ไป๋ชิงหลิงตกตะลึง คำพูดที่ลึกซึ้งและอ่อนโยนเหล่านั้น แวบเข้ามาในหูของนางอย่างชัดเจน
นัยน์ตาของนางเป็นประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว
“ฝ่าบาททรงแน่พระทัยแล้วหรือว่าจะให้เงินจำนวนมากเป็นรางวัลแก่ข้า!” ไป๋ชิงหลิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หรงเยี่ยส่งเสียง “อืม” เบา ๆ :“ยังอยากได้อะไรอีก?”
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกปลาบปลื้มเล็กน้อย คืนนี้ท่านอ๋องหรงดูผิดปกติ เขาต้องการทำอะไรกันแน่?
ในความประทับใจของนาง อ๋องหรงไม่เคยให้รางวัลใด ๆ กับนางมาก่อน
เป็นที่รู้กันดีในใต้หล้าว่าอ๋องหรงเฉลียวฉลาดในการทำการค้า หลังจากกลับมาที่เมืองหลวงได้เพียงห้าปี เขาก็รวบรวมการค้าจำนวนมากและทำกำไรได้มหาศาล
แม้แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่ยอมถอน (ตระหนี่มาก)
คืนนี้จู่ ๆ เขาก็อยากจะให้รางวัลกับนางมากมาย จึงทำให้ไป๋ชิงหลิงสับสนงุนงง ~
“ในเวลานี้……ไม่จะดีกว่า!” นางรักเงินมากพอ ๆ กับชีวิต แต่ก็รู้วิธีจัดการกับมันอย่างพอประมาณ ยิ่งไปกว่านั้นฝ่าบาททรงพระราชทานรางวัลให้นางเป็นทองคำห้าร้อยตำลึง ซึ่งเพียงพอที่นางจะเปิดโรงหมอได้หนึ่งแห่งแล้ว
“เอาเป็นอย่างอื่นก็ได้ เช่นอำนาจหรือความมั่งคั่ง พระชายาหรง”
เมื่อคำว่าพระชายาหรงจบลง ทันใดนั้นไป๋ชิงหลิงก็เข้าใจรางวัลที่เขากำลังพูดถึง
นางขมวดคิ้วบิดตัวและกล่าวว่า “ท่านอ๋องกลับจวนไปก่อนเถอะ ท่านปีนกำแพงมาเป็นเวลานานเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกค้นพบ เช่นเดียวกับไป๋หมิงอวี้ในวันนี้ หรือว่าท่านอ๋องต้องการให้ข้ากลายเป็นหญิงที่ไร้ยางอายของเมืองเฉาจิง?”
โลกนี้โหดร้ายเกินไปสำหรับสตรี
พวกเขาก็จะพูดกันว่าไป๋หมิงอวี้ยั่วยวนคุณชายเปี่ยวของจวนตระกูลเสิ่น ไม่ได้พูดว่าคุณชายเปี่ยวของจวนตระกูลเสิ่นล่อลวงนาง
ไป๋หมิงอวี้ถูกใส่ร้าย แม้ว่านางจะแต่งงานกับจ้าวเหลียนเฉิงแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเงยหน้าอ้าปากได้
หรงเยี่ยไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของนาง
เขาหันกลับมาอุ้มนางและเดินไปที่เตียง จากนั้นก็กดนางไว้ใต้ร่างของตนเอง
ไป๋ชิงหลิงพยายามดิ้น แต่มือทั้งสองข้างของนางถูกกดไว้บนหมอนอย่างแน่นหนา:“หรงเยี่ย!”
“ข้าไม่ใช่จ้าวเหลียนเฉิง และเจ้าก็ไม่ใช่ไป๋หมิงอวี้” เขาจับร่างของนางไว้และมองดูนางดิ้นรนอย่างไม่ขยับ
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกโกรธมาก นางต้องถูกชายผู้นี้รังแกไปตลอดเลยหรือ?
“แต่ข้าไม่ชอบเช่นนี้” นางลดเสียงลงและพูดอย่างโกรธเคือง:“ข้าไม่ต้องการเป็นพระชายาหรงของท่าน ยิ่งท่านกดขี่ข่มเหงข้าเช่นนี้ ก็มีแต่จะทำให้ข้ารู้สึกกลัวท่าน ต่อต้านท่าน เกรงว่าหากมีสักวันที่ข้าตอบตกลงว่าจะแต่งงานกับท่าน ท่านจะไม่มีวันได้หัวใจของข้าไปตลอดชีวิต ข้าจะปฏิบัติไม่ทำดีต่อบุตรของท่าน และจะไม่ยอมอยู่อย่างสงบสุขร่วมกับท่านเช่นกัน”
“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร?” หรงเยี่ยฟังอย่างอดทน
ถึงอย่างไรนางก็หนีไม่พ้น
เขาวางแหฟ้าตาข่ายดินไว้รอบตัวนาง [1]
หากนางหนีออกจากเมือง เขาก็จะรู้ในทันที
เรื่องนี้ไป๋ชิงหลิงก็รู้อย่างชัดเจนเช่นกัน
ตั้งแต่ก้าวแรกที่เขาเดินเข้ามาในห้อง คนของอ๋องหรงก็ดักซุ่มอยู่รอบตัวนางแล้ว มิเช่นนั้นอ๋องหรงคงจะไม่รู้ว่านางถูกไป๋หมิงอวี้แทงจนได้รับบาดเจ็บ
“เช่นนั้นท่านก็ตามจีบข้าสิ และทำให้ข้าเต็มใจเป็นพระชายาหรงของท่าน แทนที่จะทำเช่นนี้……ทำในสิ่งที่ให้ข้าอกสั่นหวั่นไหว” ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองต้องเกลี้ยกล่อมให้หรงเยี่ยเลิกปีนกำแพงและบุกเข้ามาในห้องส่วนตัวของนาง
มิเช่นนั้นไม่ช้าก็เร็วฮูหยินอาวุโสจะต้องรู้ว่ามีบุรุษอยู่ในห้องของนาง
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นท่านอ๋องหรง แต่การที่มีบุรุษอยู่ในห้องส่วนตัวของหญิงสาวก็เป็นเรื่องไม่งาม
หรงเยี่ยขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจคำว่า “ตามจีบ” ที่นางกล่าว
แต่ก็ฟังดูน่าสนใจ
“ตกลง!” หรงเยี่ยตอบอย่างเรียบง่าย
ไป๋ชิงหลิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวว่า:“เช่นนั้นท่านก็รีบกลับไปเถอะ”
เขาลุกขึ้นนั่งและดึงนางขึ้นมาบนตักของตนเอง จากนั้นก็เอาแขนโอบเอวของนางและถามว่า:“เจ้าต้องการให้ข้าตามจีบเจ้าอย่างไร?”
อะไรนะ!
ไป๋ชิงหลิงมองไปที่เขาอย่างตกตะลึง ——
หลังจากที่นางพูดมาครึ่งค่อนวัน อ๋องหรงก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องตามจีบหญิงสาวอย่างไร
ก็จริง
ในยุคศักดินา การแต่งงานของชายหญิงเป็นการตัดสินใจของพ่อแม่ เหล่าบุรุษไม่จำเป็นต้องการตามจีบหญิงสาวให้ยุ่งยากลำบาก
และด้วยสถานะของอ๋องหรง ยิ่งไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องหญิงสาวที่จะมาอยู่เคียงข้างเลย
อีกอย่างก็มีหญิงสาวมากมายที่ต้องการจะแต่งงานกับเขา และเดิมทีเขาก็ไม่จำเป็นต้องตามจีบนาง
ดูเหมือนว่าการให้อ๋องหรงมาตามจีบนาง จะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
แต่……
การแต่งงานกับอ๋องหรงก็เป็นเรื่องยากสำหรับนางเช่นกัน แทนที่จะทำให้ตนเองลำบากใจ สู้ทำให้อ๋องหรงลำบากใจเสียจะดีกว่า
นางก้มหน้าลงและเอานิ้วม้วนผมของตนเอง จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า:“การตามจีบหญิงสาว ก่อนอื่นท่านอ๋องจะต้องชอบพอหญิงผู้นั้นเสียก่อน เฉกเช่นจวิ้นอ๋องน้อย เขารักไป๋หมิงอวี้มาก ตอนที่ไป๋หมิงอวี้ขาถลอก เพื่อที่จะเอาใจไป๋หมิงอวี้ เขาอังมือให้อุ่นแล้วยื่นมือของตนเองให้ไป๋หมิงอวี้”
“ต่อมาคือตอนที่ท่านอ๋องตามจีบหญิงสาว ท่านอ๋องต้องไม่ทำในสิ่งที่หญิงสาวไม่ชอบ มิเช่นนั้นจะเป็นการลดความประทับใจที่มีต่อท่าน ตรงกันข้าม ท่านอ๋องต้องพยายามค้นหาความชอบของหญิงสาว และทำให้นางรู้สึกว่าอบอุ่นใจเมื่ออยู่กับท่าน ไม่เหมือนเช่นในตอนนี้……ข้ารู้สึกกดดันมาก”
“และข้าก็ไม่ชอบที่ท่านอ๋องบุกเข้าไปในห้องส่วนตัวของข้ายามค่ำคืน หากท่านต้องการตามจีบข้าจริง ๆ เช่นนั้นต่อไปท่านก็ห้ามปีนกำแพงเข้ามาอีก”
ในขณะที่ไป๋ชิงหลิงพูด นางก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยนัยน์ตาที่ชัดเจน
ใต้แสงเทียน ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนผิดปกติ และไม่ได้เยือกเย็นเหมือนแต่ก่อน
หัวใจของไป๋ชิงหลิงสั่นไหวอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
นางรีบก้มหน้าลงอีกครั้ง แต่ในขณะนางจะหลบเลี่ยง เขาก็ยื่นมือไปเชยคางของนาง และบังคับให้นางเงยหน้าขึ้นมองเขา
เขากล่าวว่า:“ได้!”
ไป๋ชิงหลิงกะพริบตาและเม้มริมฝีปาก:“เช่นนั้นท่านอ๋อง……”
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่ทำในสิ่งที่เจ้าไม่ชอบ” หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่ริมฝีปากสีแดงของนางด้วยนัยน์ตาที่เร่าร้อน จากนั้นก็ก้มลงไปจูบนาง
“อึ่ม……”
ไอ้บ้า!
เขาจูบริมฝีปากของนางอย่างดูดดื่ม และจูบนางไม่หยุด
หลังจากคอเคลียกันอยู่นาน ไป๋ชิงหลิงก็เผลอหลับไป
หลังจากที่นางเผลอหลับไป หรงเยี่ยก็เปิดผ้าพันแผลที่ไหล่ซ้ายของนางออก เขาก้มลงไปมองบาดแผลและพันแผลให้นางใหม่อีกครั้ง
ข้างนอกหิมะไม่ตกแล้ว แต่ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม
เขาเดินไปที่กำแพงหลังเรือน ในขณะที่เตรียมจะปีนข้ามกำแพงจากไป เขาก็เห็นหัวเล็ก ๆ อยู่ที่กำแพง
เขาหยุดชะงักและหันหน้าไปมอง
ในเวลานี้ หัวเล็ก ๆ ยื่นผ่านรูเข้ามา และหรงเยี่ยก็เห็นคนผู้นั้นได้อย่างชัดเจน!
เป็นไป๋ชงเซิง!
เขาเดินไปหานาง จากนั้นก็นั่งลงยอง ๆ แล้วหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาเคาะหัวของนาง
ไป๋ชงเซิงส่งเสียงร้อง “โอ๊ย” และเงยหน้าขึ้นไปมองข้างหน้า
นางเห็นร่างที่มืดตึ๊ดตื๋อนั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้า
ทันใดนั้นไป๋ชงเซิงก็อ้าปากค้างและร้องตะโกน หรงเยี่ยรีบปิดปากเล็ก ๆ ของนางในทันที และทำท่าทางบอกใบ้ให้นางเงียบ
ไป๋ชงเซิงมองไปที่เขาและพยักหน้า
หรงเยี่ยเอามือออก เขาดึงนางออกมาจากรูและอุ้มนางข้ามกำแพงไป
เมื่อมาถึงถนนนอกจวนติ้งเป่ยโหว หรงเยี่ยก็ช่วยปัดหิมะบนหัวของนาง:“ทำไมเจ้าถึงไปลอดรูสุนัข ตัวเปียกไปหมดแล้ว”
“ข้าคิดถึงท่านแม่” ไป๋ชงเซิงกล่าว:“แต่ท่านแม่ของไม่ยอมให้ข้ากลับไปอยู่ที่จวนติ้งเป่ยโหวโหว ที่นั่นมีคนไม่ดีอยู่มากมาย”
“นางหลับไปแล้ว เจ้ากลับไปที่จวนอ๋องพร้อมกับข้า แล้วข้าจะกล่อมให้เจ้านอน” หรงเยี่ยกอดนางและเดินไปคุยไป
ไป๋ชงเซิงถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมท่านถึงไปอยู่ในบ้านของท่านแม่?”
“ก็เช่นเดียวกับเจ้า!”
เมื่อไป๋ชงเซิงได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะคิกคัก:“ท่านอ๋องหรงก็มานอนกับท่านแม่ของข้าด้วยหรือ!”
“อืม ——”
[1] แหฟ้าตาข่ายดิน หมายถึงการล้อมศัตรูหรือผู้หลบหนีไว้อย่างหนาแน่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น