“ในประวัติตระกูลมีบันทึก” เยี่ยฟ่านเซิงว่า “หลายรอยปีก่อน ศัตรูภายนอกบุกเข้าเมืองเทียนอี ปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่หุบเขาเทียนอีอ่อนแอที่สุด เห็นว่าใกล้ถูกตีแตกแล้ว ขณะนั้นกลับมีคุณชายชุดขาว แซ่หนิงท่านหนึ่ง”
“คุณชายหนิงคนนั้นเชี่ยวชาญวิชาปัญจธาตุ แค่ใช้กิ่งไม้ไผ่แตะสองสามครั้ง ก็แก้วิกฤติของเมืองเทียนอี ต่อมาก็ช่วยพวกเราวางค่ายกลใหญ่หลายแห่งในเมืองเทียนอี ชื่อว่าค่ายกลผนึกเซียน รูปแบบค่ายกลแบ่งเป็นสามชั้น ชั้นที่หนึ่งเป็นค่ายกลกำแพง ชั้นที่สองเป็นค่ายกลวายุ ชั้นที่สามเป็นค่ายกลกระบี่ ถึงแม้ผ่านวันที่หนึ่งไปได้ ก็ทนไม่ถึงวันที่สอง!”
“ค่ายกลใหญ่นี้มีเพียงศัตรูภายนอกบุกเข้ามาถึงเปิดการใช้งาน และตอนนี้เปิดค่ายกลไม่ได้แล้ว”
“ทำไม?” ฉินอิงสยงได้ยินก็อกสั่นขวัญแขวน
“เพราะกุญแจใช้เปิดค่ายกล——จานบงกชนพธรรมหายไปนานแล้ว” เยี่ยฟ่านเซิงว่า
“หายไป?”
“เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไร” เยี่ยฟ่านเซิงพูดเสียงเย็น “กุญแจจัดเก็บโดยท่านประมุขแต่ละรุ่น ยี่สิบกว่าปีก่อน บุตรสาววัยเก้าขวบของท่านประมุข เขาสอนวิธีใช้จานบงกชให้นาง”
“หลายวันที่เรียนรู้ นางรู้สึกกุญแจสวย บอกว่าสวมไว้บนตัว ประมุขจึงให้นางสวมสองสามวัน ถึงอย่างไรนางไม่ออกหุบเขา มีกุญแจก็เปิดค่ายกลไม่ได้ แต่ผ่านไปไม่กี่วัน นางก็หายตัวไปแล้ว รอตอนที่หาเจอก็อยู่ใต้หน้าผา ซากศพเน่าเปื่อย กุญแจที่สวมบนคอนางก็หายไปด้วย”
“จะต้องถูกสัตว์บางอย่างเอาไปแน่!” ฉินอิงสยงหอบพักหนึ่ง “ตอนนี้ไม่มีกุญแจ ก็เปิดค่ายกลไม่ได้ใช่หรือไม่? อย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่ชิงหลีจะติดอยู่ข้างใน”
“ก็มีคนบุกเข้าไปโดยไม่ตั้งใจอยู่” เยี่ยฟ่านเซิงว่า “ค่ายกลโบราณห่างจากตอนนี้มีประวัติหลายร้อยปี ทรุดโทรมตามกาลเวลา หลีกเลี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดไม่ได้ ฟ้าผ่าหนึ่งในห้าสิบกว่าปีก่อน ค่ายกลใหญ่ถูกฟ้าผ่าแตกร้าว ชาวบ้านหลายร้อยคนถูกดึงเข้าไปด้วย”
“ขณะนั้น ท่านประมุขอยู่ในเมืองรู้เรื่องนี้เข้าพอดี ใช้จานบงกชเปิดค่ายกลทันที พบชาวบ้านหลายร้อยคนนั้นตายอยู่ข้างในแล้ว”
“เปิดค่ายกลนั้นไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น ฟ้าผ่า ฟ้าแลบอะไร” ฉินอิงสยงว่า
เยี่ยฟ่านเซิงกลับส่ายหน้า “พวกเราศึกษามาสิบกว่าปีแล้ว อยากเข้าไปในค่ายกล หนึ่งคือต้องใช้จานบงกช สองคือคนที่มีวิชาปัญจธาตุสูงส่ง และก็เข้าใจค่ายกลผนึกเซียนนี้ ความน่าจะเป็นโดยบังเอิญเป็นหนึ่งในหมื่นส่วน”
“ถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไร?” ฉินอิงสยงร้อนใจเป็นกังวล “พลิกทั้งเมืองเทียนอีแล้ว ที่สุดท้ายที่ชิงหลีหายตัวไปก็เป็นที่นี่! และเมื่อครู่ผู้ใต้บังคับบัญชาของซื่อจื่อก็สืบหาได้แล้ว รอยเท้าสุดท้ายของชิงหลีก็หยุดอยู่ตรงนี้ ต่อมาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย! ยังมีลมประหลาดช่วงหนึ่ง”
“นั่นเป็นค่ายกลวายุ!” มู่เหลียนโยวยกริมฝีปากแดง ลูกตาที่สวยงามเต็มไปด้วยความเย็นชา “ข้าจะไปช่วยนาง!”
“ช่วย? ไปช่วยที่ไหน?” ฉินอิงสยงมึนงงไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แพทย์หญิงข้ามภพ