ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 175

ปรมาจารย์หลูอุทาน"พระชายา ระวัง"

ดวงตาของหรงเยี่ยมืดลง เขากวาดสายตาแล้วจ้องมองไปที่เงาที่กำลังมาอย่างเย็นชา ฝ่ายตรงข้ามกำลังจะกลั่นแกล้งเขา

หรงเยี่ยก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือออกไปจับแขนของเด็กหนุ่มแล้วเหวี่ยงเขาออกไปอย่างรวดเร็ว

"โครม!"

"โอ๊ย!" เด็กหนุ่มล้มลงกับพื้นอย่างแรง

ทันใดนั้นสตรีสูงวัยอายุประมาณแปดสิบปีในฝูงชนก็นั่งหลั่งน้ำตา"หลานชายคนโตของข้า หลานชายคนโตของข้า บ้านเมืองนี้ไม่มีกฎหมายแล้วหรือ โลกใบนี้กำลังจะเกิดความวุ่นวายแล้วใช่ไหม ท่านอ๋องหรงกำลังจะก่อกบฎแล้ว กำลังจะก่อกบฎแล้ว!"

การกระทำของหรงเยี่ยนั้นได้ปลุกเร้าความโกรธของประชาชนขึ้นมา

ไป๋ชิงหลิงก็โกรธมากเช่นกัน"ท่านอ๋องหรง ท่านทำร้ายเด็กได้อย่างไร"

"เขากำลังจะทำร้ายเจ้า"

"ข้ารู้"นางมาเพื่อปลอบขวัญประชาชน ไม่ใช่มาทำให้พวกเขารู้สึกแย่กว่าเดิม

การกระทำของหรงเยี่ยทำให้พวกเขาโกรธ ถ้าหากจะพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขาอีกครั้ง คงจะเป็นเรื่องยาก!

หรงเยี่ยกำมือแน่นและเงยหน้าขึ้นมองนาง"ทำไม กลายเป็นพระชายาฮุ่ยแล้วอยากจะลองเป็นที่สนใจหรือ"

"ท่าน....."ไป๋ชิงหลิงมองเขาด้วยความประหลาดใจ ทำไมดูไปดูมาแล้วเหมือนคนเป็นประสาท

นางตำหนิด้วยความโกรธ"ท่านลงไปเถอะ ไม่ต้องอยู่ที่นี่"

"ได้ ข้าจะไป ข้าเข้าไปยุ่งไม่เข้าเรื่องเอง" หรงเยี่ยฉีกหมวกป้องกันบนหัวของเขาออก โยนมันลงบนพื้นแล้วหันหลังเดินจากไป

กองกำลังทหารองครักษ์เหยี่ยวดำที่เหลืออยู่ก็หยุดการกระทำอย่างรวดเร็ว

เมื่อไป๋ชิงหลิงเห็นเขาเดินออกไปอย่างไม่ลังเล หน้าอกของไป๋ชิงหลิงก็รู้สึกหนักอึ้ง หลังจากนั้นไม่นานทหารองครักษ์เหยี่ยวดำทั้งสิบเก้าคนก็ถอนตัวออกจากลานเหลือเพียงไป๋ชิงหลิงและปรมาจารย์หลูที่ยังอยู่

ชาวบ้านล้อมรอบไป๋ชิงหลิงและปรมาจารย์หลูอย่างรวดเร็ว

ในมือของพวกเขาถือจอบ เคียว และขวานเอาไว้

ล้อมรอบไป๋ชิงหลิงและปรมาจารย์หลูโดยไม่เหลือทางออก

ไป๋ชิงหลิงกลั้นหายใจแล้วพูดว่า"ข้าคือพระชายาฮุ่ย!"

"พวกเราไม่สนว่าเจ้าจะเป็นพระชายาอะไร ถ้าเจ้าอยากจะเผาศพแม่ของข้า เช่นนั้นก็เผาข้าทั้งเป็นก่อน"

"ใช่ เผาศพคือการทำบาป ข้าไม่อนุญาต"

"ไฟแค่นั้น คิดจะเผาหมู่บ้านเส้าหยางของพวกเรา ยังไงพวกเจ้าก็ไม่มีทางทำสำเร็จหรอก"

ไป๋ชิงหลิงยังไม่ทันได้พูดโน้มน้าว อารมณ์ของชาวบ้านก็รุนแรงขึ้นอีกครั้งและน้ำเสียงก็หนักแน่นมาก

ปรมาจารย์หลูตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เขาเหลือบมองไปที่ไป๋ชิงหลิงแล้วพูดว่า"พระชายา ในสถานการณ์เช่นนี้ข้าเกรงว่าเราจะเผาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นข้าเกรงว่าผู้คนจะตาย"

ไป๋ชิงหลิงชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชา

ภารกิจของปรมาจารย์หลูนั้นไม่ใช่มาเพื่อช่วยนางเผาศพ แต่เป็นการจับตาดูนาง

เมื่อใดที่นางทำเรื่องที่จะเป็นอันตรายต่อชื่อเสียงของท่านอ๋องฮุ่ยปรมาจารย์หลูก็จะหยุดมันได้ทันเวลา เพื่อไม่ให้ท่านอ๋องฮุ่ยเสียชื่อเสียง

ไป๋ชิงหลิงไม่เพียงแต่แบกรับชีวิตของผู้คนหลายร้อยคนในหมู่บ้านเส้าหยางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตของหมอหลวงทั้งหมดในสำนักหมอหลวงด้วย

ถ้านางทำอะไรอย่างบุ่มบ่าม ท่านอ๋องฮุ่ย.....ก็จะฆ่าหมอหลวงพวกนั้น

นางไม่ใช่คนมีเมตตา แต่นางถามใจตัวเองดู นางไม่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์

นางไม่สนใจปรมาจารย์หลูและพูดกับชาวบ้านว่า"วันนี้พวกเราจะไม่เผาศพ แต่ข้ามีคำขอ!"

เมื่อทุกคนได้ยินว่าศพจะไม่ถูกเผา อารมณ์ของพวกเขาก็สงบลงเล็กน้อย

มีคนถามว่า"พระชายาฮุ่ย นอกจากเผาศพแล้ว ท่านจะขออะไรก็ได้"

"ใช่ ตราบใดที่ภรรยาและลูกของข้าไม่ถูกเผา พวกเรายินดีทำทุกอย่างให้พระชายาฮุ่ย”

เมื่อปรมาจารย์หลูได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของเขาก็ดีขึ้น

ไป๋ชิงหลิงพูดว่า"เด็กที่หายไปก่อนหน้านี้เป็นเด็กของครอบครัวใด"

"เป็นของครอบครัวที่นามสกุลจ้าว แต่ครอบครัวนั้นตายหมดแล้วและถูกฝังไว้ที่ภูเขาด้านหลัง"ผู้หญิงคนหนึ่งยกนิ้วขึ้นแล้วชี้ไปทางภูเขาด้านหลัง

ไป๋ชิงหลิงพยักหน้าแล้วพูดว่า"เอาล่ะ ถ้าใครในกลุ่มพวกเจ้าได้รับความเดือดร้อนจากโรคระบาด ตามข้าไปที่ภูเขาด้านหลังและขุดศพของครอบครัวจ้าวออกมา!"

เมื่อทุกคนได้ยินก็อุทานออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

แม้ว่ามันจะไม่ใช่การขุดหลุมฝังศพของตัวเอง แต่การขุดหลุมฝังศพของผู้อื่นก็ดูจะผิดศีลธรรมอยู่ไม่น้อย

"พระชายาฮุ่ย ครอบครัวจ้าวตอนมีชีวิตอยู่พวกเขาเป็นคนที่ดีมาก การขุดศพของพวกเขาจะไม่ผิดศีลธรรมเกินไปหรือ"

"ใช่ พวกเราจะไม่ทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมเช่นนั้น"

โรคระบาดอยู่ข้างหน้าแต่พวกเขากลับกลัวเรื่องที่จะทำผิดศีลธรรม คนต่อไปที่ต้องตายก็คือพวกเขาเอง ทุกคนไม่ช่วย

ชีวิตตนเอง

"จักรพรรดิไม่ได้ส่งหมอหลวงมาที่หมู่บ้านเส้าหยางเพื่อรักษาพวกเราหรือ เหตุใดถึงต้องเผาศพและขุดศพขึ้นมา"

"จักรพรรดิจะละทิ้งหมู่บ้านเส้าหยางของเราแล้วใช่หรือไม่"

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา บางคนก็เริ่มตื่นตระหนกอีกครั้ง

เมื่อเห็นแบบนี้ไป๋ชิงหลิงก็ตะโกนด้วยใบหน้าที่จริงจัง"อย่าคิดเหลวไหล การที่จักรพรรดิส่งท่านอ๋องฮุ่ยและท่านอ๋องหรงมาที่นี่ก่อนพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาให้ความสำคัญกับโรคระบาดนี้มาก ข้าต้องการศพของครอบครัวจ้าวไม่ใช่เพื่อทำความชั่วเลย พวกเจ้าแค่รับผิดชอบพาข้าไปที่ภูเขาด้านหลัง ข้าจะขุดมันเอง หากมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นก็ให้มันตกอยู่ที่ข้าเอง ข้าจะรับมันไว้แต่เพียงผู้เดียว"

เสียงของนางดังก้องชัดเจนในหูของทุกคน

ทำให้ผู้คนต้องยอมสยบในความน่าเกรงขามของผู้หญิงคนนี้

แต่ก็ยังไม่มีใครยอมพานางไปที่ภูเขาด้านหลัง

มีคนยืนขึ้นและชี้ทางให้ไป๋ชิงหลิง"พระชายาฮุ่ย หลุมฝังศพใหม่เจ็ดหลุมที่ภูเขาด้านหลังเป็นของครอบครัวจ้าว และหลุมฝังศพเล็กๆทางขวาสุดเป็นของลูกชายคนเล็กของครอบครัวจ้าวที่หายตัวไป หาง่ายมาก"

"ดี เอาจอบมาให้ข้า"ไป๋ชิงหลิงเดินไปหาเด็กหนุ่มที่กำลังจะฉีกนางเป็นชิ้นๆในตอนนั้น

อารมณ์ของเด็กหนุ่มสงบลงแล้ว เมื่อเขาเห็นไป๋ชิงหลิงใกล้เข้ามา เขาก็หน้าแดงเล็กน้อยและส่งจอบในมือให้นาง

ไป่ชิงหลิงรับจอบมาแล้วหันไปมองปรมาจารย์หลู

ปรมาจารย์หลูไม่เต็มใจที่จะทำงานหนักแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบกุมมือของตนเองแล้วพูดว่า"ข้าจะกลับไปขอให้คนมาช่วย"

"ไม่จำเป็น ยิ่งมีคนเข้าไปใกล้ศพน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น"ไป๋ชิงหลิงจ้องมองที่ปรมาจารย์หลูอย่างเหยียดหยาม

การทำนายนั้นยอดเยี่ยม แต่คนทำนายกลับไม่มีอะไรดี ปรมาจารย์แบบนี้จะไปได้ไกลสักแค่ไหนกันเชียว?

ความอยากรู้อยากเห็นของนางที่มีต่อปรมาจารย์หลูหายไป และในขณะที่นางหันกลับมา ดวงตาของนางก็ปรากฏเจตนาฆ่าอันแรงกล้า.....

ปรมาจารย์แบบนี้ หายนะของประเทศ!

เก็บไว้ไม่ได้!

ในขณะที่ไป๋ชิงหลิงกำลังไปที่ภูเขาด้านหลัง

อิงอู๋ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนจากไปอย่างเงียบๆแล้วกลับไปอยู่ที่ข้างกายของหรงเยี่ย

บอกหรงเยี่ยถึงสิ่งที่เขาเห็นทีละอย่าง"ตอนนี้แม่นางไป๋ไปที่ภูเขาด้านหลังของหมู่บ้านเส้าหยางเพียงคนเดียว และเตรียมที่จะขุดกระดูกศพของครอบครัวจ้าวด้วยตัวเอง"

"เจ้าคนงี่เง่าคนนี้"ใบหน้าของหรงเยี่ยเย็นชา แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความกังวล เขาเงยหน้าขึ้นและชำเลืองมองไปยังกองกำลังทหารองครักษ์เหยี่ยวดำที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าเขาแล้วพูดว่า "ไปที่ภูเขาด้านหลัง"

"ขอรับ!"

ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำมุ่งหน้าไปที่ภูเขาด้านหลังอย่างรวดเร็ว

หรงเยี่ยยืนอยู่กับที่สักพัก จากนั้นเขาหันหลังกลับแล้ววิ่งไปที่ภูเขาด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ดินของหลุมฝังศพที่ใหม่นั้นยังไม่แน่นและง่ายต่อการขุด ไป๋ชิงหลิงเริ่มขุดจากหลุมฝังศพขนาดเล็ก

มีเสียงลมจากด้านหลัง บางครั้งก็มีลมเย็นพัดผ่านมาที่รอบคอของนางทำให้นางรู้สึกเย็นที่หลัง และนางก็หันไปมองโดยไม่รู้ตัว

ฝั่งตรงข้ามของป่ามีเงาสีขาว คนนั้นมีผมยาวดำเหมือนสีน้ำหมึกและยืนอยู่ด้วยใบหน้าที่เย็นชา

เมื่อไป๋ชิงหลิงเห็นเงานั้นนางก็ผงะ และจอบในมือของนางก็หล่นลงทันที

ไป๋ชิงหลิงไม่รู้ตัวจนกระทั่งเห็นเงานั่นชัดเจน เขาคือหรงเยี่ย!

"เจ้า...." นางกัดฟันพูดอย่างโกรธเคือง"เจ้ายืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น เจ้าทำให้ข้าตกใจแทบแย่"

แสงในดวงตาของเขากะพริบสองสามครั้ง จากนั้นเขาก็ก้าวไปหานาง

ในเวลานี้ไป๋ชิงหลิงก้มลงหยิบจอบที่พื้น แต่เมื่อนางหยิบจอบขึ้นมา มือของหรงเยี่ยก็วางลงบนหลังมือของนางอย่างรวดเร็ว...

แล้วจับไว้แน่นๆ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น