณีต ปกปิดจุดด่างดำที่อัปลักษณ์ เผยให้เห็นใบหน้าเหมือนคุณชายผู้ลากมากดีคนหนึ่ง 

เมืองหลวงของจักรวรรดิคุนค่อนข้างคึกคัก ผู้คนมากมาย การสัญจรหนาแน่น  

เจียงเว่ยหว่านเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนขวักไขว่ เมื่อมองไปข้างนางจะเห็นตึกรามบ้านช่องเต็มไปหมดสองข้างทาง เสียงร้องตะโกนของพ่อค้าแม่ขายดังขึ้นข้างหู เสียงร้องคำรามของนักเล่นกลที่ใช้หินใหญ่กระแทกอกจนแตกเป็นเสี่ยงๆ 

การทะลุมิติจากยุคปัจจุบันสู่ยุคโบราณ ทั้งหมดนี้ราวกับกำลังฝันไป เจียงเว่ยหว่านรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้วงความฝัน 

เจียงเว่ยหว่านคิดหาหนทางในอนาคตไว้แล้ว นางไม่รู้สึกลังเล ตรงไปยังโรงหมอ

มีคนเข้าออกโรงหมออย่างไม่ขาดสาย เจียงเว่ยหว่านค่อยๆเดินเข้าไป

โรงหมอกินพื้นที่กว้างใหญ่มาก เป็นลานบ้านที่มีเรือนอยู่มากมาย ร้านยาและผู้ดูแลร้านอยู่ตรงโถงใหญ่ชั้นแรก จากที่เจียงเว่ยหว่านสำรวจ ลานด้านหลังน่าจะมีการฝังเข็ม และเป็นสถานที่ที่ใช้ตากยาสมุนไพร 

เมื่อผู้ดูแลร้านที่โพกศีรษะด้วยผ้าสี่เหลี่ยมมองเห็นเจียงเว่ยหว่าน ก็ถามด้วยท่ามีที่มีเมตตากรุณาว่า “คุณชาย ท่านต้องการจะมาตรวจรักษาหรือว่าซื้อยา”

เจียงเว่ยหว่านโบกพัดในมือ เผยรอยยิ้มอ่อนๆให้กับผู้ดูแลร้าน “ไม่ใช่ทั้งนั้น ข้ามาสมัครเป็นหมอ”

ใบหน้าของผู้ดูแลร้านเคร่งขรึมขึ้นมา พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณชาย อย่ามาล้อเล่นกับคนแก่เลย ที่นี่พวกเราต้องการท่านหมอที่เก่งเรื่องการแพทย์ ไม่ใช่ลูกศิษย์”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงเคียงบัลลังก์