เวลาผ่านล่วงเลยไปทีละน้อย บททดสอบของผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบสองคนเริ่มต้นจากสีหน้าซีดเซียว เหงื่อเริ่มผุดไหลออกมาและจบด้วยเหงื่อไหลอาบแก้ม
“ปัง” เสียงหนึ่งดังขึ้น
ทันใดนั้นหม้อปรุงยาของใครคนหนึ่งพลันสั่นสะเทือน ฝาหม้อกระเด็นออกไปไกล ควันดำโขมงพุ่งออกมา และชายวัยกลางคนที่กำลังกลั่นยาก็ล้มลงกับพื้น
เป็นเพราะดินปืนไม่ได้รับการควบคุมอย่างดีจึงเกิดการระเบิดออกมาเช่นนั้น
“ตกรอบไปอีกคนแล้ว” คนรอบข้างพากันกระซิบ
“อนิจจา!” ผู้แข่งขันส่ายศีรษะพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะหันลุกขึ้นและเดินออกไปจากสนาม
ทำให้ในการแข่งขันเหลือเพียง 11 คนเท่านั้น
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นกับผู้เข้าแข่งขันอีกสองคน ทำให้เหลืออยู่เพียง 9 คน
เม็ดทรายในนาฬิกาทรายขนาดใหญ่ไหลลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทรายตกลงมาแล้วถึงเจ็ดส่วนด้วยกัน
“ปัง!”
ตอนนั้นเองที่มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเงียบลงและฝาหม้อของซั่งกวนเยียนขยับสองครั้ง จากนั้นจึงกลับมาสงบเช่นเดิม
มันคือเสียงไฟดับเพราะทำยาสำเร็จนั่นเอง
“ฟู่” ซั่งกวนเยียนถอนหายใจออกเบา ๆ “คงทำได้เท่านี้สินะ”
หากเป็นไปได้ นางอยากขยายเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่หลังจากการควบแน่นเกือบสามชั่วยาม พลังควบคุมของนางใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว หากถูกรบกวนสมาธิ ยาของนางอาจถูกทำลายได้
ยิ่งไปกว่านั้น การกลั่นยายิ่งนานเท่าใดไม่ได้แปลว่าผลลัพธ์จะออกมาดี
นางหยิบชามหยกใบหนึ่งออกมา ก่อนจะเทหม้อปรุงยาอย่างช้าๆ “พลั่กๆ” สารละลายยาสีเขียวมรกตที่ใสราวกับคริสตัลไหลออกมาครึ่งชาม
“อืม คุณภาพดี” อัครเสนาบดีแคว้นอันมองซั่งกวนเยียนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพอใจกับผลงานของนางเป็นอย่างมาก
“หึ!” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเบาๆ
หยางจ้งกระแทกฝาหม้อเสียงดัง ไฟของเขาก็ดับลงแล้วเช่นกัน จากนั้นจึงค่อยๆ เทยาออกมาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
กลิ่นหอมของยาอันเข้มข้นกระจายออกไปทันที ทุกคนสูดหายใจเข้าและอดไม่ได้ที่จะพากันพยักหน้า
“ไม่แย่ ไม่แย่” ผู้อาวุโสจูพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณภาพไม่เลว”
ผู้คนรอบข้างอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงพึมพำแสดงความคิดเห็น “ไม่รู้เลยว่ายาของแม่นางซั่งกวนหรือผู้เฒ่าหยางดีกว่ากัน”
“ในความคิดของข้า ผู้เฒ่าหยางเก่งมากกว่า และกลิ่นของยานั้นหอมอบอวลไปทั่ว”
หลังจากไฟของชายทั้งสองดับลง ดูเหมือนว่าปฏิกิริยาลูกโซ่นั้นจะเกิดขึ้นทั่วทั้งสนาม ฝาหม้อแต่ละใบพากันสั่นสะเทือน จากนั้นสารละลายยาก็ถูกเทออกมาด้วยสีที่ต่างกัน
บางคนขมวดคิ้ว ในขณะที่บางคนยิ้มอย่างมีความสุข
เวลานี้เหลือเพียงสองคนในสนาม นั่นคือเหยาชิงหลีและฮั่วรูเฟิง!
พวกเขาทั้งสองไม่สนใจสิ่งที่เคลื่อนไหวรอบตัวเลยแม้แต่น้อย
“ใกล้หมดเวลาแล้ว” เมื่อเห็นว่าทั้งสองยังคงไม่หยุด ผู้อาวุโสจูจึงอดวิตกกังวลไม่ได้
การกลั่นยาจะยากขึ้นเมื่อเข้าสู่ระยะหลัง หากไม่ระวัง ยาอาจถูกทำลาย ดังนั้นจึงควรปิดเตาเสียแต่เนิ่นๆ ดีกว่า
แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ยอมแพ้ให้กับอีกฝ่าย
“ชิงหลี…” อวี๋อ๋องรู้สึกเป็นห่วงจนเริ่มมีเหงื่อออกที่ฝ่ามือ เหตุใดนางจึงชอบทำให้คนอื่นอกสั่นขวัญแขวนอยู่เรื่อย
ไม่เพียงแต่อวี่อ๋องเท่านั้น ผู้ชมโดยรอบเองก็หัวใจเต้นแรง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่พวกเขาทั้งสอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงข้ามภพ