รายงานที่ควรจะปรากฏในอีกสองวันกลับปรากฏออกมาล่วงหน้า ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
โรคระบาดนี้มีการทำลายล้างที่สูงมาก
อาการเริ่มแรกคือมีไข้ต่ำๆ
ภายในหนึ่งวันภูมิคุ้มกันของร่างกายจะต่ำลง มีแผลพุพอง มีไข้สูง และมีอาการไออย่างรุนแรง
ผู้ที่ติดเชื้อโรคระบาดนี้จะเสียชีวิตด้วยเนื้อร้ายของกระดูกภายในห้าวันและจะตายด้วยความเจ็บปวด นอกจากนี้ยังมีการแพร่กระจายที่รุนแรง
แหล่งที่มาของการติดเชื้อมาจากศพจะไม่มีการแพร่เชื้อระหว่างคนสู่คน แต่เมื่อใดที่สัมผัสหรือใกล้ชิดกับศพก็จะถูกเชื้อนี่แพร่เข้าสู่ร่างกาย
นี่น่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในรายงานฉบับนี้
แต่เรื่องที่แย่ที่สุดยังติดอยู่ในใจของนาง
หรงเยี่ยได้ทำการสืบสวนคดีนี้เมื่อเร็วๆนี้ เขาได้สัมผัสใกล้ชิดกับศพเด็กจำนวนนับไม่ถ้วนถ้าเป็นเช่นนั้นเขาต้องได้รับเชื้อที่รุนแรงของโรคระบาดนี้อย่างแน่นอน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือหรงเยี่ยได้ออกจากเมืองไปแล้ว!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ไป๋ชิงหลิงก็กลัว
คนอย่างหรงเยี่ยนั้นบางครั้งเวลาจะทำอะไรก็ชอบทำให้คนอื่นโกรธจนต้องกัดฟัน ชั่วร้ายและเกลียดเขา แต่นางก็ไม่เคยอยากให้เขาตายจริงๆ
ถ้าเขาตายแล้วจิ่งหลินจะทำอย่างไร?
เขาขาดความรักจากแม่ตั้งแต่เด็กๆถ้าพ่อแท้ๆต้องตายไปอีกคนก็คงจะน่าสงสารมาก
ไม่ได้ นางต้องหาทางไปยังพื้นที่ที่โรคระบาด
หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงได้รับรายงานนางก็รีบออกจากห้วงมิติเวลา
ตอนนี้เป็นเวลารุ่งสางแล้ว เสียงฆ้องและกลองดังมาจากข้างนอก จื่ออี ลี่ว์อีและชิงอีเอาแต่เคาะประตูเรียกนางอยู่ข้างนอก
ไป๋ชิงหลิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตู ติ้งเป่ยโหวยืนอยู่เป็นคนแรกท่ามกลางผู้คนแต่ไป๋ชิงหลิงไม่ได้สนใจมากนัก นางส่งรายงานในมือของนางให้กับติ้งเป่ยโหว"ท่านพ่อ เอาสิ่งนี้เข้าไปในวังหลวงส่งไปให้ฝ่าบาทแล้วบอกฝ่าบาทว่าเชื้อที่ข้าตรวจพบเป็นโรคระบาดจริง เชื้อจะไม่ติดต่อระหว่างคนสู่คนแต่มันมีการทำลายล้างที่รุนแรงมากต่อคนที่ยังมีชีวิต การคร่าชีวิตผู้คนอาจใช้เวลาน้อยสุดคือสามวันหรือมากสุดคือหกวัน หลังจากผู้ป่วยเสียชีวิตเชื้อในร่างกายจะกลืนกินเลือดของร่างกายมนุษย์อย่างรวดเร็วซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การแพร่เชื้อนั้นรุนแรงที่สุด คนที่เป็นจะไม่ติดเชื้อแต่ศพจะติด อธิบายให้ฝ่าบาทฟัง....ข้าจะไปพื้นที่ที่ระบาด"
ติ้งเป่ยโหวตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เขาถือรายงานที่ไป๋ชิงหลิงให้เขาพร้อมกับตัวสั่นแล้วพูดว่า"ถ้าเช่นนั้นท่านอ๋องหรง....ท่านอ๋องหรงก็ต้อง...."
ไป๋ชิงหลิงไม่กล้าคิดในแง่ร้ายนางกลัวว่านางจะหุนหันพลันแล่นหนีงานแต่งงาน
"ต้องอธิบายความร้ายแรงของโรคนี้ให้ฝ่าบาทฟัง เมื่อถึงเวลานั้นผู้คน ทหารหรือแม้แต่หมอหลวงที่ฝ่าบาทส่งออกไปก็จะไม่มีใครรอดกลับมา"ไป๋ชิงหลิงพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะสงบสติอารมณ์
แต่ตอนนี้ติ้งเป่ยโหวกลับตื่นตระหนกถึงขีดสุด
บุตรชายของจักรพรรดิเหยาถูกส่งออกไปทั้งหมด แม้แต่ท่านอ๋องอันชินพระอนุชาของจักรพรรดิเหยาก็เป็นหนึ่งในนั้น หากพวกเขาทุกคนเสียชีวิตในพื้นที่ที่ระบาดนั่นคงเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
เขากำรายงานไว้แน่นหันหลังแล้วเดินออกไปจากนั้นเขาออกจากประตูที่อยู่หัวมุมแล้วรีบเข้าวังหลวงอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากที่ติ้งเป่ยโหวออกไปทหารของท่านอ๋องฮุ่ยก็บุกมา ทหารบุกเข้าไปในห้องส่วนตัวของนางและพาตัวนางออกจากเรือนชิงซิน
นำตัวนางขึ้นไปบนเกี้ยว
เมื่อม่านของเกี้ยวปิดลงแสงก็ส่องผ่านดวงตาของไป๋ชิงหลิงนางกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น
ทันใดนั้นก็มีเสียงแมวร้องผ่านหูของนาง
ไปชิงหลิงยืดตัวขึ้น ยกมือเพื่อเอาผ้าคลุมสีแดงออก ก้มหัวมองลงไป
แมวดำตัวหนึ่งค่อยๆคลานออกมาจากใต้ที่นั่ง ควงตาของมันเป็นสีเขียวมรกต ขนบนตัวของมันยุ่งเหยิงเล็กน้อยและที่หัวของมันมีส่วนที่เปียก มองดูแล้วเหมือนกำลังตื่นตระหนก
ไป๋ชิงหลิงอุทานด้วยความตกใจ"เป่าลี่ว์!"
"เมี๊ยว"
เป่าลี่ว์ย่อตัวลงที่เท้าของนาง มันยกอุ้งตีนขึ้นและตะปบไปที่รองเท้าสีแดงของนางสองสามครั้งเบาๆ
ไป๋ชิงหลิงอุ้มมันขึ้นมาจากพื้นและมองดูมัน
เป่าลี่ว์นอกจากสกปรกแล้วทั้งตัวก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
เป่าลี่ว์อยู่ในอ้อมแขนของนางอย่างสงบและเมื่อถึงจวนท่านอ๋องฮุ่ยเป่าลี่ว์ก็กลับไปอยู่ใต้เก้าอี้ที่นั่งเหมือนเดิม
ไป๋ชิงหลิงถูกท่านอ๋องฮุ่ยพาออกจากเกี้ยวเพื่อเข้าไปในจวน จากนั้นพิธีก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น
แขกในงานแต่ง คนทั่วไปที่เฝ้าดูอยู่ตามรอบจวนของท่านอ๋องฮุ่ยและเด็กๆที่รอการแจกขนม ใบหน้าของทุกคนต่างก็ล้วนมีความสุข
พวกเขายังไม่รู้ว่าในแคว้นหรงกำลังจะเกิดโรคระบาด
ไปชิงหลิงถูกส่งตัวไปที่เรือนใหม่ท่านอ๋องฮุ่ยก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาเปิดผ้าคลุมขึ้นบนศีรษะของนางและทันใดนั้นก็โอบนางไว้ในอ้อมแขนของเขา
"พระชายาของข้า ในที่สุดข้าก็ได้แต่งงานกับเจ้า"เขาหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข
แต่ความสุขนี้ไม่ใช่ความสุขระหว่างชายหญิง กลับเหมือนความสุขที่ท่านอ๋องฮุ่ยได้รับสิ่งล้ำค่ามาจากสนามรบ
เขาโน้มตัวลงและจูบลงที่ริมฝีปากสีแดงอันบอบบางของไป๋ชิงหลิง แต่....
แต่ในขณะที่เขากำลังจะจูบนั้นไป๋ชิงหลิงกดฝ่ามือลงบนใบหน้าของเขาโดยไม่รู้ตัว หลังของนางเอนเล็กน้อย นางเบือนหน้าอันเล็กน้อยของนางออกและผลักเขาอย่างแรง
พูดด้วยความขัดขืน"ท่านอ๋องฮุ่ย เรายังไม่ได้แลกจอกดื่มสุราเลย"
"ข้าเคยแลกจอกดื่มสุรามาแปดครั้งแล้ว แต่คนพวกนั้นกลับอายุสั้นอยู่ได้เพียงหนึ่งปีเท่านั่น การแลกจอกดื่มสุรานั้นอัปมงคลพวกเราจะไม่ดื่ม"ท่านอ๋องฮุ่ยกดศีรษะของนางและโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างแรง
เขาแรงเยอะมากมากจนร่างกายที่บอบบางของไป่ชิงหลิงไม่สามารถรั้งไว้ได้ นางจึงถูกเขาผลักลงบนเตียง
ข้อมือของนางทั้งสองข้างถูกท่านอ๋องฮุ่ยตรึงไว้กับหมอนไว้อย่างแน่น
นางอุทานว่า"ข้าไม่สมยอม ข้าไม่ชอบท่าน ข้าไม่อยากแต่งงานกับท่าน ท่านบังคับข้า"
แม่สาวน้อย ในที่สุดเจ้าก็พูดออกมา ดูท่าในทุกวันที่ผ่านมานี้เจ้าคงจะตีสองหน้าใส่ข้าสินะ!"ท่านอ๋องฮุ่ยรังแกนาง เขาวางนิ้วลงบนชุดแต่งงานของนางและฉีกมันอย่างรุนแรง
"แควก!"
ม่านตาของไป๋ชิงหลิงหดตัวอย่างรุนแรงสองสามครั้ง และในขณะที่เขาฉีกเสื้อผ้าชั้นนอกของนางนางก็หันศีรษะแล้วกัดไปที่แขนของเขา
เขาตะคอกแล้วใช้มือบีบบคอนางพร้อมกับด่าอย่างหยาบคายว่า"รีบคลายฟันของเจ้าซะ"
"นังสารเลว!"เขาบีบคอไป๋ชิงหลิงแรงขึ้นและบีบจนไป๋ชิงหลิงหายใจไม่ออก
จู่ๆท่านอ๋องฮุ่ยก็นึกถึงสิ่งปรมาจารย์หลูกำชับเขาได้"หากนางไม่ต้องการก็อย่าบังคับนาง ต้องได้ใจนางถึงจะได้ครองโลก..."
"ท่านอ๋องฮุ่ยไม่ต้องรีบร้อน ต้องมีความอดทนและเมื่อถึงเวลาก็จะสามารถได้ตัวผู้หญิงคนนี้มาทำประโยชน์ให้ท่านได้"
ดวงตาของท่านอ๋องฮุ่ยมืดลง มองดูใบหน้าสวยที่ค่อยๆซีดลงเพราะขาดอากาศหายใจเขาจึงรีบปล่อยมือและอุ้มนางขึ้นมา
แขนข้างหนึ่งวางบนหน้าอกของนาง อีกมือหนึ่งวางอยู่บนหลังของนาง เขาลูบเบาๆแล้วพูดด้วยเสียงต่ำๆว่า"หายใจ"
"แค่ก แค่ก แค่ก..."ไป๋ชิงหลิงไออย่างรุนแรงสองสามครั้งจากนั้นจึงหายใจเข้าอย่างลึกๆ
ในตอนนั้นนางคิดว่านางจะต้องตายด้วยน้ำมือของท่านอ๋องฮุ่ยแน่ๆ
เมื่อนางสงบลง ท่านอ๋องฮุ่ยก็กอดนางไว้ในอ้อมแขนแล้ววางศีรษะของนางไว้บนแขนของเขา อัตราการหายใจของนางยังคงเร็วและไม่ปกติ
หลังจากที่นางโวยวายเช่นนั้นท่านอ๋องฮุ่ยจะมีความคิดอื่นได้อย่างไร
สายตาของเขาเย็นชา เขาบีบข้อมือขางนางแน่นแล้วพูดว่า"ผู้หญิงที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี มีหญิงตั้งมากมายที่อยากมาเป็นผู้หญิงของข้า เจ้าเคยมีลูกแถมยังสูญเสียร่างกายไปอีกได้แต่งงานกับข้าถือเป็นเรื่องโชคดีแล้ว"
ไป๋ชิงหลิงเย้ยหยัน"ข้าไม่สนใจความโชคดีเช่นนั้น"
"ดี ไม่เป็นไร สิ่งที่ข้ามีคือเวลาที่จะอยู่กับเจ้า"ท่านอ๋องฮุ่ยแตะที่หัวใจห้องด้านซ้ายเบาๆ"หัวใจของเจ้าตรงนี้ ข้าจองแล้วนะ"
ไป๋ชิงหลิงหัวเราะเบาๆ"ถ้าต้องการหัวใจของข้า งั้นก็ฆ่าข้าดีกว่าเพราะท่านจะไม่มีวันได้หัวใจของข้าไปตลอดชีวิต"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...