ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 171

พอถึงตอนเย็นฟางกงกงก็มาที่จวนท่านอ๋องฮุ่ยอีกครั้ง

ครั้งนี้เขามาเชิญนางเข้าวังหลวง

สมุดพับที่ส่งโดยข้าหลวงของทั้งห้าเมืองไปยังเมืองหลวงถูกส่งไปถึงจักรพรรดิเหยาในตอนเที่ยง

โรคระบาดแพร่กระจายเร็วกว่าเมื่อสิบปีก่อน สิ่งต่างๆตอนนี้นั้นไกลเกินกว่าที่จักรพรรดิเหยาคิดไว้

ใบสั่งยาป้องกันโรคระบาดเมื่อสิบปีก่อนใช้ไม่ได้ผลกับโรคระบาดในครั้งนี้

ภายในวันเดียวแคว้นหรงมีผู้เสียชีวิตเกือบร้อยคน

จักรพรรดิเหยากลัวว่าโรคระบาดจะไม่สามารถควบคุมได้เหมือนเมื่อสิบปีที่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเรียกไป๋ชิงหลิงเข้าวังหลวง

ตอนนี้ในสายตาของจักรพรรดิเหยาไป๋ชิงหลิงเป็นหมอปีศาจที่ไม่มีอะไรที่นางทำไม่ได้และยังเป็นความหวังเดียวของเขา

ในขณะที่ไป๋ชิงหลิงและฟางกงกงเดินไปถึงตำหนักเฉียนชิง ปรมาจารย์หลูและท่านอ๋องฮุ่ยก็เดินออกมาจากตำหนักเฉียนชิงพอดี

เมื่อท่านอ๋องฮุ่ยเห็นนางใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มทันที เขาเดินไปข้างหน้าเพื่อที่จะโอบเอวของไป๋ชิงหลิง"พระชายา เจ้ามาแล้วหรือ"

ไป๋ชิงหลิงรู้กลอุบายที่เขาชอบใช้ เมื่อนางเห็นท่านอ๋องฮุ่ยยื่นมือออกมานางจึงรีบยกมือขึ้นแล้วถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว

จากนั้นฝูเซินแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ท่านพี่ ฝ่าบาทมีเรื่องจะเรียกข้า ข้าต้องเข้าไปข้างในเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทก่อน"

มือของท่านอ๋องฮุ่ยหยุดอยู่กลางอากาศ เขายิ้มแทนความโกรธจากนั้นขมวดคิ้วแล้วพูดว่า"มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นจริงๆ เจ้าเข้าไปเถิด ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่"

"ค่ะ"ไป๋ชิงหลิงกลัวจริงๆว่าท่านอ๋องฮุ่ยจะพัวพันนางไม่หยุด

เมื่อนางเห็นว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ไป๋ชิงหลิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เดินผ่านท่านอ๋องฮุ่ยและเข้าไปในตำหนักเฉียนชิง

ติ้งเป่ยโหวและหมอหลวงเก่าแก่หลายคนจากสำนักหมอหลวงก็อยู่ที่นี่

แม้แต่เสิ่นโหรวเม่ยที่พักฟื้นอยู่ที่บ้านก็สวมชุดแพทย์หญิงและยืนอยู่ข้างหมอหลวงฮั่ว

ในขณะที่นางเดินเข้าไปในห้องโถงด้านในเสิ่นโหรวเม่ยก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของนางดูไม่แยแส ใบหน้าของนางก็ดูเย็นชา

ไป๋ชิงหลิงมองนางเพียงแวบเดียว จากนั้นจึงคำนับจักรพรรดิเหยาในฐานะพระชายาของท่านอ๋องฮุ่ย

หมอหลวงในห้องโถงก็ทักทายพระชายาฮุ่ยด้วย โดยเฉพาะเสิ่นโหรวเม่ย น้ำเสียงที่นุ่มนวลสดใสผ่านเข้ามาในหู"โหรวเม่ยเคยพบกับพระชายาฮุ่ย"

ไป๋ชิงหลิงไม่ตอบและไม่สนใจการยั่วยุของเสิ่นโหรวเม่ย

ตอนนี้จักรพรรดิเหยากำลังว้าวุ่นใจเกี่ยวกับเรื่องโรคระบาด แต่ทุกคนที่สามารถใช้งานได้กลับถูกส่งออกไปหมดแล้ว แม้แต่เสิ่นโหรวเม่ยก็ไม่ปล่อยไปเช่นกัน

“พระชายาฮุ่ย เป็นเรื่องน่าละอายใจจริงๆที่ข้าเชิญเจ้าเข้าวังในวันอภิเษกสมรสของเจ้า แต่ตอนนี้ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤต และเจ้าเป็นคนแรกที่ค้นพบโรคระบาดนี้ ข้าจะส่งเจ้าและหมอหลวงฮั่วไปยังพื้นที่ที่โรคระบาด เจ้าเต็มใจหรือไม่”

จะแสดงละครทั้งทีก็ต้องแสดงให้สุด จักรพรรดิเหยาปฏิบัติต่อนางด้วยน้ำเสียงที่เหมือนออกคำสั่งเป็นการส่วนตัว แต่ในแง่ดีคือนางเพิ่งแต่งงานกับท่านอ๋องฮุ่ยและยังเป็นคู่บ่าวสาวกัน

ทั้งนางและท่านอ๋องฮุ่ยมีเหตุผลที่จะไม่ไปก็ได้

"หม่อมฉันยินดีที่จะไปพื้นที่โรคระบาดกับหมอหลวงฮั่วเพคะ"ไป๋ชิงหลิงพูด

จักรพรรดิเหยาดูโล่งใจ"การที่พระชายาฮุ่ยไปยังพื้นที่ที่โรคระบาด เจ้ายังสามารถปลอบขวัญประชาชนและยังช่วยหมอหลวงศึกษายาเพื่อรักษาโรคระบาดได้ ข้าจะให้ท่านอ๋องฮุ่ยเดินทางไปกับเจ้าด้วย"

"เพคะ"ดวงตาของไป๋ชิงหลิงมองไปที่รายงานโรคระบาดที่หน้าโต๊ะของจักรพรรดิเหยาแล้วพูดว่า"ฝ่าบาท ท่านได้อ่านรายงานเรื่องโรคระบาดที่ท่านพ่อของข้ามอบให้แล้ว"

"ข้าได้มอบเรื่องนี้ให้กับติ้งเป่ยโหวและท่านอ๋องฮุ่ยจัดการแล้วเมื่อเจ้าไปถึงพื้นที่โรคระบาดเจ้ากับหมอหลวงแค่ต้องศึกษายาสำหรับโรคระบาด"จักรพรรดิเหยากล่าวว่า"พวกเจ้าต้องควบคุม โรคระบาดให้ได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดและกำจัดแหล่งแพร่ระบาดให้ได้"

"พ่ะย่ะค่ะ!"หมอหลวงและใต้เท้าทุกคนตอบพร้อมกัน

หลังจากที่จักรพรรดิเหยาจัดแจงหน้าที่ให้พวกเขาแล้ว ไป๋ชิงหลิงก็เดินตามทุกคนออกจากตำหนักเฉียนชิง

ท่านอ๋องฮุ่ยเดินมา จูงมือน้อยๆของนางแล้วพูดว่า"พระชายา กลับกันเถอะ ข้าเกรงว่าคืนนี้เราจะกลับไปที่ห้องนอนบ่าวสาวที่จวนไม่ได้แล้ว"

สีหน้าของไป๋ชิงหลิงเปลี่ยนไป ใบหน้าที่งดงามของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีด้วยความรำคาญ

แต่ในมุมมองของท่านอ๋องฮุ่ยคือไป๋ชิงหลิงกำลังเขินอาย

เมื่อเสิ่นโหรวเม่ยเดินออกมาจากตำหนักเฉียนชิง นางแอบหัวเราะเย้ยหยัน จากนั้นก็ตั้งใจเดินไปข้างหน้าแล้วพูดว่า"ท่านอ๋องฮุ่ยกับพระชายาฮุ่ยนี่รักใคร่กันดีจริงๆ ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก!"

เมื่อไป๋ชิงหลิงได้ยินคำพูดของเสิ่นโหรวเม่ย นางก็หันศีรษะไปมองเสิ่นโหรวเม่ยอย่างเย็นชา

นางมองออกว่าเสิ่นโหรวเม่ยกำลังคิดอะไรอยู่

ถ้านางแต่งงานกับท่านอ๋องฮุ่ยนางก็จะไม่มีวาสนาต่อท่านอ๋องหรงแล้ว และเสิ่นโหรวเม่ยก็จะมีโอกาสที่จะได้เป็นนายหญิงของจวนท่านอ๋องหรง

เพียงแต่นางอาจจะลืมไปว่าในเมืองหลวงไม่ได้มีนางเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์เพียงคนเดียว

ตระกูลหลานผู้ดีเด่นที่เพิ่งปรากฏเต็มไปด้วยความเฟื่องฟูจักรพรรดิเหยาต้องการคนสนับสนุนกองกำลังใหม่ ข้าเกรงว่าจะไม่ใช่ตาของเสิ่นโหรวเม่ยที่จะได้เป็นพระชายาหรงหน่ะสิ

นางพลิกมือแล้วคว้าฝ่ามือของท่านอ๋องฮุ่ย

ท่านอ๋องฮุ่ยมองลงไปโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเขาพบว่าผู้หญิงตัวเล็กกำลังจับมือของเขาอยู่ ท่านอ๋องฮุ่ยก็ดีใจ

ในเวลานี้ ไป๋ชิงหลิงเรียกเบาๆ"ท่านพี่ รถม้าที่จะไปพื้นที่โรคระบาดเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง"

ดวงตาของเขามีรอยยิ้มและน้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงมาก"กองทัพทหารของข้าพร้อมแล้ว เพียงแค่รอให้พระชายากับข้าไปก่อน แล้วเราจะออกเดินทางไปยังพื้นที่โรคระบาดในคืนนี้"

"ไปกันเถอะ ข้าอยากกลับไปพักผ่อนบนรถม้า"

"ชายาของข้าเหนื่อยใช่หรือไม่"หลังจากที่ท่านอ๋องฮุ่ยพูดจบ เขาก็อุ้มนางขึ้นต่อหน้าเสิ่นโหรวเม่ย

สีหน้าของเสิ่นโหรวเม่ยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

ความอ่อนโยนและความเอาใจใส่ของท่านอ๋องฮุ่ยไม่ใช่สิ่งที่เสิ่นโหรวเม่ยต้องการเห็น นางหวังว่าความโหดร้ายของท่านอ๋องฮุ่ยจะฆ่าผู้หญิงอย่างไป๋ชิงหลิงคนนี้ได้

แต่ตอนนี้ คำพูดและการกระทำของท่านอ๋องฮุ่ยทำให้นางตกใจมาก

เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ล่ะ?

ท่านอ๋องฮุ่ยแต่งงานกับนางก็เพื่อที่จะฆ่านางมิใช่หรือ?

หลังจากนั้นเสิ่นโหรวเม่ยรู้สึกว่านี่ก็เป็นการดีที่ท่านอ๋องฮุ่ยจะเอาใจนาง เช่นนั้นก็ทำให้ให้หรงเยี่ยได้เห็นว่าผู้หญิงที่เขาปกป้องอย่างสุดหัวใจถูกอุ้มเข้าไปในอ้อมแขนของชายอื่นได้อย่างไร

ท่านอ๋องฮุ่ยอุ้มไป่ชิงหลิงจนออกจากประตูวัง เมื่อถึงหน้ารถม้าเขาก็อุ้มนางขึ้นรถม้าและวางนางไว้ข้างบน

"ข้าจะขึ้นไปกับเจ้า"

"ท่านอ๋องฮุ่ย....."ไป๋ชิงหลิงกดฝ่ามือลงบนหน้าอกเขา"ข้าอยากพักผ่อน ข้าเหนื่อยมาก เมื่อคืนข้าแต่งหน้าและเปลี่ยนชุดสำหรับงานแต่งงานทำให้ข้าอดนอนทั้งคืน ตอนนี้ข้าจึงเหนื่อยมาก"

นางพูดปฏิเสธอย่างเหมาะสม

ท่านอ๋องฮุ่ยจับมือที่ไร้เรี่ยวแรงของนาง"เช่นนั้นข้าจะกอดเจ้าเข้านอนเอง"

"ข้าไม่ชินเวลามีคนมากอดตอนนอน ถ้าท่านรักข้าก็ปล่อยข้าไว้คนเดียวเถิด"จากคำพูดของปรมาจารย์หลูทำให้ไป๋ชิงหลิงมีความมั่นใจขึ้นเล็กน้อย

ท่านอ๋องฮุ่ยอยากได้โลกใบนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องทำตามความปรารถนาของนางก่อน ถ้านางมีเรื่องคับข้องใจเล็กน้อย ท่านอ๋องฮุ่ยก็จะไม่กล้าบังคับนาง

อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจแบบนี้ก็ไม่ได้ถึงจุดที่ทำให้นางไร้ยางอาย

นางกำลังทดสอบเขาทีละขั้น ว่าเขาสามารถทนได้แค่ไหน

แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าท่านอ๋องฮุ่ยอยากมีความสัมพันธ์แบบที่จริงใจกับนางจริงๆ หลังจากที่นางปฏิเสธไปถึงสองครั้ง เขาก็ยกฝ่ามือขึ้นแตะใบหน้าของนางแล้วพูดว่า"ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะเป็นคนขับรถม้าให้เจ้าเพื่อให้เจ้านอนหลับอย่างสบายมากขึ้น"

"ข้าขอบคุณท่านพี่"ไป๋ชิงหลิงปิดประตูรถม้า เอนตัวอย่างไร้เรี่ยวแรงบนที่นั่งและหลับตาลง!

เหนื่อยนี่เหนื่อยจริงๆเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน วันนี้นางก็ประลองไหวพรบกับท่านอ๋องฮุ่ยอีก ตอนนี้นางเหนื่อยทั้งกายและใจ

ไม่รู้ว่ากองกำลังทหารขบวนนี้จะไปทางไหน

รอถึงพื้นที่โรคระบาด นางต้องหาทางติดต่อกับหรงเยี่ย

เขา.....จะสบายดีไหม?

หมู่บ้านตันหยาง

หรงเยี่ยกำลังอาบน้ำในแม่น้ำ ทันใดนั้นอิงซาก็ปรากฏตัวขึ้น

เขามองกลับไป ขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเย็นชา"ข้าไม่ได้ให้เจ้าคอยดูนางทุกย่างก้าวหรือ"

"นายท่าน แม่นางไป๋แต่งงานกับท่านอ๋องฮุ่ยเมื่อวานนี้!"

หรงเยี่ยตัวแข็งทื่อ เขาลุกขึ้นจากแม่น้ำอย่างรวดเร็วแล้วรีบเดินไปที่ริมฝั่งแม่น้ำ หยิบเสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาสวม"พูด!"

"ฝ่าบาททรงเรียกท่านอ๋องฮุ่ยและแม่นางไป๋เข้าวังชั่วข้ามคืนเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับโรคระบาด และส่งท่านอ๋องฮุ่ยกับแม่นางไป๋ไปยังพื้นที่โรคระบาด ตอนนี้กองกำลังทหารเกือบจะถึงพื้นที่โรคระบาดของเส้าหยางแล้ว"

ดวงตาของหรงเยว่มืดลง...

เรื่องที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว

"รวบรวมกองกำลังทหาร มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเส้าหยาง!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น