แม้มู่เหยาจะรู้ดีแก่ใจว่าฮูหยินเฒ่าเซียวเรียกนางมาด้วยเรื่องอะไร แต่นางก็ไม่ใช่คนประเภทที่พอถูกข่มขู่สองสามคำก็เสียขวัญ
นางค่อยๆ ช้อนตาสบตากับสายตาที่โกรธเคืองของคนตรงหน้า
“ฮูหยินเฒ่า ผู้น้อยทราบดีว่าฮูหยินเฒ่าไม่พอใจผู้น้อย แต่การที่ท่านอ๋องทรงขอผู้น้อยแต่งงานย่อมต้องมีเหตุผล และผู้น้อยคิดว่าฮูหยินเฒ่าคงจะทราบดีอยู่แล้ว”
ฮูหยินเฒ่าเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย และก็วางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะ
“ลูกชายข้าเพิ่งกลับมาจากสนามรบและมีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวขานไปทั่ว ส่วนเจ้า...กลับก่อเรื่องอุกอาจไม่งามเช่นนั้น หากรู้แก่ใจดีก็ควรรีบปฏิเสธไปเสีย บัดนี้กลับตกลงปลงใจเช่นนี้ มิใช่ว่าเพราะโลภในตำแหน่งพระชายาฉู่หรอกหรือ!”
คำพูดนี้พูดได้แรงมาก แม้แต่แม่นมฉีที่ยืนอยู่ข้างๆ ยังเผลอขมวดคิ้วเข้าหากันและอยากจะทัดทาน แต่ก็ถูกฮูหยินเฒ่าเซียวตวัดสายตาห้ามปรามมาเสียก่อน
“ฮูหยินเฒ่ารังเกียจที่ชื่อเสียงของผู้น้อยเสียหายหรือเจ้าคะ?”
มู่เหยาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ และไม่ได้รอให้อีกฝ่ายได้ตอบกลับ ก็กล่าวต่อว่า “ฮูหยินก็รู้ดีว่า ตอนนี้สกุลมู่เหลือเพียงแค่ข้าหัวเดียวกระเทียมลีบ หากมีคนคิดจะรังแกข้าผู้ที่ไร้ที่พึ่ง เพราะหวังจะให้ข้าต้องอับอายและเจ็บช้ำ หากข้าไม่ลุกขึ้นสู้เกรงว่าชีวิตที่เหลือคงได้ใช้ชีวิตอย่างขมขื่นและสิ้นหวังไปจนตาย”
เมื่อเอ่ยถึงจวนผิงหยางโหว แม้แต่ฮูหยินเฒ่าเซียวที่กำลังขุ่นเคืองใจอยู่เล็กน้อย ก็ลดทิฐิลงไปครึ่งหนึ่ง
สำหรับการกระทำของมู่เหยา นางค่อนข้างชื่นชมอยู่ในใจไม่น้อย เพราะในใต้หล้านี้มีสตรีไม่กี่คนหรอกที่กล้าลุกขึ้นมาต่อต้านเช่นนี้
“หากฮูหยินเฒ่ากังวลว่าผู้น้อยจะทำให้ชื่อเสียงของท่านอ๋องเสียหาย ถ้าอย่างนั้นผู้น้อยก็ขอให้ฮูหยินเฒ่าให้โอกาสให้ผู้น้อยได้กอบกู้ชื่อเสียงที่เสียไปกลับคืนมาด้วยเจ้าค่ะ ข้าจะไม่มีวันยอมให้ท่านอ๋องถูกผู้คนตำหนิโดยเด็ดขาด”
เมื่อเห็นนางพูดอย่างหนักแน่นจริงจัง ฮูหยินเฒ่าเซียวก็กวาดตามองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าหนึ่งรอบ ก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้าจะสู้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าไปๆมาๆทำให้จวนฉู่อ๋องต้องขายหน้าอีกเสียละ หากถึงตอนนั้นแม้ฝ่าบาทจะพระราชทานสมรสให้ ข้าก็ไม่มีวันยอมรับเจ้าเด็ดขาด!”
“งานชุมนุมนักกวีที่จะถึงในอีกห้าวัน ผู้น้อยจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
มู่เหยารู้ว่าฮูหยินเฒ่าเซียวเป็นห่วง และนางก็เข้าใจดี
ยังไงเสียจวนฉู่อ๋องก็มีชื่อเสียงที่ดีมายาวนาน ย่อมไม่อยากให้คนที่ผู้ถูกครหาเช่นนางมาทำให้แปดเปื้อน
เมื่อได้ยินนางเอ่ยถึงงานชุมนุมกวี ฮูหยินเฒ่าเซียวก็นึกถึงข่าวลือเหล่านั้นขึ้นมา สายตาที่มองไปที่มู่เหยาจึงแฝงไปด้วยความเอื่อมระอาอีกครั้ง
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ข่าวลือในเมืองหลวงที่ว่ากันว่าเจ้าหาได้มีความรู้ความสามารถทางด้านวรรณอักษรนะ เจ้าคงไม่คิดจะใช้วิธีสกปรกอะไรกระมัง?”
มู่เหยาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตั้งสติได้แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ ในใจรู้สึกขบขันเล็กน้อย ความคิดของฮูหยินเฒ่าผู้นี้ช่างแปลกประหลาดพิลึกเสียจริง
“หากตอนนี้เจ้ามาท่องหนังสือก็คงไม่ทันแล้ว ข้าว่าอย่าเสียเวลาเลย จะได้ไม่ทำให้ลูกชายข้าต้องอับอายไปมากกว่านี้”
น้ำเสียงของฮูหยินเฒ่าเซียวในตอนนี้ดูอ่อนลงบ้างแล้ว ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเห็นใจที่คนในครอบครัวของเด็กสาวคนนี้...
จึงไม่อยากตำหนิมากเกินไป
มู่เหยาไม่ได้ตอบอะไร ฮูหยินเฒ่าเซียวเห็นนางไม่ตอบ จึงเอ่ยสอบถามเรื่องอื่นแทน
เมื่อสอบถามมาเรื่อย ๆ ความไม่พอใจในใจก็ลดน้อยลงไปบ้างแล้ว

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ในเมื่อท่านปันใจ งั้นข้าขอแต่งกับยอดขุนนาง
ทำไมฉันเสียเงินซื้ออ่านในเว็บไซต์ แล้วพอรีโหลดอ่านใหม่ ตอนที่ 59 ไม่ได้อีก มันขึ้นว่าขัดข้อง ขอโทษนะ เงินก็จ่ายจะขัดข้องอะไร หัดปรับปรุงระบบด้วย คนอ่านเสียอารมณ์...
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสได้มั้ยคะ...