ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 176

สรุปบท บทที่ 176 หรงเยี่ยและไป๋ชิงหลิงกับการอยู่ร่วมกันในถ้ำ: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

บทที่ 176 หรงเยี่ยและไป๋ชิงหลิงกับการอยู่ร่วมกันในถ้ำ – ตอนที่ต้องอ่านของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น

ตอนนี้ของ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเกิดใหม่ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 176 หรงเยี่ยและไป๋ชิงหลิงกับการอยู่ร่วมกันในถ้ำ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

จอบในมือของไป๋ชิงหลิงก็ตกลงพื้นอีกครั้ง

นางรีบชักมือตนเองออกมาจากหรงเยี่ยพร้อมก้าวถอยหลังและพูดว่า "ท่านอ๋อง ได้โปรดสำรวมหน่อยเจ้าค่ะ"

หรงเยี่ยปรากฏแววตาที่ดูมีเล่ห์เหลี่ยม ไม่สนใจการกระทำใด ๆ ของนาง เขารีบวิ่งเข้าไปโอบเอวของนาง และกระโดดบินออกไปจากที่แห่งนี้

ไป๋ชิงหลิงดูตกใจและงงกับสถานการณ์ดังกล่าว

เสียงของหรงเยี่ยดังมาจากข้างหูว่า "ไปกับข้า"

เมื่อลงมาสู่พื้น ก็พบว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่หลังเขาแล้ว

ทั้งสี่ทิศถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพง มีป่าที่เขียวขจีและส่งกลิ่นหอมอยู่ด้านหลัง และด้านซ้ายของนางก็ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่ง

หรงเยี่ยพานางเดินเข้าไปในถ้ำนั้น ทั้งกอดและหอมนางย่างหนักหน่วง

จูบของท่านอ๋องทำให้นางเกิดความวุ่นวายภายในใจ และรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

ถ้าเกิดคนของท่านฮุ่ยอ๋องมาเห็นพวกเขามาพลอดรักกันที่นี่ เกรงว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่จักรพรรดิเหยาอยากเห็น

นางพยายามดิ้นออกอย่างสุดกำลัง หรงเยี่ยกลับบรรเลงจูบที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม

ทำเอานางเกือบขาดอากาศหายใจ จนกระทั่งนางอึดอัดจนหน้าแดงก่ำ ท่านอ๋องถึงยอมปล่อยตัวนางออก

เขาประคองท้ายทอยของนางด้วยมือใหญ่ ๆ ของเขาและสายตาก็เลื่อนไปเห็นที่คอของไป๋ชิงหลิง และก็เห็นรอยรัดที่คอของนาง

"เขาทำกับเจ้าป่าเถื่อนขนาดนี้เลยหรือ"

"เขาไม่ฆ่าข้าหรอก" นางโผลงเข้ากอดหรงเยี่ยแล้วพูดเสียงเบา ๆ

หรงเยี่ยกล่าวด้วยอารมณ์อยากฆ่า "ข้าจะทำให้มันเป็นเยี่ยงสุนัขที่คอยรับใช้เจ้า"

"ท่านอย่าผลีผลามไปเลยเจ้าค่ะ ให้เวลาข้าได้สืบหาที่อยู่ของพวกเด็ก ๆ เหล่านั้น ข้ายอมที่จะเผชิญกับความอัปยศเพื่อภารกิจครั้งนี้......ข้าจะไม่ให้มันตายอย่างสบายขนาดนั้นหรอก" พูดจบไป๋ชิงหลิงใช้มือทั้งสองข้างค่อย ๆ ดันตัวท่านอ๋องออก "เราทำแบบนี้มันอันตรายเกินไปนะเจ้าคะ ฮุ่ยอ๋องคอยจับตาดูข้าตลอดเวลา ปรมาจารย์หลูคงกลับไปเรียกพวกทหารแล้วล่ะ"

"คนของข้าก็ไม่ได้ไร้ความสามารถขนาดนั้นหรอก" เขาอุ้มนางในท่าเจ้าสาว วางนางลงบนก้อนหินกว้าง ๆ ด้านหลังของเขา ก่อนที่จะขึ้นไปอยู่บนตัวนางและบรรเลงจูบอีกครั้ง

ไป๋ชิงหลิงพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากเขา นางไม่มีทางที่จะร่วมทำแบบนั้นอย่างที่เขาทำได้อย่างสบายใจ

นางใช้มือดันไปที่หน้าอกและหน้าของหรงเยี่ย "หรงเยี่ย ท่านรีบปล่อยข้าไปเถิด บนชุดของข้าเต็มไปด้วยยาพิษ"

"มันแตะต้องตัวเจ้าแล้ว" หรงเยี่ยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ยื่นมือออกไปฉีกชุดของนางออก รวมถึงชุดของตนด้วย

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกไม่สบอารมณ์ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่รู้สึกเสียใจที่ต้องเสียชุดทั้งสองชุดนั้นไป

"ไม่ เขาออกนอกเมืองไปเมื่อคืนนี้ และเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย"

"เมื่อครู่เจ้าพูดว่า เจ้าสามารถตามหาเด็กที่เหลือได้?" หรงเยี่ยนั่งและกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา

ไป๋ชิงหลิงซบลงบนอกของเขาและพยักหน้า "หลายวันมานี่ข้าไปที่ค่ายทหารของเขาและพบโรคระบาดครั้งนี้เป็นแผนการของฮุ่ยอ๋อง ข้าเกรงว่ารายต่อไปจะเป็นฝ่าบาท ข้าว่า......ท่านรีบออกจากไปที่นี่กลับเข้าวังเถิดเจ้าค่ะ"

"ใช่แล้ว!" อยู่ ๆ ไป๋ชิงหลิงก็คิดอะไรบางอย่างออก และรีบเสกยาออกมายื่นให้ท่านอ๋อง "ท่านสัมผัสกับศพเหล่านั้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ติดเชื้อแต่ว่ากันไว้ดีกว่าแก้เจ้าค่ะ ท่านกินยานี่เจ้าค่ะ"

"กลัวว่าข้าจะตายหรือ?" เขามองไปที่ยา ความกระวนกระวายก็หายไปชั่วขณะ

ไป๋ชิงหลิงมองไปที่มืออีกข้างที่หยิบยาเม็ดสีเขียวขึ้นมา แล้วป้อนใส่ไปในปากของท่านอ๋อง "ข้าก็แค่ไม่อยากให้จิ่งหลินกลายเป็นเด็กไม่มีพ่อเจ้าค่ะ"

"ปากไม่ตรงกับใจ!" เขากินยาที่นางป้อนให้แล้วจับที่ข้อมือของนาง เอายาในมืออีกข้างกินเข้าไปด้วยแล้วเคี้ยว!

ไป๋ชิงหลิงมองด้วยความประหลาดใจ "ท่านเคี้ยวมันหรือ?"

ใบหน้าของเขาค่อย ๆ ซีดลง "รู้สึกขมนิดหน่อย"

ไป๋ชิงหลิงมองหน้าเขาที่พยายามเก็บสีหน้า เมื่อนางเห็นยังรู้สึกตลกและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

"ทำไมท่านถึงโง่ได้เช่นนี้ ยาชนิดนี้ไม่สามารถเคี้ยวได้ ต้องกลืนเข้าไปเลย ท่านได้พกกระบอกน้ำมาหรือไม่" นางคลำหาบริเวณเอวของเขา เพื่อที่จะหากระบอกน้ำพกพาของเขา

แต่การกระทำนี้ของนาง ดูเหมือนนางกำลังกอดท่านอ๋องมากกว่า

รสชาติขมที่สัมผัสกับปลายลิ้นอย่างรุนแรง......

และแล้วไป๋ชิงหลิงก็หากระบอกน้ำที่เขาพกติดตัว

"เข้าเรื่องเถิด ข้าต้องการให้ท่านกลับไปที่เมืองหลวง!" ไป๋ชิงหลิงกล่าว

เขากอดที่ตัวของนางอย่างแน่น และจับมือของนางไว้ด้วยมืออีกข้าง "ฮุ่ยอ๋องเป็นคนที่คาดเดาได้ยาก ข้าจะไว้ใจให้เจ้าอยู่กับเขาได้อย่างไร กลับเมืองหลวงไปกับข้าเถิด และหาที่ซ่อนตัวสักพัก"

"ข้ามีวิธีของข้า เขาไม่สามารถที่จะฆ่าข้าได้" นางไตร่ตรองอยู่สักพัก และคิดได้ว่าควรที่จะบอกหรงเยี่ยที่ท่านปรมาจารย์หลูและฮุ่ยอ๋องเคยกล่าวไว้ "ท่านปรมาจารย์หลูเคยบอกกับฮุ่ยอ๋องไว้ว่า ข้าเป็นดาวหงส์ หากใครได้ข้าไปก็ถือว่าจะได้ใต้หล้านี้ด้วย ข้าสามารถช่วยเขาเอาใจคืนให้ผู้คนได้ เขาเคารพและนับถือท่านปรมาจารย์มาก เขาจะไปปรึกษากับท่านหลูในทุกเรื่อง ดังนั้นเขาจึงคิดว่าข้าสามารถช่วยเขาได้เป็นเจ้าของใต้หล้า เพียงเพราะเขาอยากได้ข้าจึงปฏิบัติต่อข้าดีเป็นพิเศษ"

"ทำดี......กับเจ้า!" เสียงของหรงเยี่ยต่ำลง และค่อย ๆ จับมือของนางแน่นขึ้น

ฝ่ามือของไป๋ชิงหลิงสัมผัสได้ถึงความแน่น แต่สักพักหนึ่งความแน่นนั้นก็หายไป

เขาพูดว่า "เจ้าเป็นของข้า"

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้จะทำอย่างไร

วันหนึ่งนางจะได้ออกจากเมืองเฉาจิงแห่งนี้

"ข้าบอกท่านอย่างจริงจัง ข้าไม่สามารถกลับเมืองเฉาจิงไปกับท่านได้ ถ้าเกิดข้าหายตัวไป ฮุ่ยอ๋องจะต้องสงสัยในตัวท่านอย่างเป็นแน่ ฝ่าบาทก็ไม่อยากให้ท่านทำเช่นนี้"

หรงเยี่ยสงบลง แต่ดวงตาของเขากลับคมเช่นใบมีด

ในเมื่อเห็นว่าเขาตระหนักในคำพูดของนางไม่ได้ ไป๋ชิงหลิงก็ถอนหายใจ

"รอเจ้ากลับมาที่เมืองหลวง ข้าจะพาเซิงเอ๋อร์ไปที่จวนอ๋อง" ความสามารถของเซิงเอ๋อร์ในตอนนี้ไม่สามารถเป็นความลับต่อเขาได้อีกต่อไปแล้ว

นางทำได้แค่ลองดูสักครั้ง

ข้าไม่ได้มองหรงเยี่ยผิดไป

ความสามารถของเซิงเอ๋อร์มีมากกว่าที่เขาได้เห็น เพราะว่าที่เป่าลี่ว์มีชีวิตรอดกลับมา แถมยังนำเบาะแสมากมายกลับมาอีก

หรงเยี่ยจับมือนางแน่นขึ้น และประทับริมฝีปากไปที่ศีรษะของนาง "ข้าจะปกป้องลูกของเจ้าเอง"

อยู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกถ้ำ ไป๋ชิงหลิงรู้สึกแอบกังวล และอิงไปที่อกของท่านอ๋อง

เขาแหงนหน้ามองไปที่ปากถ้ำ และพูดปลอบนางว่า "คนของข้าเอง"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น