ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 168

รายงานที่ควรจะปรากฏในอีกสองวันกลับปรากฏออกมาล่วงหน้า ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า

โรคระบาดนี้มีการทำลายล้างที่สูงมาก

อาการเริ่มแรกคือมีไข้ต่ำๆ

ภายในหนึ่งวันภูมิคุ้มกันของร่างกายจะต่ำลง มีแผลพุพอง มีไข้สูง และมีอาการไออย่างรุนแรง

ผู้ที่ติดเชื้อโรคระบาดนี้จะเสียชีวิตด้วยเนื้อร้ายของกระดูกภายในห้าวันและจะตายด้วยความเจ็บปวด นอกจากนี้ยังมีการแพร่กระจายที่รุนแรง

แหล่งที่มาของการติดเชื้อมาจากศพจะไม่มีการแพร่เชื้อระหว่างคนสู่คน แต่เมื่อใดที่สัมผัสหรือใกล้ชิดกับศพก็จะถูกเชื้อนี่แพร่เข้าสู่ร่างกาย

นี่น่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในรายงานฉบับนี้

แต่เรื่องที่แย่ที่สุดยังติดอยู่ในใจของนาง

หรงเยี่ยได้ทำการสืบสวนคดีนี้เมื่อเร็วๆนี้ เขาได้สัมผัสใกล้ชิดกับศพเด็กจำนวนนับไม่ถ้วนถ้าเป็นเช่นนั้นเขาต้องได้รับเชื้อที่รุนแรงของโรคระบาดนี้อย่างแน่นอน

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือหรงเยี่ยได้ออกจากเมืองไปแล้ว!

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ไป๋ชิงหลิงก็กลัว

คนอย่างหรงเยี่ยนั้นบางครั้งเวลาจะทำอะไรก็ชอบทำให้คนอื่นโกรธจนต้องกัดฟัน ชั่วร้ายและเกลียดเขา แต่นางก็ไม่เคยอยากให้เขาตายจริงๆ

ถ้าเขาตายแล้วจิ่งหลินจะทำอย่างไร?

เขาขาดความรักจากแม่ตั้งแต่เด็กๆถ้าพ่อแท้ๆต้องตายไปอีกคนก็คงจะน่าสงสารมาก

ไม่ได้ นางต้องหาทางไปยังพื้นที่ที่โรคระบาด

หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงได้รับรายงานนางก็รีบออกจากห้วงมิติเวลา

ตอนนี้เป็นเวลารุ่งสางแล้ว เสียงฆ้องและกลองดังมาจากข้างนอก จื่ออี ลี่ว์อีและชิงอีเอาแต่เคาะประตูเรียกนางอยู่ข้างนอก

ไป๋ชิงหลิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตู ติ้งเป่ยโหวยืนอยู่เป็นคนแรกท่ามกลางผู้คนแต่ไป๋ชิงหลิงไม่ได้สนใจมากนัก นางส่งรายงานในมือของนางให้กับติ้งเป่ยโหว"ท่านพ่อ เอาสิ่งนี้เข้าไปในวังหลวงส่งไปให้ฝ่าบาทแล้วบอกฝ่าบาทว่าเชื้อที่ข้าตรวจพบเป็นโรคระบาดจริง เชื้อจะไม่ติดต่อระหว่างคนสู่คนแต่มันมีการทำลายล้างที่รุนแรงมากต่อคนที่ยังมีชีวิต การคร่าชีวิตผู้คนอาจใช้เวลาน้อยสุดคือสามวันหรือมากสุดคือหกวัน หลังจากผู้ป่วยเสียชีวิตเชื้อในร่างกายจะกลืนกินเลือดของร่างกายมนุษย์อย่างรวดเร็วซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การแพร่เชื้อนั้นรุนแรงที่สุด คนที่เป็นจะไม่ติดเชื้อแต่ศพจะติด อธิบายให้ฝ่าบาทฟัง....ข้าจะไปพื้นที่ที่ระบาด"

ติ้งเป่ยโหวตกตะลึงเป็นอย่างมาก

เขาถือรายงานที่ไป๋ชิงหลิงให้เขาพร้อมกับตัวสั่นแล้วพูดว่า"ถ้าเช่นนั้นท่านอ๋องหรง....ท่านอ๋องหรงก็ต้อง...."

ไป๋ชิงหลิงไม่กล้าคิดในแง่ร้ายนางกลัวว่านางจะหุนหันพลันแล่นหนีงานแต่งงาน

"ต้องอธิบายความร้ายแรงของโรคนี้ให้ฝ่าบาทฟัง เมื่อถึงเวลานั้นผู้คน ทหารหรือแม้แต่หมอหลวงที่ฝ่าบาทส่งออกไปก็จะไม่มีใครรอดกลับมา"ไป๋ชิงหลิงพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะสงบสติอารมณ์

แต่ตอนนี้ติ้งเป่ยโหวกลับตื่นตระหนกถึงขีดสุด

บุตรชายของจักรพรรดิเหยาถูกส่งออกไปทั้งหมด แม้แต่ท่านอ๋องอันชินพระอนุชาของจักรพรรดิเหยาก็เป็นหนึ่งในนั้น หากพวกเขาทุกคนเสียชีวิตในพื้นที่ที่ระบาดนั่นคงเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

เขากำรายงานไว้แน่นหันหลังแล้วเดินออกไปจากนั้นเขาออกจากประตูที่อยู่หัวมุมแล้วรีบเข้าวังหลวงอย่างรวดเร็ว

ไม่นานหลังจากที่ติ้งเป่ยโหวออกไปทหารของท่านอ๋องฮุ่ยก็บุกมา ทหารบุกเข้าไปในห้องส่วนตัวของนางและพาตัวนางออกจากเรือนชิงซิน

นำตัวนางขึ้นไปบนเกี้ยว

เมื่อม่านของเกี้ยวปิดลงแสงก็ส่องผ่านดวงตาของไป๋ชิงหลิงนางกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น

ทันใดนั้นก็มีเสียงแมวร้องผ่านหูของนาง

ไปชิงหลิงยืดตัวขึ้น ยกมือเพื่อเอาผ้าคลุมสีแดงออก ก้มหัวมองลงไป

แมวดำตัวหนึ่งค่อยๆคลานออกมาจากใต้ที่นั่ง ควงตาของมันเป็นสีเขียวมรกต ขนบนตัวของมันยุ่งเหยิงเล็กน้อยและที่หัวของมันมีส่วนที่เปียก มองดูแล้วเหมือนกำลังตื่นตระหนก

ไป๋ชิงหลิงอุทานด้วยความตกใจ"เป่าลี่ว์!"

"เมี๊ยว"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น