ดวงตาของไป๋ชงเซิงเบิกกว้างในทันที เขาตะโกนเสียงดัง"เป่าลี่ว์ คือเป่าลี่ว์"
ไปชิงหลิงวางมันลงพื้น ไป๋ชงเซิงจึงรีบวิ่งไปหาเป่าลู่
คนและแมววิ่งเข้าหากัน
เป่าลี่ว์กระโดดขึ้นในขณะที่ตัวมันยังอยู่ไกลและมันก็ตกลงไปในอ้อมแขนของไป๋ชงเซิง เป่าลี่ว์ถูหัวของมันกับไป๋ชงเซิงและส่งเสียงเมี๊ยวไม่หยุด
ดูเหมือนว่ามันมีเรื่องจะพูดกับไป๋ชงเซิงมากมายไม่รู้จบ
"ซังจวี๋ ชิงจู๋ เจ้าสองคนไปเฝ้าอยู่ข้างนอกและอย่าให้ใครเข้ามา"
"ครับ"
ทั้งสองคนหันหลังกลับล็อคประตูอย่างรวดเร็วและเฝ้าอยู่หน้าประตู
ไป๋ชิงหลิงหันหลังเดินไปหาไป๋ชงเซิง วางมือลงบนหลังของไป๋ชงเซิงแล้วผลักเบาๆ"เซิงเอ๋อร์ รีบถามเป่าลี่ว์เร็วว่าเจอเรื่องอะไรในค่ายทหารหรือเปล่าเหตุใดสองสามวันนี้ไม่กลับมา หรือเจออะไรผิดปกติหรือเปล่า"
ไป๋ชงเซิงก้มหัวลงเอาหูแนบกับใบหน้าของเป่าลี่ว์และฟังเสียงแมวที่เป่าลี่ว์ร้อง
"เมี๊ยว"หลังจากที่มันส่งเสียงหลายครั้งสีหน้าของไป๋ชงเซิงก็เปลี่ยนไปทันทีและแววตาของเขามีความกลัว
เมื่อเห็นว่าท่าทางของเซิงเอ๋อร์ผิดปกติไป๋ชิงหลิงก็คุกเข่าลงกอดนางไว้ในอ้อมแขนแล้วบอกว่า"เซิงเอ๋อร ์เจ้าค่อยๆพูด"
ไป๋ชงเซิงขมวดคิ้วแน่น หายใจสั้นๆ"ท่านแม่ เป่าลี่ว์บอกว่ามันเห็นผู้หญิงหลายคนในค่ายทหารของท่านอ๋องฮุ่ย"
"ผู้หญิง?"ไป๋ชิงหลิงตกตะลึงเล็กน้อย
นั่นน่าจะเป็นนางบำเรอในกองทัพ
"ผู้หญิงพวกนั้นส่วนใหญ่กำลังตั้งครรภ์ มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะคลอดแต่นางคลอดไม่ออกท่านอ๋องฮุ่ยเลยชักดาบของเขาฟันไปที่ท้องของผู้หญิงคนนั้นแล้วเอาเด็กออกมาจากท้อง"ในขณะที่ไป๋ชงเซิงพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของนางซีดจนไม่เห็นสีเลือดฝาน
นี่เป็นวิธีที่โหดร้ายเป็นอย่างมาก
นางรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้น
นางนึกถึงท่านแม่ของนางที่ต้องผ่าคลอดเพราะคลอดเองไม่ได้
นางปล่อยแมวไปโดยไม่รู้ตัวและกอดไป๋ชิงหลิง"ท่านแม่ ท่านอ๋องฮุ่ยน่ากลัวมาก พวกเราออกไปจากจวนของท่านอ๋องฮุ่ยกันเถอะ"
สิ่งที่เป่าลี่ว์พูดทำให้นางรู้สึกกลัว
นางกลัวว่าท่านอ๋องฮุ่ยจะทำแบบนั้นกับแม่ของนาง นางไม่มีพ่อหากไม่มีแม่อีกคนคงจะน่าสงสารจริงๆ
ไป๋ชิงหลิงกอดนางและนั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับเกลี้ยกล่อมนางเบาๆ"เซิงเอ๋อร์ เด็กดี เป่าลี่ว์เสี่ยงอันตรายเข้าไปในค่ายทหารก็เพื่อให้เจ้ากับข้าปลอดภัย ฝ่าบาทต้องการให้พวกเราหาหลักฐาน ถ้าหากเราหาจุดอ่อนของท่านอ๋องฮุ่ยไม่เจอแม่ก็จะต้องอยู่ในจวนของท่านอ๋องฮุ่ยตลอดไป"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ชงเซิงก็สงบลง
นางแอบกำมือแน่นๆและพูดต่อในสิ่งที่นางยังพูดไม่จบ"หลังจากที่ท่านอ๋องฮุ่ยได้เด็กมาเขาก็เอาเด็กออกไปโดนที่ไม่สนว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นหรือตาย ใช่แล้วผู้หญิงพวกนั้นในค่ายของเขาต่างก็ตั้งครรภ์ เป่าลี่ว์เคยแอบตามปรมาจารย์หลูที่เป็นคนสนิทของท่านอ๋องฮุ่ยเข้าไปในค่ายทหาร ข้างในมีวังที่อยู่ใต้ดิน ตอนที่มันเข้าไปมันถูกกลไกของประตูขังอยู่ในห้องลับทำให้ไม่สามารถออกไปได้"
"ในช่วงเวลานั้น เป่าลี่ว์ได้ยินเสียงของเด็กหลายคนร้องไห้จากห้องลับ และทุกๆวันจะมีคนจับเด็กไปเป็นกลุ่ม"
"เด็ก! ! !"ไป๋ชิงหลิงตกใจ
ทำให้นางนึกถึงคดีลักเด็กที่หรงเยี่ยสืบสวนอยู่
ไม่ใช่เรื่องปกติแน่ที่ค่ายทหารของท่านอ๋องฮุ่ยจะสร้างวังใต้ดิน และเรื่องที่เป่าลี่ว์ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ เช่นนั้นก็พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่จักรพรรดิเหยาพูดนั้นเป็นความจริง
โรคระบาดในหลายหมู่บ้านเป็นแผนการของท่านอ๋องฮุ่ย
"ใช่แล้ว แต่เป่าลี่ว์เข้าไปไม่ได้ ประตูกลไกนั้นมีเพียงท่านอ๋องฮุ่ยและปรมาจารย์คนสนิทของเขาเท่านั้นที่สามารถเปิดได้ ทุกครั้งเวลาที่จะเปิดประตูต้องหยดเลือดลงไปที่ปากประตู ดังนั้นเป่าลี่ว์จึงเข้าไปไม่ได้"ไป๋ชงเซิงลูบขนเป่าลี่ว์อย่างอ่อนโยน
เป่าลี่ว์ก็ถูไปเรื่อยๆจากนั้นก็ร้อง"เมี๊ยว"สองสามครั้ง
ไป๋ชิงหลิงถาม"มันพูดว่าอะไร?"
"ปรมาจารย์หลูบอกกับท่านอ๋องฮุ่ยว่าท่านแม่คือดาวหงส์ ได้ท่านแม่ก็เหมือนได้ครองโลก..."
ไป๋ชิงหลิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทันใดนั้นนางก็เข้าใจว่าทำไมทัศนคติของท่านอ๋องฮุ่ยที่มีต่อนางจึงแตกต่างออกไป
ช่างกล้านัก เขาคิดว่าถ้าได้แต่งงานกับนางเขาสามารถเป็นพระเจ้าของโลกได้
ปรมาจารย์หลูคนนี้ต้องเป็นร่างทรงแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม...
สิ่งที่ไป๋ชงเซิงพูดต่อไปทำให้ไป๋ชิงหลิงไม่กล้าปฏิเสธความแข็งแกร่งของปรมาจารย์หลูได้
"ปรมาจารย์หลูบอกว่าท่านแม่มีสองดวงชะตา เดิมทีเป็นดาวร้ายที่มีอายุสั้น แต่เมื่อวิญญาณจากอีกโลกหนึ่งมาถึงและดาวหงส์ตกมาจากท้องฟ้าก็คือท่านแม่คนปัจจุบัน วิชาแพทย์ที่แม่นำมาจะทำให้ประชาชนสร้างชื่อเสียงด้านมโนธรรมให้กับท่านอ๋องฮุ่ย แต่ถ้าหากไม่สามารถเอาชนะใจท่านแม่ได้ ท่านแม่จะเป็นตัวขัดขวางดวงชะตาของท่ายอ๋องฮุ่ย"
นี่คือสิ่งที่เป่าลี่ว์พูด ไป๋ชงเซิงจึงแปลให้ไป๋ชิงหลิงฟังเป็นคำต่อคำ
หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงได้ฟังนางก็รู้สึกหนาวสั่นตั้งแต่เท้าไปจนถึงหัวใจ ใจของนางเต็มไปด้วยความกลัวและความหนาวเย็น ทันใดนั้นความรู้สึกหวาดกลัวก็เกิดขึ้นมา
ปรมาจารย์หลูมองออกว่านางไม่ใช่คนจากยุคนี้
ยังรู้ด้วยว่านางมีวิชาแพทย์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ความรู้ึกของการถูกมองออกนี่มันแย่จริงๆ
แต่ก็ดี ปรมาจารย์หลูคนนี้ได้เปลี่ยนสถานการณ์ปัจจุบันของนาง
ทำให้นางไม่อึดอัดใจจนเกินไป
ไป๋ชิงหลิงแอบพึมพำ"ข้าควรจะขอบคุณปรมาจารย์หลูคนนี้หรือควรฆ่าเขาแล้วเก็บความลับเกี่ยวกับตัวข้าดี"
"ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ฝั่งท่านพ่อจะเป็นอย่างไร จักรพรรดิเหยาจะเปลี่ยนใจและส่งข้าไปยังพื้นที่ที่โรคระบาดหรือไม่"
"เซิงเอ๋อร์ เป่าลี่ว์พบอะไรอีกไหม"ไป๋ชิงหลิงกลับมามีสติแล้วถาม
"ไม่มีแล้ว นี่คือสิ่งทั้งหมดที่เป่าลี่ว์พบในค่ายทหาร ท่านแม่ แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ?"ไป๋ชงเซิงเงยหน้าขึ้นไปมองไป๋ชิงหลิงแล้วถาม
ไป๋ชิงหลิงส่ายหัวแล้วพูดว่า"สิ่งเหล่านี้ยังไม่พอ ถ้าเป่าลี่ว์สามารถหาที่ซ่อนของเด็เหล่านั้นเจอค่อยกลับมาบอกข้า ข้าจะไปหาฝ่าบาทอีกครั้ง เช่นนี้เราก็สามารถหาหลักฐานที่ท่านอ๋องฮุ่ยขโมยเด็กโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวและกวาดล้างกลุ่มอาชญากรของเขาได้ แต่ตอนนี้แค่เรื่องที่เขาสร้างวังใต้ดินและวิธีการทำร้ายเด็กที่โหดร้ายฝ่าบาทไม่สามารถ้ิาผิดอะไรเขาได้ อย่างมากที่สุดก็แค่ให้เขารับผิดชอบ"
ถึงอย่างไรท่านอ๋องฮุ่ยก็เป็นคนเจ้าเล่ห์และยังมีกลุ่มคนที่คอยสนับสนุนเขาอยู่
ถ้าเขาบอกว่าวังใต้ดินสร้างขึ้นเพื่อจัดการเรื่องอาวุธหรือเพื่อทำสิ่งอื่นๆจักรพรรดิเหยาจะต้องให้รางวัลเขาสำหรับการที่เขาใช้ทรัพยากรที่ดินอย่างประหยัด
ส่วนเรื่องการผ่าคลอดนั้นยิ่งง่ายต่อการอธิบาย
เขาทำเช่นนี้เพื่อช่วยชีวิตเด็ก ส่วนสถานที่ที่จัดการเด็กนั้นท่านอ๋องฮุ่ยเพียงแค่หาข้ออ้างไม่กี่ข้อก็รอดไปได้แล้ว
เป็นไปไม่ได้ที่จักรพรรดิเหยาจะทำให้เขาขุ่นเคืองใจด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
ท้ายที่สุด จักรพรรดิเหยาก็ต้องการให้เขาตาย
ไป๋ชงเซิงหลุบตาลง นางใช้ฝ่ามือลูบขนของเป่าลี่ว์อบ่างอ่อนโยน"เป่าลี่ว์ ท่านแม่บอกว่าหลักฐานยังไม่พอ"
"เมี๊ยว!"เป่าลี่ว์ลุกขึ้น และกระโดดออกจากอ้อมแขนของไป๋ชงเซิง
ไป๋ชิงหลิงพูดว่า"ไม่ต้องรีบ เจ้าพาเป่าลี่ว์กลับไปอาบน้ำที่เรือนชิงซิงก่อนเถิด"
"ถ้าท่านอ๋องฮุ่ยรังแกท่านแม่อีกท่านแม่ต้องกลับไปหาท่านปูนะเจ้าคะ"ไปชงเซิงพูดอย่างเป็นห่วง
ดวงตาของไป๋ชิงหลิงเต็มไปด้วยความดีใจ นางวางฝ่ามือลงบนศีรษะของไป๋ชงเซิงแล้วลูบอย่างอ่อนโยน"ในเมื่อท่านอ๋องฮุ่ยบอกว่าแม่เป็นดาวหงส์มาจากโลกอื่น เช่นนั้นเขาก็จะไม่รังแแม่อีก เซิงเอ๋อร์ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวแม่ไปส่งเจ้าออกจากจวน"
พูดจบไป๋ชิงหลิงก็จับมือไป๋ชงเซิงเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
พ่อบ้านของจวนท่านอ๋องแซ่จ้าว ไป๋ชิงหลิงขอให้เขานำทางและส่งไป๋ชงเซิงออกจากจวน
หลังจากที่ส่งไป๋ชงเซิงกลับไปแล้วนางก็กลับไปที่ห้องใหม่ นางล็อคประตูแล้วแอบเข้าไปในห้วงมิติเวลา
ค้นหายาต้านโรคระบาด นางทำการทดลองแล้วก็ทดสอบซ้ำๆ
แต่ยาในห้วงมิติเวลาของนางดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับโรคระบาดนี้
แม้ว่าจะต้านโรคระบาดได้ในเวลาสั้นๆแต่ไม่นานโรคระบาดก็จะฟื้นตัวอีกครั้งและแยกตัวเร็วขึ้น...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...