อย่างไรเสียก็เป็นองค์หญิงเพียงองค์เดียวของแคว้นอวิ๋นในตอนนี้ มู่เหยาเองก็ไม่ได้คาดหวังให้ฮ่องเต้ลงโทษซูหรงอย่างรุนแรงนัก
“ทำตามที่ฮองเฮาเห็นสมควรเถิด เเรายังมีธุระ เรื่องที่เหลือให้ฮองเฮาตัดสินใจก็แล้วกัน”
ฮ่องเต้วางจอกชาลง ก่อนจะนำคนจากไป
เมื่อไม่มีคนคอยขวางกั้น ซูหรงก็คิดจะพุ่งเข้าใส่มู่เหยาอีกครั้ง
เมื่อฮูหยินเฒ่าเซียวเห็นเช่นนั้น จึงส่งตัวมู่เหยาให้เฉินมามาประคองไว้ ก่อนจะลงมือตบใบหน้าซูหรงไปสองฉาด!
เสียงฝ่ามือดังสนั่นไปทั่วทั้งตำหนัก
ไทเฮาขมวดคิ้ว คิดจะพูดอะไรบางอย่าง
ทว่าพอนึกถึงตราหงส์ที่มอบออกไป ในใจก็บังเกิดความขุ่นเคืองไปถึงซูหรงด้วย
ในยามนี้ ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น และให้หลิวมามาประคองจากไป
“ฮูหยินเฒ่าเซียว ท่านกล้าดีอย่างไรมาตบตีองค์หญิง! ท่าน ท่านยังรู้จักกาลเทศะอยู่หรือไม่!”
นางกำนัลอวิ๋นซีรีบวิ่งเข้ามาคุ้มกันองค์หญิงซูหรงไว้เบื้องหลัง
ในฐานะที่เป็นนางกำนัลคนสนิทขององค์หญิงซูหรง การที่มิอาจเข้าใกล้เพื่อปรนนิบัติรับใช้ได้เมื่อครู่ ก็นับว่าเสียชีวิตไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ยามนี้เมื่อเห็นโอกาสเหมาะแล้ว ย่อมต้องรีบกลับมาโดยเร็ว
“ข้าตบแล้วอย่างไรเล่า หากมีความสามารถก็จงไปฟ้องร้องข้าต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทเสียสิ!”
ฮูหยินเฒ่าเซียวหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมือ เมื่อเห็นว่ามู่เหยาถูกเฉินมามาประคองไปยังตำหนักข้างเพื่อดูบาดแผลแล้ว จึงได้หันมามองซูหรงด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“ตอนนั้นเจ้ายังเด็ก แต่ก็ริอาจใช้เล่ห์เหลี่ยมสกปรกหวังจะหมั้นหมายกับบุตรชายของข้า ข้าเองก็อยากจะอยากจะตบเจ้าสักหลายฉาดแ้ว”
“เพียงแต่เมื่อเห็นว่าเจ้ายังเด็ก ข้าผู้เป็นผู้ใหญ่จึงไม่อยากรังแกผู้น้อย มาบัดนี้ ย่อมไม่ออมมือให้อย่างแน่นอน!”
ซูหรงเพียงรู้สึกถึงความเคียดแค้นที่อัดแน่นอยู่เต็มอกแต่กลับไม่มีที่ให้ระบาย ทั้งยังไม่เข้าใจ
ทั้งที่นางคำนวณทุกย่างก้าวไว้แล้ว เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้!
มู่เหยา!
นางใช้วิธีใดกันแน่!
หรือว่า ในวังมีคนของนางอยู่?
ความสงสัยในใจมิอาจปัดเป่า ซูหรงจึงได้แต่มองไปยังทิศทางของตำหนักข้างอย่างไม่ยินยอม
ก่อนจะยกมือกุมใบหน้าแล้วหันหลังจากไป
เมื่อซูหรงจากไปแล้ว ฮูหยินเฒ่าเซียวและเซียวฮองเฮาก็สบตากัน ก่อนที่ทั้งสองจะรีบเดินไปยังตำหนักข้างอย่างรวดเร็ว
เป็นจังหวะเดียวกับที่หมอเทวดาเลี่ยวและหมอหลวงเวินตรวจดูบาดแผลให้มู่เหยาเสร็จพอดี
“ไม่ค่อยได้ทานอะไรมาหลายวัน ร่างกายจึงได้อ่อนแอถึงเพียงนี้ บาดแผลแม้ดูรุนแรงแต่ก็ไม่ลึกนัก เพียงแต่ยาที่จะใช้ลบรอยแผลเป็นคงต้องใช้เวลาอยู่บ้าง”
หมอหลวงเวินกล่าวอย่างลังเลใจ
เพราะขี้ผึ้งลบรอยแผลในวัง ก็ไม่ได้มีเหลืออยู่มากนัก
เมื่อรู้ความหมายของเขาแล้ว เซียวฮองเฮาก็มองไปที่หมอเทวดาเลี่ยว “ฝีมือทางการแพทย์ของหมอเทวดาเลี่ยวนั้นหาได้ยากยิ่งในแคว้นอวิ๋น หมอเทวดาเลี่ยวช่วยปรุงขี้ผึ้งลบรอยแผลเป็นนี้ได้หรือไม่?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ในเมื่อท่านปันใจ งั้นข้าขอแต่งกับยอดขุนนาง
ทำไมฉันเสียเงินซื้ออ่านในเว็บไซต์ แล้วพอรีโหลดอ่านใหม่ ตอนที่ 59 ไม่ได้อีก มันขึ้นว่าขัดข้อง ขอโทษนะ เงินก็จ่ายจะขัดข้องอะไร หัดปรับปรุงระบบด้วย คนอ่านเสียอารมณ์...
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสได้มั้ยคะ...