ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 181

“ไป๋เจาเสวี่ยปล่อยข้า ปลดเชือกเร็วเข้า” เสิ่นโหรวเม่ยส่งเสียงร้องอู้อี้มาจากถุงผ้า การดิ้นรนไปมาของนางนั้นรุนแรงมาก

ไป๋ชิงหลิงเอนกายลงบนเบาะนิ่มโดยไม่สนใจนาง ทั้งยังแอบคิดว่าจะหนีจากเงื้อมมือเสิ่นหรูเหลียนแล้วออกตามหาฮุ่ยหลานหลังจากกลับถึงเมืองหลวงได้อย่างไร

ไม่ทราบว่าจะใช้กู่โลหิตได้หรือไม่

นางฉวยโอกาสจากโรคระบาดฝึกฝนวิชากู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในห้วงมิติเวลา

ไม่ต้องพูดถึงว่านางสามารถควบคุมกู่โลหิตได้อย่างสมบูรณ์ แต่นางยังเชี่ยวชาญขั้นพื้นฐานจนถึงขีดสุดแล้ว

หลังจากกลับไปถึงเมืองเฉาจิง กลับพบว่าประตูเมืองเฉาจิงถูกปิด ผู้พิทักษ์ประตูที่ปิดแน่นล้วนเป็นคนของอ๋องฮุ่ย

เสิ่นหรูเหลียนขอให้เปิดประตูอยู่หลายครั้ง แต่คนบนกำแพงเมืองกลับเพิกเฉย

เสิ่นหรูเหลียนส่งกองกำลังไปตรวจสอบประตูทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศเหนือทั้งสามจุด หลังจากได้ยินคำสั่งของเขา ไป๋ชิงหลิงจึงกล่าวว่า “แม่ทัพเสิ่นอย่าพยายามโดยเปล่าประโยชน์ คนของอ๋องฮุ่ยเข้าควบคุมเมืองเฉาจิงแล้ว”

เสิ่นหรูเหลียนเดินเข้ามายืนพิงหน้าต่าง “พระชายาฮุ่ยท่านรู้ได้อย่างไรว่าอ๋องฮุ่ยกำลังจะก่อกบฏ ท่านรู้สิ่งใดอีกหรือไม่ ช่วยชี้แนะข้าด้วย”

ไป่ชิงหลิงเงียบไป

เสิ่นหรูเหลียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเริ่มรู้สึกกังวล ก่อนจะเรียกนางอีกครั้ง “พระชายาฮุ่ย”

“แม่ทัพเสิ่นท่านช่วยแก้มัดให้ข้าได้ไหม บางทีข้าอาจหาทางพาท่านเข้าเมืองได้” ไป๋ชิงหลิงกล่าว

เมื่อเสิ่นโหรวเม่ยที่ในถุงผ้าได้ยิน นางรีบเอ่ยขัดทันที “ท่านแก้มัดนางไม่ได้ นางจะหนีไปเรียกอ๋องฮุ่ยมาสังหารท่าน ต้องมีเล่ห์เพทุบายบางอย่างแน่”

เสิ่นหรูเหลียนหายใจเข้าลึกๆ แล้วกระโดดเข้ามาในรถม้าโดยไม่ลังเล เขาหยิบกริชที่เคยมอบให้เสิ่นโหรวเม่ยขึ้นมาตัดเชือกที่มือและเท้าของนางออก

ไป๋ชิงหลิงสอดมือเข้าไปในแขนเสื้อ ใช้ความคิดนำขลุ่ยออกมาจากห้วงมิติเวลา แล้วมองไปเสิ่นหรูเหลียน “ขอบคุณแม่ทัพเสิ่นมอบความไว้วางใจ”

“ท่านจะทำอะไร?”

ไป่ชิงหลิงมองขลุ่ยแล้วพูดว่า “ลองดู”

“ใช้ขลุ่ย?” เสิ่นหรูเหลียนขมวดคิ้วอีกครั้ง

ขลุ่ยจะเปิดประตูเมืองได้อย่างไร

แม้เสิ่นหรูเหลียนจะคิดว่ามันไร้สาระ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของนาง

เขาไม่เคยดูถูกใคร ไม่ว่าจะเป็นชายหญิง เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่

หญิงที่อยู่ตรงหน้าดูฉลาดและสุขุมมาก นางรู้ว่าอ๋องฮุ่ยกำลังวางแผนก่อกบฏ นางไม่เพียงไม่ช่วยเขาเท่านั้น แต่นางกลับพยายามช่วยจักรพรรดิ

หากการที่นางมาหาเขาเป็นเพียงอุบายบทหนึ่ง เช่นนั้นนางก็ต้องตายเช่นกัน ไม่มีใครหนีจากเงื้อมมือเสิ่นหรูเหลียนได้ โดยเฉพาะคนทรยศ

เขารู้สึกว่าถ้านางจะทำกำไรจริงๆ จะไม่มีวันยอมสละชีวิตตน เมื่ออ๋องฮุ่ยทำสำเร็จ นางจะได้เป็นฮองเฮา!

“ข้าทำได้แค่ลอง เพราะข้าก็เหมือนกับคนทั่วไป ไม่สามารถติดต่อคนของตนเองได้ และไม่รู้ว่าพวกเขาทำสำเร็จหรือไม่”

“อืม!” เสิ่นหรูเหลียนจ้องมองขลุ่ยในมือด้วยดวงตาลุกเป็นไฟ

เมื่อเห็นไป่ชิงหลิงยกขลุ่ยหยกแนบปาก เสียงประหลาดก็ค่อยๆ ดังขึ้น เสียงนี้ลอยอยู่ในอากาศออกจากรถม้าไป

ท่วงทำนองมีขึ้นมีลง ไม่อาจบอกว่าไพเราะ แต่จะบอกว่าน่าเกลียดก็ไม่ได้

อาจกล่าวได้ว่าเป็นเสียงที่สามารถรบกวนจิตใจผู้คนได้มากกว่า

ไป่ชิงหลิงหลับตา ตั้งสมาธิกับการบรรเลงบทเพลง

แต่เพลงเพิ่งเริ่มต้น ดูเหมือนจะมีเสียงเกือกม้ามาจากม้านับพัน

ไป่ชิงหลิงลืมตาขึ้นในทันที ได้ยินเสียงตะโกนอย่างเย็นชาจากข้างนอก “อ๋องหรงคิดก่อกบฏ รีบควบคุมทหารม้าเกราะเงินไว้เร็วเข้า อย่าให้ใครหนีไปได้”

เสิ่นหรูเหลียนได้ยินเสียงตะโกนจากด้านนอกจึงเปิดม่านออกทันที

นายกองเฉิงแห่งเฉาจิงพร้อมเหล่าทหารกว่าห้าหมื่นนายเข้าล้อบกองทหารม้าเกราะเงินหนึ่งหมื่นนายของพวกเขาทันที

ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา “เสิ่นหรูเหลียนท่านกล้ากบฏร่วมกับอ๋องหรง จงส่งตัวพระชายาฮุ่ยมาเร็ว”

หลังจบประโยคนี้ ร่างของไป่ชิงหลิงก็สั่นอย่างรุนแรง

เข้าใจแล้ว!!

ทันใดนั้นเสิ่นหรูเหลียนหันไปมองไป๋ชิงหลิงอย่างเย็นชา กริชในมือแตะคอนางอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่เขาเอื้อมมือมาคว้าแขนนางไว้

ในเวลาเดียวกันไป๋ชิงหลิงก็เก็บขลุ่ยเข้าไปในห้วงมิติเวลาในทันที

ขลุ่ยอาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่นางจะช่วยชีวิตนางได้

ยามเสิ่นหรูเหลียนวางกริชไว้บนคอนาง เขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ท่านกล้าดีอย่างไรมาโกหกข้า”

ไป่ชิงหลิงยิ้มอย่างมีเลศนัย ในยามนี้นางไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้แล้ว

“แม่ทัพเสิ่นข้าต้องเข้าไปในเมืองก่อน”

“ท่านคิดว่าท่านจะยังมีมีชีวิตรอดกลับไปอีกหรือ” นายกองเฉิงกล่าวว่าอ๋องหรงสมรู้ร่วมคิดกับเขา และขอให้เขาจับพระชายาฮุ่ยมา เรื่องนี้พิสูจน์ได้ ความทะเยอทะยานที่ดุร้ายของอ๋องฮุ่ยนั้นทำให้พระองค์ต้องการกล่าวหาว่าอ๋องหรงเป็นกบฏ นั่นคือเป้าหมายของเขา

ชีวิตของเขาเป็นของจักรพรรดิเหยา

เนื่องจากมีคนคิดก่อกบฏ คนผู้นั้นคืออ๋องฮุ่ย

เช่นนั้นพระชายาฮุ่ย...

โดยธรรมชาติแล้วเสิ่นหรูเหลียนย่อมไม่ปรานีนาง

เขามั่นใจว่าเป็นพระชายาฮุ่ยเป็นผู้นำเขามาที่นี่พร้อมกับทหารม้าเกราะเงินหนึ่งหมื่นนาย เพื่อนำมาสังหารทั้งหมด

ไป๋ชิงหลิงรู้ดีเช่นกันว่าตนเองอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“แม่ทัพเสิ่นท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อข้า แต่ยามนี้มีเพียงข้าที่สามารถเข้าไปในเมืองได้ อีกทั้งเด็กของข้ายังอยู่ในเมือง”

“อย่าแม้แต่จะคิด”

“ท่านเองก็อยากเข้าเมืองเหมือนกันใช่ไหม อยากทราบว่าในยามนี้จักรพรรดิทรงเป็นอย่างไร เรากำลังเสียเวลาไปเปล่า เช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร” ไป่ชิงหลิงพูดอย่างกังวลใจ

เสียงคำสั่งของนายกองเฉิงดังมาจากด้านนอก “กองทัพทหารม้าเกราะเงิน ตราบใดที่พวกเจ้ายอมจำนน ข้าสามารถละเว้นโทษตายให้ได้ และรวมพวกเจ้าเข้ากับกองทัพทหารม้าเหล็กของข้า แม่ทัพเสิ่นของพวกเจ้ากำลังจะสิ้นแล้ว”

“บ้าเอ๊ย!” เสิ่นหรูเหลียนสบถเสียงต่ำ จากนั้นจึงผลักไป๋ชิงหลิงออกจากรถม้าอย่างแรง

นายกองเฉิงชำเลืองมองไป่ชิงหลิง เขาหรี่ตาลง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสง่างาม “แม่ทัพเสิ่น จงปล่อยพระชายาฮุ่ย หรือไม่ก็ยอมจำนนเสีย หลังจากอ๋องฮุ่ยกำจัดกบฏอ๋องหรงลงแล้ว ข้าจะขอให้องค์จักรพรรดิทรงนึกถึงผลงานเก่าก่อนของท่าน”

“ชีวิตนี้ข้าภักดีต่อตระกูลหรงเท่านั้น ไม่ว่าอ๋องหรงจะก่อกบฏหรือไม่ หรือเป็นอ๋องฮุ่ยที่กำลังจะก่อกบฏ ข้ารู้ดีว่าเจ้าอยากได้ตัวหญิงผู้นี้ เช่นนั้นก็ส่งเป็นศพกลับไปให้อ๋องฮุ่ยเถิด” ทันใดนั้นเสิ่นหรูเหลียนก็ยกกริชในมือขึ้น แทงอกไป๋ชิงหลิง

ในขณะเดียวกันก็มีลูกธนูแหลมคมพุ่งออกมาจากป่า

ยิงเข้าใส่เสิ่นหรูเหลียนอย่างมั่นคง

ไป่ชิงหลิงหายใจเข้าลึกๆ ใช้ร่างเล็กของนางกระแทกอกเสิ่นหรูเหลียนอย่างแรงโดยไม่สนใจอะไรมาก

เมื่อเห็นกริชกำลังร่วงหล่น ไป่ชิงหลิงก็จับมันด้วยมือเปล่า

เกิดเสียงดัง “โครม”

เสิ่นหรูเหลียนไม่ทันตั้งตัว ไป๋ชิงหลิงก็กระเด็นออกจากรถม้าไปแล้ว ไป๋ชิงหลิงที่ถูกเขาควบคุมไว้ก็ล้มลงไปกับเขาด้วยเช่นกัน

หลังไป๋ชิงหลิงกดทับหน้าอกเขา มือที่ถือกริชมีรอยถลอก เลือดไหลหยดลงมาจากระหว่างฝ่ามือ เลือดกระเซ็นรดบนศีรษะและใบหน้าของทั้งสอง

ลูกธนูที่ยิงมาจากด้านหลังก็พุ่งใส่รถม้าเช่นกัน

เสิ่นหรูเหลียนหันไปมองลูกธนู รูม่านตาเขาหดตัวสองสามครั้ง

หากไม่ใช่เพราะนาง ลูกธนูนี้คงแทงทะลุหัวใจเขาโดยตรง

ในยามนี้เสิ่นหรูเหลียนรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาเบาลง

ไป่ชิงหลิงกลิ้งตัวออกจากร่างเขา ยามเขาหันมองนางก็เห็นว่ามือนางเต็มไปด้วยเลือด

เสิ่นหรูเหลียนรีบลุกขึ้นยืน จากนั้น...

คนของนายกองเฉิงก็เข้าโอบล้อมรอบเขาอย่างรวดเร็ว กระบี่ยาวของพวกเขาวางพาดร่างเสิ่นหรูเหลียน

ไป่ชิงหลิงสั่งการ “ห้ามสังหารเขา”

นายกองเฉิงลงจากหลังม้า แล้วเดินเข้าหาไป่ชิงหลิงอย่างรวดเร็ว “พระชายาฮุ่ย คนผู้นี้ภักดีเกินไป ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บเขาไว้”

“ความภักดีไม่ใช่เรื่องดีหรือ ภักดีนั้นถือว่าดี ข้าต้องการเก็บเขาไว้ หากใครในพวกเจ้ากล้าสังหารเขา เช่นนั้นก็จงสังหารข้าก่อน” จู่ๆ ไป่ชิงหลิงก็กระโดดลงจากร่างเสิ่นหรูเหลียน ชักกระบี่ออกมา แล้ววางพาดคอตนเอง...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น