เมื่อออกมาจากจวนเสิ่นท้องฟ้าก็เริ่มมืดเล็กน้อย
ฟางกงกงรีบเดินลงมาจากรถม้า และถามด้วยความเป็นกังวล "อาการบาดเจ็บของคุณหนูเสิ่นเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ไม่เป็นอะไรมากแล้ว เพียงแค่รักษาปากแผลให้ดีก็จะสมานเข้าด้วยกันได้" ไป๋ชิงหลิงชำเลืองมองฟางกงกง
และเห็นว่าเบ้าตาของเขาเป็นสีม่วงคล้ำเล็กน้อย และสีหน้าของเขาดูเหน็ดเหนื่อยราวกับมีเรื่องไม่สบายใจ จึงได้ถามออกไป "ฟางกงกงอยู่รอข้าที่นี่ตลอดเวลาเลยหรือ"
"ขอรับ ฝ่าบาทสั่งให้บ่าวติดตามหมอหญิงไป๋ออกจากวัง เช่นนั้นก็ต้องรอให้หมอหญิงไป๋ออกมา บ่าวถึงจะกล้ากลับไปพบฝ่าบาทได้ขอรับ" ฟางกงกงโค้งคำนับเล็กน้อยและกล่าวออกมา
ไป๋ชิงหลิงเดินไปถึงหน้ารถม้าและหยุดฝีเท้าลง จากนั้นหันไปมองฟางกงกงอีกครั้ง "ฟางกงกงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอย่างนั้นหรือ"
ฟางกงกงใจสั่น จากนั้นได้เงยหน้าขึ้นมองไป๋ชิงหลิง เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นและก้มหน้ากลับไปเหมือนเดิม จากนั้นเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "อิงอู๋ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำมาถามบ่าวอยู่หลายครั้งว่าเมื่อไรท่านจะกลับวังหลวง"
"ท่านอ๋องหรง?" ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้ว "เกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋องหรงอย่างนั้นหรือ อาการบาดเจ็บของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?"
นางจำได้ว่าคืนนั้นที่นางออกจากวังหลวงมา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล
เรื่องนี้คาดว่าคงจะไม่ดีแล้วกระมัง
หากไม่มียาปฏิชีวนะ บาดแผลไม่มีทางหายได้อย่างง่ายดายแน่ๆ และอาจถึงแก่ชีวิตได้ ไม่แปลกเลยที่ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำมาหานางที่จวนเสิ่น
พวกเขารู้ว่านางมียาที่สามารถรักษาบาดแผลของท่านอ๋องหรงได้
และขณะนี้เอง ฟางกงกงกล่าวขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง
"ท่านอ๋องหรง......ยังคงคุกเข่าอยู่ที่ตำหนักเฉียนชิง"
"อะไรนะ??" ไป๋ชิงหลิงอุทานออกมาเสียงดังและตาเบิกกว้าง "คุกเข่าตลอดเลยหรือ?"
ฟางกงกงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม "ท่านผู้เฒ่าเสิ่นไม่ได้เข้าประชุมราชสำนักหลายวันแล้ว เหตุผลเพราะไม่สบาย แต่ใครๆ ก็รู้ว่าเขากำลังใช้อีกวิธีการหนึ่งเพื่อบอกกับฝ่าบาทว่า เขาโกรธมากกับการกระทำของท่านอ๋องหรง มีขุนนางในราชสำนักจำนวนมากที่กล่าวโทษท่านอ๋องหรง ตอนนี้ฝ่าบาทได้สั่งปลดเขาออกจากตำแหน่งในราชสำนักเป็นการชั่วคราว และปล่อยให้เขาคุกเข่าอยู่เช่นนั้นจนกว่าท่านผู้เฒ่าเสิ่นจะยอมยกโทษให้เขา"
เมื่อไป๋ชิงหลิงได้ยินเรื่องทั้งหมด นางจึงได้หันกลับไปมองจวนเสิ่น "เช่นนั้นก็แสดงว่าท่านผู้เฒ่าเสิ่นไม่ได้ออกไปไหนเลย?"
"ไม่เลยขอรับ" ฟางกงกงรู้สึกสงสารท่านอ๋องหรง "ได้ยินทหารองครักษ์เหยี่ยวดำกล่าวว่า ฮองเฮาก็ไม่ได้ทรงตรัสอะไรด้วยเช่นกัน"
ไป๋ชิงหลิงหัวเราะอย่าเยือกเย็น จากนั้นจึงได้รีบเดินขึ้นรถม้า "กลับตำหนักฮุ่ยหนิงกันเถอะ"
"กลับตำหนักฮุ่ยหนิง?"
"ใช่ กลับตำหนักฮุ่ยหนิง" จู่ๆ ไป๋ชิงหลิงก็รู้สึกสงสารท่านอ๋องหรง
ท่านผู้เฒ่าเสิ่นคาดหวังว่าฝ่าบาทจะทรงมีราชโองการให้มีพิธีอภิเษกสมรส เพื่อให้เสิ่นโหรวเม่ยได้แต่งงานเข้าไปอยู่จวนท่านอ๋องหรง และเพื่อชดเชยกับความผิดที่ท่านอ๋องหรงทำลงไป
ฝ่าบาททรงเกรงกลัวกับการแต่งงานที่จะเกิดขึ้นระหว่างตระกูลอู๋และตระกูลเสิ่น จึงได้ปล่อยให้ท่านอ๋องหรงคุกเข่าอยู่เช่นนั้น เพื่อบีบบังคับให้ท่านผู้เฒ่าเสิ่นยอมอภัยให้กับท่านอ๋องหรง
ฮองเฮาอู๋ต้องการบีบบังคับให้ท่านอ๋องหรงพูดออกมาและกราบทูลฝ่าบาทด้วยตัวเองว่าจะแต่งตั้งเสิ่นโหรวเม่ยเป็นพระชายา ทำให้นางจึงไม่สนใจท่านอ๋องหรง อีกทั้งยังพูดเกลี้ยกล่อมท่านผู้เฒ่าเสิ่นไม่ได้ออกมาด้วยเช่นกัน
นี่ถือเป็นการต่อสู้ทางการปกครอง!
และตอนนี้คนที่สามารถทำให้สงครามในครั้งนี้หยุดลงได้มีเพียงไทเฮาเท่านั้น
เมื่อมาถึงตำหนักฮุ่ยหนิง ไป๋ชิงหลิงได้หันกลับไปกล่าวกับฟางกงกง "เจ้ากลับไปพบฝ่าบาทก่อน เรื่องของท่านอ๋องหรงไม่อาจด่วนจัดการได้ในตอนนี้ จำเป็นต้องหาโอกาส"
"หมอหญิงไป๋ เกรงว่าท่านอ๋องหรงจะรอไม่ถึงวันนั้นแล้ว คนปกติไม่กินอะไรเลยห้าวันคงตายไปแล้ว ท่านอ๋องหรงฝืนทนมาแล้วกว่าหกวัน อีกทั้งร่างกายยังเต็มไปด้วยบาดแผล หรือท่านไปพูดเกลี้ยกล่อมฝ่าบาท ฝ่าบาทอาจจะฟังในสิ่งที่ท่านพูดก็ได้ขอรับ"
ฟางกงกงรู้ว่าฝ่าบาทชื่นชมความคิดความอ่านของไป๋ชิงหลิง และพระองค์มักตรัสถึงความฉลาดของไป๋ชิงหลิงกับเขาอยู่หลายครั้ง อีกทั้งยังแอบเสียดายที่ไป๋ชิงหลิงเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง หากเป็นผู้ชาย เช่นนั้นจะต้องเป็นนายพลมที่มีความสามารถอย่างมากคนหนึ่ง
ตอนนี้เขาได้ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ไป๋ชิงหลิงแล้ว
ขอเพียงใครสักคนที่เข้าไปเกลี้ยกล่อมฝ่าบาท ก็คงดีกว่าปล่อยให้ท่านอ๋องหรงต้องคุกเข่าอยู่เช่นนั้นไปตลอด
ไป๋ชิงหลิงรู้ว่าในใจของฟางกงกงกำลังคิดอะไรอยู่
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ฟางกงกง เจ้าคิดง่ายเกินไป เรื่องของท่านอ๋องหรงไม่ได้เป็นเรื่องของฝ่าบาทเพียงคนเดียว หากจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี ท่านอ๋องหรงและฝ่าบาทล้วนต่างต้องถูกทุกคนประณามด่าทอ การที่ท่านอ๋องหรงคุกเข่าอยู่เช่นนี้ก็อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปโดยไม่สนใจหรอก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...