ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 170

ดวงตาของไป๋ชงเซิงเบิกกว้างในทันที เขาตะโกนเสียงดัง"เป่าลี่ว์ คือเป่าลี่ว์"

ไปชิงหลิงวางมันลงพื้น ไป๋ชงเซิงจึงรีบวิ่งไปหาเป่าลู่

คนและแมววิ่งเข้าหากัน

เป่าลี่ว์กระโดดขึ้นในขณะที่ตัวมันยังอยู่ไกลและมันก็ตกลงไปในอ้อมแขนของไป๋ชงเซิง เป่าลี่ว์ถูหัวของมันกับไป๋ชงเซิงและส่งเสียงเมี๊ยวไม่หยุด

ดูเหมือนว่ามันมีเรื่องจะพูดกับไป๋ชงเซิงมากมายไม่รู้จบ

"ซังจวี๋ ชิงจู๋ เจ้าสองคนไปเฝ้าอยู่ข้างนอกและอย่าให้ใครเข้ามา"

"ครับ"

ทั้งสองคนหันหลังกลับล็อคประตูอย่างรวดเร็วและเฝ้าอยู่หน้าประตู

ไป๋ชิงหลิงหันหลังเดินไปหาไป๋ชงเซิง วางมือลงบนหลังของไป๋ชงเซิงแล้วผลักเบาๆ"เซิงเอ๋อร์ รีบถามเป่าลี่ว์เร็วว่าเจอเรื่องอะไรในค่ายทหารหรือเปล่าเหตุใดสองสามวันนี้ไม่กลับมา หรือเจออะไรผิดปกติหรือเปล่า"

ไป๋ชงเซิงก้มหัวลงเอาหูแนบกับใบหน้าของเป่าลี่ว์และฟังเสียงแมวที่เป่าลี่ว์ร้อง

"เมี๊ยว"หลังจากที่มันส่งเสียงหลายครั้งสีหน้าของไป๋ชงเซิงก็เปลี่ยนไปทันทีและแววตาของเขามีความกลัว

เมื่อเห็นว่าท่าทางของเซิงเอ๋อร์ผิดปกติไป๋ชิงหลิงก็คุกเข่าลงกอดนางไว้ในอ้อมแขนแล้วบอกว่า"เซิงเอ๋อร ์เจ้าค่อยๆพูด"

ไป๋ชงเซิงขมวดคิ้วแน่น หายใจสั้นๆ"ท่านแม่ เป่าลี่ว์บอกว่ามันเห็นผู้หญิงหลายคนในค่ายทหารของท่านอ๋องฮุ่ย"

"ผู้หญิง?"ไป๋ชิงหลิงตกตะลึงเล็กน้อย

นั่นน่าจะเป็นนางบำเรอในกองทัพ

"ผู้หญิงพวกนั้นส่วนใหญ่กำลังตั้งครรภ์ มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะคลอดแต่นางคลอดไม่ออกท่านอ๋องฮุ่ยเลยชักดาบของเขาฟันไปที่ท้องของผู้หญิงคนนั้นแล้วเอาเด็กออกมาจากท้อง"ในขณะที่ไป๋ชงเซิงพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของนางซีดจนไม่เห็นสีเลือดฝาน

นี่เป็นวิธีที่โหดร้ายเป็นอย่างมาก

นางรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้น

นางนึกถึงท่านแม่ของนางที่ต้องผ่าคลอดเพราะคลอดเองไม่ได้

นางปล่อยแมวไปโดยไม่รู้ตัวและกอดไป๋ชิงหลิง"ท่านแม่ ท่านอ๋องฮุ่ยน่ากลัวมาก พวกเราออกไปจากจวนของท่านอ๋องฮุ่ยกันเถอะ"

สิ่งที่เป่าลี่ว์พูดทำให้นางรู้สึกกลัว

นางกลัวว่าท่านอ๋องฮุ่ยจะทำแบบนั้นกับแม่ของนาง นางไม่มีพ่อหากไม่มีแม่อีกคนคงจะน่าสงสารจริงๆ

ไป๋ชิงหลิงกอดนางและนั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับเกลี้ยกล่อมนางเบาๆ"เซิงเอ๋อร์ เด็กดี เป่าลี่ว์เสี่ยงอันตรายเข้าไปในค่ายทหารก็เพื่อให้เจ้ากับข้าปลอดภัย ฝ่าบาทต้องการให้พวกเราหาหลักฐาน ถ้าหากเราหาจุดอ่อนของท่านอ๋องฮุ่ยไม่เจอแม่ก็จะต้องอยู่ในจวนของท่านอ๋องฮุ่ยตลอดไป"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ชงเซิงก็สงบลง

นางแอบกำมือแน่นๆและพูดต่อในสิ่งที่นางยังพูดไม่จบ"หลังจากที่ท่านอ๋องฮุ่ยได้เด็กมาเขาก็เอาเด็กออกไปโดนที่ไม่สนว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นหรือตาย ใช่แล้วผู้หญิงพวกนั้นในค่ายของเขาต่างก็ตั้งครรภ์ เป่าลี่ว์เคยแอบตามปรมาจารย์หลูที่เป็นคนสนิทของท่านอ๋องฮุ่ยเข้าไปในค่ายทหาร ข้างในมีวังที่อยู่ใต้ดิน ตอนที่มันเข้าไปมันถูกกลไกของประตูขังอยู่ในห้องลับทำให้ไม่สามารถออกไปได้"

"ในช่วงเวลานั้น เป่าลี่ว์ได้ยินเสียงของเด็กหลายคนร้องไห้จากห้องลับ และทุกๆวันจะมีคนจับเด็กไปเป็นกลุ่ม"

"เด็ก! ! !"ไป๋ชิงหลิงตกใจ

ทำให้นางนึกถึงคดีลักเด็กที่หรงเยี่ยสืบสวนอยู่

ไม่ใช่เรื่องปกติแน่ที่ค่ายทหารของท่านอ๋องฮุ่ยจะสร้างวังใต้ดิน และเรื่องที่เป่าลี่ว์ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ เช่นนั้นก็พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่จักรพรรดิเหยาพูดนั้นเป็นความจริง

โรคระบาดในหลายหมู่บ้านเป็นแผนการของท่านอ๋องฮุ่ย

"ใช่แล้ว แต่เป่าลี่ว์เข้าไปไม่ได้ ประตูกลไกนั้นมีเพียงท่านอ๋องฮุ่ยและปรมาจารย์คนสนิทของเขาเท่านั้นที่สามารถเปิดได้ ทุกครั้งเวลาที่จะเปิดประตูต้องหยดเลือดลงไปที่ปากประตู ดังนั้นเป่าลี่ว์จึงเข้าไปไม่ได้"ไป๋ชงเซิงลูบขนเป่าลี่ว์อย่างอ่อนโยน

เป่าลี่ว์ก็ถูไปเรื่อยๆจากนั้นก็ร้อง"เมี๊ยว"สองสามครั้ง

ไป๋ชิงหลิงถาม"มันพูดว่าอะไร?"

"ปรมาจารย์หลูบอกกับท่านอ๋องฮุ่ยว่าท่านแม่คือดาวหงส์ ได้ท่านแม่ก็เหมือนได้ครองโลก..."

ไป๋ชิงหลิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทันใดนั้นนางก็เข้าใจว่าทำไมทัศนคติของท่านอ๋องฮุ่ยที่มีต่อนางจึงแตกต่างออกไป

ช่างกล้านัก เขาคิดว่าถ้าได้แต่งงานกับนางเขาสามารถเป็นพระเจ้าของโลกได้

ปรมาจารย์หลูคนนี้ต้องเป็นร่างทรงแน่ๆ

อย่างไรก็ตาม...

สิ่งที่ไป๋ชงเซิงพูดต่อไปทำให้ไป๋ชิงหลิงไม่กล้าปฏิเสธความแข็งแกร่งของปรมาจารย์หลูได้

"ปรมาจารย์หลูบอกว่าท่านแม่มีสองดวงชะตา เดิมทีเป็นดาวร้ายที่มีอายุสั้น แต่เมื่อวิญญาณจากอีกโลกหนึ่งมาถึงและดาวหงส์ตกมาจากท้องฟ้าก็คือท่านแม่คนปัจจุบัน วิชาแพทย์ที่แม่นำมาจะทำให้ประชาชนสร้างชื่อเสียงด้านมโนธรรมให้กับท่านอ๋องฮุ่ย แต่ถ้าหากไม่สามารถเอาชนะใจท่านแม่ได้ ท่านแม่จะเป็นตัวขัดขวางดวงชะตาของท่ายอ๋องฮุ่ย"

นี่คือสิ่งที่เป่าลี่ว์พูด ไป๋ชงเซิงจึงแปลให้ไป๋ชิงหลิงฟังเป็นคำต่อคำ

หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงได้ฟังนางก็รู้สึกหนาวสั่นตั้งแต่เท้าไปจนถึงหัวใจ ใจของนางเต็มไปด้วยความกลัวและความหนาวเย็น ทันใดนั้นความรู้สึกหวาดกลัวก็เกิดขึ้นมา

ปรมาจารย์หลูมองออกว่านางไม่ใช่คนจากยุคนี้

ยังรู้ด้วยว่านางมีวิชาแพทย์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้

ความรู้ึกของการถูกมองออกนี่มันแย่จริงๆ

แต่ก็ดี ปรมาจารย์หลูคนนี้ได้เปลี่ยนสถานการณ์ปัจจุบันของนาง

ทำให้นางไม่อึดอัดใจจนเกินไป

ไป๋ชิงหลิงแอบพึมพำ"ข้าควรจะขอบคุณปรมาจารย์หลูคนนี้หรือควรฆ่าเขาแล้วเก็บความลับเกี่ยวกับตัวข้าดี"

"ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ฝั่งท่านพ่อจะเป็นอย่างไร จักรพรรดิเหยาจะเปลี่ยนใจและส่งข้าไปยังพื้นที่ที่โรคระบาดหรือไม่"

"เซิงเอ๋อร์ เป่าลี่ว์พบอะไรอีกไหม"ไป๋ชิงหลิงกลับมามีสติแล้วถาม

"ไม่มีแล้ว นี่คือสิ่งทั้งหมดที่เป่าลี่ว์พบในค่ายทหาร ท่านแม่ แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ?"ไป๋ชงเซิงเงยหน้าขึ้นไปมองไป๋ชิงหลิงแล้วถาม

ไป๋ชิงหลิงส่ายหัวแล้วพูดว่า"สิ่งเหล่านี้ยังไม่พอ ถ้าเป่าลี่ว์สามารถหาที่ซ่อนของเด็เหล่านั้นเจอค่อยกลับมาบอกข้า ข้าจะไปหาฝ่าบาทอีกครั้ง เช่นนี้เราก็สามารถหาหลักฐานที่ท่านอ๋องฮุ่ยขโมยเด็กโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวและกวาดล้างกลุ่มอาชญากรของเขาได้ แต่ตอนนี้แค่เรื่องที่เขาสร้างวังใต้ดินและวิธีการทำร้ายเด็กที่โหดร้ายฝ่าบาทไม่สามารถ้ิาผิดอะไรเขาได้ อย่างมากที่สุดก็แค่ให้เขารับผิดชอบ"

ถึงอย่างไรท่านอ๋องฮุ่ยก็เป็นคนเจ้าเล่ห์และยังมีกลุ่มคนที่คอยสนับสนุนเขาอยู่

ถ้าเขาบอกว่าวังใต้ดินสร้างขึ้นเพื่อจัดการเรื่องอาวุธหรือเพื่อทำสิ่งอื่นๆจักรพรรดิเหยาจะต้องให้รางวัลเขาสำหรับการที่เขาใช้ทรัพยากรที่ดินอย่างประหยัด

ส่วนเรื่องการผ่าคลอดนั้นยิ่งง่ายต่อการอธิบาย

เขาทำเช่นนี้เพื่อช่วยชีวิตเด็ก ส่วนสถานที่ที่จัดการเด็กนั้นท่านอ๋องฮุ่ยเพียงแค่หาข้ออ้างไม่กี่ข้อก็รอดไปได้แล้ว

เป็นไปไม่ได้ที่จักรพรรดิเหยาจะทำให้เขาขุ่นเคืองใจด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

ท้ายที่สุด จักรพรรดิเหยาก็ต้องการให้เขาตาย

ไป๋ชงเซิงหลุบตาลง นางใช้ฝ่ามือลูบขนของเป่าลี่ว์อบ่างอ่อนโยน"เป่าลี่ว์ ท่านแม่บอกว่าหลักฐานยังไม่พอ"

"เมี๊ยว!"เป่าลี่ว์ลุกขึ้น และกระโดดออกจากอ้อมแขนของไป๋ชงเซิง

ไป๋ชิงหลิงพูดว่า"ไม่ต้องรีบ เจ้าพาเป่าลี่ว์กลับไปอาบน้ำที่เรือนชิงซิงก่อนเถิด"

"ถ้าท่านอ๋องฮุ่ยรังแกท่านแม่อีกท่านแม่ต้องกลับไปหาท่านปูนะเจ้าคะ"ไปชงเซิงพูดอย่างเป็นห่วง

ดวงตาของไป๋ชิงหลิงเต็มไปด้วยความดีใจ นางวางฝ่ามือลงบนศีรษะของไป๋ชงเซิงแล้วลูบอย่างอ่อนโยน"ในเมื่อท่านอ๋องฮุ่ยบอกว่าแม่เป็นดาวหงส์มาจากโลกอื่น เช่นนั้นเขาก็จะไม่รังแแม่อีก เซิงเอ๋อร์ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวแม่ไปส่งเจ้าออกจากจวน"

พูดจบไป๋ชิงหลิงก็จับมือไป๋ชงเซิงเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

พ่อบ้านของจวนท่านอ๋องแซ่จ้าว ไป๋ชิงหลิงขอให้เขานำทางและส่งไป๋ชงเซิงออกจากจวน

หลังจากที่ส่งไป๋ชงเซิงกลับไปแล้วนางก็กลับไปที่ห้องใหม่ นางล็อคประตูแล้วแอบเข้าไปในห้วงมิติเวลา

ค้นหายาต้านโรคระบาด นางทำการทดลองแล้วก็ทดสอบซ้ำๆ

แต่ยาในห้วงมิติเวลาของนางดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับโรคระบาดนี้

แม้ว่าจะต้านโรคระบาดได้ในเวลาสั้นๆแต่ไม่นานโรคระบาดก็จะฟื้นตัวอีกครั้งและแยกตัวเร็วขึ้น...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น