นางวางถ้วยชาในมือลง แล้วหันไปมองซูหรงที่นั่งอยู่ด้านข้าง “ช่วงที่ข้าไม่อยู่ในเมืองหลวง ก็ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเจ้ามาไม่น้อย ไทเฮาอบรมเจ้ามาอย่างไรกัน ถึงได้กลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้?”
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ ไม่เหลือเค้าความอ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่ที่สนทนากับมู่เหยาเลย
ท่าทีของนางเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เหมือนไม่ใช่องค์หญิงใหญ่คนเดิมอีกต่อไป
หรือบางที นี่ต่างหากคือธาตุแท้ขององค์หญิงใหญ่!
“พี่หญิงใหญ่ ข้าก็แค่ประมาทนางไปหน่อยเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่านางจะใจร้ายกับตนเองได้ถึงเพียงนี้ ถึงกับใช้แผนการเลวร้ายเช่นนั้นมาใส่ร้ายข้า!”
องค์หญิงใหญ่แสยะยิ้ม แต่คราวนี้นางกลับไม่ได้ปฏิเสธเมื่อองค์หญิงซูหรงเข้ามาควงแขน
ในแววตายังฉายประกายความเอ็นดูอยู่หลายส่วน
“ข้าเห็นว่าเจ้าคงถูกเลี้ยงดูจนเสียนิสัยไปแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร หลังจากนี้ก็อยู่ข้างกายข้า ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะหาทางให้เจ้าได้เข้าจวนฉู่อ๋องให้จงได้”
“เพียงแต่...” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ องค์หญิงใหญ่ก็ชะงักไป
“ยามนี้ตำแหน่งพระชายาเอกถูกมู่เหยาแย่งชิงไปแล้ว ต่อให้เจ้าโชคดีได้เข้าจวนฉู่อ๋อง เกรงว่าคงเป็นได้แค่พระชายารอง หรืออาจจะยังไม่สามารถแทรกกลางระหว่างคนทั้งสองได้ด้วยซ้ำ”
นี่คือสิ่งที่องค์หญิงใหญ่กังวลที่สุด
แค่ได้อ่านจดหมาย นางก็ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้รู้ว่าเยี่ยนสวินรักและทะนุถนอมมู่เหยามากเพียงใด
“เพียงพี่หญิงใหญ่ช่วยให้ข้าได้เป็นพระชายารองก็พอเพคะ ถึงเวลานั้น ข้ามีวิธีนับร้อยที่จะยุยงให้พวกเขาแตกแยก ทำให้เยี่ยนสวินหันมาอยู่ข้างพวกเราอย่างเต็มตัว และยังสามารถช่วยพี่หญิงใหญ่กับจิ้นอ๋องบรรลุการใหญ่ได้!”
เมื่อเอ่ยถึงการใหญ่
แววตาขององค์หญิงใหญ่ก็มืดครึ้มลง นางเหลือบมองเด็กสาวข้างกาย
มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมอันใด
“ข้าจะถามเจ้า จิ้นอ๋องได้มาหาเจ้าบ้างหรือไม่? เขาเคยเอ่ยถึงเรื่องนี้กับเจ้าบ้างหรือเปล่า?”
ซูหรงไม่ได้ใส่ใจนัก จึงไม่ทันสังเกตเห็นความนัยที่ซ่อนอยู่ในสายตาขององค์หญิงใหญ่
“หลังจากเรื่องครั้งก่อน ข้าก็ถูกกักบริเวณอยู่ในตำหนัก ไม่ได้พบใครอีกเลย ข้าให้คนส่งข่าวไปแล้ว แต่ท่านพ่อก็ไม่ยอมมา”
เรื่องที่ซูหรงเป็นบุตรสาวของจิ้นอ๋องนั้น องค์หญิงใหญ่ล่วงรู้อยู่แล้ว
ดังนั้น ซูหรงจึงไม่ได้ปิดบัง
“ซูหรง หากเจ้ายังต้องการความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งสุขสบายเช่นทุกวันนี้ ก็ห้ามปฏิบัติต่อจิ้นอ๋องในฐานะบิดาของเจ้าโดยเด็ดขาด เขาเป็นได้เพียงพี่ชายของเจ้าเท่านั้น!”
น้ำเสียงขององค์หญิงใหญ่หนักแน่นจริงจัง
ท่าทีเคร่งขรึมนั้น ทำให้ซูหรงถึงกับตัวสั่นสะท้าน
“ข้า ข้าเข้าใจแล้วเพคะ”
องค์หญิงใหญ่จึงคลายสีหน้าเคร่งขรึมลง เอนกายนอนบนเก้าอี้กุ้ยเฟยอย่างครุ่นคิด
ครู่ใหญ่ นางจึงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“เอาล่ะ หลังจากนี้อย่าได้ไปต่อกรกับมู่เหยาเช่นวันนี้อีก อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลล่าสัตว์วสันตฤดู ข้าจะคิดหาทางช่วยเจ้าเอง”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ในเมื่อท่านปันใจ งั้นข้าขอแต่งกับยอดขุนนาง
ทำไมฉันเสียเงินซื้ออ่านในเว็บไซต์ แล้วพอรีโหลดอ่านใหม่ ตอนที่ 59 ไม่ได้อีก มันขึ้นว่าขัดข้อง ขอโทษนะ เงินก็จ่ายจะขัดข้องอะไร หัดปรับปรุงระบบด้วย คนอ่านเสียอารมณ์...
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสได้มั้ยคะ...