ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 101

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรล้วนเกี่ยวข้องกับนางทั้งสิ้น

หากไม่มีเรื่องที่อุทยานหลวงอวี้ฮวา ท่านอ๋องหรงก็คงจะไม่ได้ไปที่ตำหนักเฟิ่งหลิวแล้วเฆี่ยนตีเสิ่นโหรวเม่ย

เมื่อไม่มีการเฆี่ยนเสิ่นโหรวเม่ย ก็คงไม่ถูกฮองเฮาและท่านผู้เฒ่าเสิ่นบีบบังคับเยี่ยงนี้

อย่างไรก็ดี ท่านผู้เฒ่าเสิ่นที่เขากระทบกระทั่งด้วยนั้นเป็นบัณฑิตที่มีชื่อเสียงในใต้หล้า ลูกศิษย์ลูกหามากมายล้วนปราดเปรื่องปรีชา

ผู้เป็นแม่ทัพพึ่งพาพละกำลังเพื่อปกป้องบ้านเมือง แต่บัณฑิตนั้นไซร้กลับใช้คารมเพื่อสังหารผู้อื่น!

ฟางกงกงเหลือบสายตาขึ้นมอง เขารู้สึกโล่งใจอย่างแปลกประหลาดเมื่อเห็นท่าทีสงบนิ่งของนาง “ข้าน้อยจะรีบกลับไปทูลรายงาน”

“อือ” ไป๋ชิงหลิงพยักหน้า รอจนฟางกงกงเดินจากไป นางจึงเข้าไปในตำหนักฮุ่ยหนิง

เมื่อมาถึงตำหนักฮุ่ยหนิง

มีเสียงสรวลเสเฮฮาของหญิงชราและเด็กๆ ดังออกมาจากภายในตำหนัก ฝีเท้าของไป๋ชิงหลิงหยุดชะงักลง ยามนี้ นางได้ยินเสียงของไทเฮาฮุ่ยดังออกมา “เซิงเอ๋อร์ ไหนเรียกเสด็จย่าทวดอีกทีสิ”

“ใช่ๆ เรียกเสด็จย่าทวดอีกทีสิ” เสียงของหรงจิ่งหลินดังตามขึ้นมา “ไม่สิ อีกหน่อยจะต้องเรียกเสด็จย่าทวดตลอดเลยนะ รอให้ท่านแม่สมรสกับเสด็จพ่อก่อน ยังต้องเรียกเสด็จปู่และเสด็จย่าว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่ด้วยนะ”

“ฮ่าๆๆ...” ไทเฮาฮุ่ยหัวเราะชอบใจ

เซิงเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงสดใส “เสด็จย่าทวด เสด็จย่าทวด...”

ไป๋ชิงหลิงชะงักงัน สีหน้าวิตกปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของนาง

นางอุทานขึ้นเบาๆ : มิน่าเล่า ผู้คนภายนอกต่างพูดกันว่านางเกาะเกี่ยวท่านอ๋องหรง จนแม้แต่นางเองก็เกือบจะเข้าใจผิด...คิดว่านางเป็นผู้หญิงของท่านอ๋องหรง

“หมอหญิงไป๋” เสียงสตรีนางหนึ่งดังมาจากด้านหลังของนาง

ไป๋ชิงหลิงหันกลับไปมอง ขณะนั้น เสียงหัวเราะภายในตำหนักก็ค่อยๆ เงียบลง

ไป๋ชงเซิงวิ่งออกมาด้วยใบหน้าที่เบิกบาน พลางร้องตะโกนด้วยเสียงนุ่มละมุน “ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้ว สุขภาพของท่านปู่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”

ไป๋ชิงหลิงก้มลงมอง

ใบหน้าปรากฏความสงสัย!

เหตุใดเซิงเอ๋อร์จึงถามถึงสุขภาพของติ้งเป่ยโหว

ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดถึงเรื่องนี้ หรงจิ่งหลินก็วิ่งออกมาจากด้านใน ไทเฮาฮุ่ยก็เดินตามออกมาเช่นกัน

หลายวันมานี้ อาการของไทเฮาฮุ่ยดีขึ้นตามลำดับ สีหน้าดูเปล่งปลั่ง การเดินเหินก็ดูมีกำลังวังชาขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก

ไป๋ชิงหลิงรีบเดินเข้าไปทำความเคารพ “หม่อมฉันถวายพระพรไทเฮา”

ไทเฮาฮุ่ยถือไม้เท้า กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส “เจาเสวี่ย ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะกลับมาไวเช่นนี้ ได้ยินมาว่าท่านพ่อของเจ้าป่วย อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง”

เมื่อพูดจบ ไทเฮาฮุ่ยเพิ่งจะเห็นว่าสีหน้าของไป๋ชิงหลิงนั้นดูเหนื่อยล้า จอนผมด้านซ้ายของนางยุ่งเล็กน้อย ชุดที่สวมใส่มีคราบเลือด ดูแล้วคงจะมีเรื่องลำบากใจ

รอยยิ้มของไทเฮาฮุ่ยหายไปทันที นางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ติ้งเป่ยโหว เขา...”

ไม่ทันที่ไทเฮาฮุ่ยจะพูดจบ ไป๋ชิงหลิงคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที

นางคิดว่านางรู้สาเหตุที่เซิงเอ๋อร์ถามไถ่อาการของติ้งเป่ยโหวแล้ว

จักรพรรดิเหยาปกปิดเรื่องของอ๋องหรง ดังนั้นจึงบอกไทเฮาฮุ่ยว่าติ้งเป่ยโหวป่วย นางจำเป็นต้องออกไปนอกวังหลายวัน

การกระทำของนางทำให้ไทเฮาฮุ่ยตกใจและผงะไปด้านหลัง ใบหน้าของนางซีดขาวจ้องมองไปยังไป๋ชิงหลิง

แม่นมอวี่อันรีบเข้ามาประคองไทเฮาฮุ่ย

“เจาเสวี่ย เจ้ารีบลุกขึ้น หรือว่าพ่อของเจ้าเขา...”

“เรียนไทเฮา ผู้ที่ป่วยมิใช่บิดาของหม่อมฉันเพคะ” ไป๋เจาเสวี่ยวางกล่องยาลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

ในใจของไทเฮาฮุ่ยสั่นสะท้าน พลางเอ่ยถามด้วยความงุนงง “เช่นนั้นเป็นใครกันที่ป่วย”

“เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นที่ได้รับบาดเจ็บเพคะ” ไป๋ชิงหลิงก้มตัวลงต่ำทันที

ตั้งแต่เรื่องที่เกิดขึ้นที่อุทยานหลวงอวี้ฮวา นางเล่าต้นสายปลายเหตุทั้งหมดอย่างละเอียด

เมื่อไทเฮาฮุ่ยได้รับฟังจนจบ สีหน้ามืดทะมึนลงทันที

ไม้เท้าในมือกระแทกลงกับพื้นอย่างหนัก พลางแผดเสียงอย่างโกรธกริ้ว “คนตระกูลเสิ่นคิดจะทำอะไร? บีบบังคับเรื่องสมรสไม่สำเร็จ ครานี้ต้องการจะบีบให้เยี่ยเอ๋อร์ตาย ฮองเฮาอู่เจ้าคนโง่ นางปล่อยให้เรื่องเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เจาเสวี่ย เจ้าไม่ได้ทำผิดอะไร รีบลุกขึ้น ตามข้าไปที่ตำหนักเฉียนชิง ไปพาเยี่ยเอ๋อร์กลับมา!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น