“นี่ก็สายมากแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันเถอะ!”
หมิงซุ่นตี้พูดจบก็หันหลังจากไป เหมยไทเฮามองเหยาชิงหลีแวบหนึ่งจากนั้นก็ตามหมิงซุ่นตี้ออกไปพร้อมกับสื่อฮองเฮาและคนอื่น ๆ
“ชิงหลี!” อวี๋อ๋องวิ่งเข้าไปหาและรีบพยุงนางลุกขึ้นมา “บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”
“ยังสบายดีอยู่เพคะ!” หินก้อนใหญ่ในใจของเหยาชิงหลีในที่สุดก็วางลงได้เสียที ช่างน่ากลัวและอันตรายเสียจริง ๆ!
“เหอะ ๆ” อยู่ ๆ ก็มีเสียงปรบมือดังลั่นขึ้นมา ใบหน้าเล็ก ๆ ของลั่วซินเม่ยที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มเย็น ๆ ก้าวเข้ามาข้างหน้าช้า ๆ "แม่นางเหยาช่างมีฝีมือเสียจริง! เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!”
“ข้าเจ้าเล่ห์มากแค่ไหนก็ไม่เท่ากับท่านหญิงหรอก” เหยาชิงหลีตอบกลับไปพร้อมกับปั้นหน้ายิ้มปลอม ๆ ให้ “เจ้าไม่มีพลังชีพจรวิญญาณก็แค่พูดมาตรง ๆ ก็ได้แล้ว ยังต้องพูดจาไร้สาระไปไย ทำไมแม้แต่ตัวท่านเองก็ดูถูกตัวเองงั้นหรือ?”
“กำเริบเสิบสาน!” ลั่วซินเม่ยโกรธมาก ทันทีที่มือไปแตะที่เอวก็เหวี่ยงแส้เส้นหนึ่งออกมา “ข้าเป็นถึงท่านหญิง เจ้ากล้าดียังไงถึงได้มาล่วงเกินข้า”
มีเสียงดัง “เพี๊ยะ” ดังขึ้น เหยาชิงหลีคว้าแส้ที่นางสะบัดมาเอาไว้ได้ “ข้าไปล่วงเกินท่านอย่างไรหรือ? พูดความจริงก็ถือเป็นการล่วงเกินด้วยหรือ?”
“เจ้า!”
“หย่งซานจวิ้นจู่!” ใบหน้าอันหล่อเหลาของอวี๋อ๋องเข้มขรึมทันที “ที่นี่คือวังหลวง โปรดลดอาวุธด้วย!”
“ฮึ!” ลั่วซินเม่ยสะบัดแส้ในมือเก็บกลับไป “กลับ!”
เมื่อพูดจบก็พาเหยาลี่เฟิงและคนอื่น ๆ หันหลังจากไป
นางไม่ได้กลัวอวี๋อ๋องหรอก แต่เมื่อสักครู่นี้เพิ่งจะถูกมู่เหลียนโยวเปิดโปงธาตุแท้ต่อหน้าสาธารณชนไป จึงรู้สึกอับอายอย่างมากและไม่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีก
“องค์ชาย ฝ่าบาทเรียกหาท่านพ่ะย่ะค่ะ” ในเวลานี้มีขันทีคนหนึ่งเดินเข้ามาหาอวี๋อ๋อง
“อืม” อวี๋อ๋องตอบก่อนจะหันกลับไปพูดกับเหยาชิงหลีว่า “งั้นข้าขอตัวไปก่อนนะ”
“เพคะ”
จนกระทั่งร่างของอวี๋อ๋องหายไปจากสายตา เหยาชิงหลีถึงได้ผ่อนคลายลง และนางก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมกับขมวดคิ้วอย่างเหนื่อยล้า
ขณะที่นางกำลังจะเตรียมตัวจากออกไป ไม่คิดว่าข้างหลังนางจะมีน้ำเสียงที่เย็นชาดังขึ้นมา “เหยาชิงหลี”
“มีอะไรหรือเปล่าเพคะ?” เหยาชิงหลีหันกลับไปมอง
แต่ก็เห็นเพียงใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของเจิ้งมั่วอี๋ดูตึงเครียดและแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้ากับอนาถใจ
“ในตอนนั้นตอนที่อยู่บนภูเขา...คนที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้ารู้แล้วว่า เป็น เป็นเจ้า!” สีหน้าของเจิ้งมั่วอี๋ดูลำบากใจและอึดอัด
“ล่ะยังไงเพคะ?”
เจิ้งมั่วอี๋สะอึกไปเล็กน้อย เขารวบรวมความกล้าทั้งหมดกว่าจะเรียกนางเอาไว้ได้ และพยายามพูดทุกอย่างออกมา ไหนเลยจะคิดว่านางจะตอบกลับมาอย่างไม่สนใจไยดีเช่นนี้!
ถ้าหากเป็นแม่หญิงคนอื่นคงจะตื่นเต้นจนอยากกระโจนเข้าหาเขาตั้งนานแล้ว และคงใช้ทุกวิถีทางเพื่อรั้งเขาเอาไว้ อย่างเช่นเหยาอิ๋งอิ๋ง
แต่ท่าทีของเหยาชิงหลี...ทำให้เขารู้สึกอับอายขายหน้าจริง ๆ
“ตอนนั้นที่คัดเลือกหญิงงาม ทำไมเจ้าถึงไม่พูดออกมาล่ะ?” เจิ้งมั่วอี๋รู้สึกอับอายจนโกรธขึ้นมา
“มีอะไรต้องพูดด้วยเพคะ”
เจิ้งมั่วอี๋สะอึกไปอีกครั้ง และได้แต่พูดด้วยความโกรธ “เมื่อคืน...เจ้ายังวางแผนจะช่วยข้า หึ ข้ามาที่นี่เพื่อมาพูดขอบคุณเจ้า”
“หืม? หม่อมฉันช่วยท่านงั้นหรือเพคะ?” เหยาชิงหลีรู้สึกมึนงงไปหมดแล้ว และฮึดฮัดอย่างหัวเสียออกมา “ท่านคิดมากไปแล้วเพคะ! เมื่อครู่นี้ที่พระนางไทเฮาพูดไปก็เพื่อช่วยพูดแก้ต่างให้กับหม่อมฉันก็เท่านั้นถึงได้บอกไปแบบนั้น คาดไม่ถึงว่าท่านจะเชื่อ? เหอะ ๆ ถ้าเช่นนั้นต้องขออภัยด้วยจริง ๆ เพคะ เมื่อคืนหม่อมฉันเพียงแค่อยากชมละครสนุก ๆ ก็เท่านั้น!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงข้ามภพ