ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 185

“ฝ่าบาท…….”

“ฮองเฮาอู่นี่คือราชโองการ”

ฮองเฮาอู่อยากจะหยุดนาง แต่ไทเฮาเข้ามาขัดจังหวะ

หลวนอี๋เดินเข้าไปดึงฮองเฮาอู่ออกมา

ช่วงเวลาสำคัญนี้หากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเต๋อเฟยเพราะคำพูดของฮองเฮาอู่ ตระกูลอู่ต้องจบสิ้นแล้ว

ซึ่งความผิดฐานทำร้ายองค์ชายถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง

ไป๋ชิงหลิงมองหลวนอี๋แล้วหันกลับมา นางให้พวกเขาออกจากห้องโถงไปอยู่ด้านนอกชั่วคราว

นางกำนัลในเรือนชิงซินล้วนเป็นหรงเยี่ยที่พามา จากนั้นเขาก็คัดเลือกหมอหญิงให้อยู่เคียงข้างเต๋อเฟย แล้วทิ้งคนสนิทของตนไว้

เมื่อเป็นเช่นนี้ไป๋ชิงหลิงจึงสามารถดึงเครื่องมือออกมาได้

“ลี่ว์อีฆ่าเชื้อบริเวณโดยรอบให้ดี”

“ชิงอียืนเฝ้าทางเข้า อย่าให้ใครบุกเข้ามา”

“จื่ออีอยู่ช่วยข้า”

นางบอกให้ลี่ว์อีและจื่ออีสวมชุดปลอดเชื้อแล้วช่วยนางจากด้านข้าง

หลังจากให้ยาชาแก่เต๋อเฟย เต๋อเฟยก็รู้สึกตัว

นางลืมตาขึ้นเห็นคนสามคนสวมชุดแปลกๆ นางจึงตกใจ

ไป๋ชิงหลิงรีบปลอบนาง “เต๋ยเฟย ข้าคือไป๋ชิงหลิง หมอหลวงหญิงแห่งองค์ไทเฮา ไม่ต้องกลัว”

“เจ้า......เจ้าคือหมอหญิงไป๋!” เสียงเต๋อเฟยสั่นเทา

“บุตรในครรภ์เต๋อเฟยอยู่ในตำแหน่งผิดปกติจึงคลอดยาก เด็กสามคนในครรภ์ครบกำหนดแล้ว โอกาสรอดหลังประสูติจึงมีมาก”

เต๋อเฟยคว้าชุดไป่ชิงหลิงอย่างมีอารมณ์ “เจ้าต้องช่วยลูกข้า”

“อย่ากังวล พวกเขาจะปลอดภัย” เมื่อเต๋อเฟยได้ยินเช่นนี้ ด้วยฤทธิ์ยาชา เต๋อเฟยค่อยๆ สงบลง

ไป๋ชิงหลิงให้ยาสลบแก่เต๋อเฟยเพื่อไม่ให้นางหวาดกลัวเกินไป

หลังเต๋อเฟยหลับสนิท จื่ออีก็ยื่นมีดผ่าตัดให้ไป๋ชิงหลิง

หลังจากนางหยิบมีดผ่าตัดคมกริบขึ้นมา นางเริ่มผ่าท้องเต๋อเฟย จื่ออีใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำเช็ดเลือดที่ไหลออกมาทันที เพื่อดูแลบาดแผลให้สะอาด……

ยามไป๋ชิงหลิงทำการผ่าตัดเต๋อเฟย ผู้ที่ยังคงอยู่ในห้องโถงอีกห้อง แต่ละคนล้วนมีเจตนามิดีมิร้ายแฝงอยู่

แน่นอนว่าสำหรับนางสนมแห่งวังหลังนี่คือคนแรกที่คลอดด้วยการผ่าตัด สำหรับจักรพรรดิเหยามันเป็นความทรมาน

ทุกคนที่มาจากวังหลวงล้วนเดินไปมาอย่างกระสับกระส่าย

ไทเฮาประทับอยู่บนแท่นหิน ในใจนางไม่ได้ดีไปกว่าจักรพรรดิเหยาเลย สายตานางจ้องไปยังทิศทางของเต๋อเฟยพร้อมหายใจเข้าลึกๆ

ในเวลานี้ตรงทางเข้า มีคนสองคนและแมวตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

นั่นคือฮุ่ยหลานและอิงซา!

จักรพรรดิเหยาหยุดมองคนทั้งสอง

ทั้งสองคุกเข่าลง ก่อนที่อิงซาจะรายงาน “ทูลฝ่าบาท อ๋องหรง แผนกู่โลหิตสำเร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิเหยาขมวดคิ้วมองอ๋องหรง “แผนกู่โลหิตคืออะไร?”

ฮุ่ยหลานรายงาน “กู่โลหิตเป็นพิษไร้สีไร้กลิ่นที่ควบคุมจิตใจผู้อื่นได้ เลือดกู่หนึ่งหยดสามารถปลูกกู่ในร่างมนุษย์ได้ ยามเสียงขลุ่ยดังขึ้น เหยื่อสามารถถูกผู้อื่นควบคุมได้”

“น่าทึ่งมาก” ดวงเนตรของจักรพรรดิเหยาเป็นประกายราวกับเห็นความหวัง

อ๋องหรงเดินเข้ามาพูดว่า “เสด็จพ่อ โปรดถอดชุดคลุมมังกรออกก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

“เยี่ยเอ๋อร์เจ้าบังอาจนัก” ฮองเฮาอู่เข้ามาหยุดอีกครั้ง

คราวนี้ หลวนอี๋พูดอย่างหงุดหงิด “เสด็จแม่ ท่านต้องเชื่อใจพี่เจ็ด”

“เจ้าจะรู้อะไร พี่เจ็ดของเจ้าเอาชุดคลุมมังกรของเสด็จพ่อไป หากคนอื่นมาเห็นเข้า......”

จักรพรรดิเหยาถอดชุดคลุมมังกรออกโดยไม่ตรัสสิ่งใด

ฮองเฮาอู่ตกตะลึงอยู่ครู่นึง จิตใจของนางสนมคนอื่นๆ ล้วนหดหู่ต่างลอบทำหน้าหงิก

ฝ่าบาทไม่ตำหนิเขาด้วยซ้ำ เพียงถอดชุดคลุมมังกรออกและมอบให้พี่เจ็ด นี่มันเรื่องอะไรกัน?

ทั้งองค์ชายแหละเหล่าสนมล้วนมีเจตนาร้าย

“รีบกำจัดกบฏอ๋องฮุ่ย” จักรพรรดิเหยาตรัสด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ

หรงเยี่ยกล่าวว่า “องครักษ์อินทรีทั้งเจ็ดอยู่ก่อน ที่เหลือตามข้าไป”

ทั้งเจ็ดตอบพร้อมเพรียงกัน หรงเยี่ยนำกลุ่มองครักษ์อินทรีดำที่เหลือออกจากจุดนี้ไป

ในเวลาเดียวกัน ชิงอีอุ้มทารกหญิงเดินออกจากทางเดิน “เต๋อเฟยคลอดแล้วเพคะ”

ไทเฮาทรงลุงขึ้นจากแท่นหินอย่างรวดเร็ว แม่นมอวี่อันรีบพยุงพระนางพร้อมเตือนด้วยเสียงแผ่วเบา “ไทเฮาช้าๆ นะเพคะ”

จักรพรรดิเหยาเดินเข้าไปรับทารกหญิงจากมือชิงอี หลวนอี๋โห้ร้องนำหน้าจักรพรรดิเหยา “ข้ามีน้องสาวแล้ว”

“ให้ข้าดูองค์หญิงน้อยเร็วเข้า”

จักรพรรดิเหยาหันกลับมา อุ้มองค์หญิงตัวน้อยขึ้นต่อหน้าไทเฮา

ดวงเนตรไทเฮาเปียกชื้นเล็กน้อย พระนางตรัสด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “สาวน้อยได้รับพร โชคดีที่เจอหมอไป๋ นางเหมือนเต๋อเฟยจริงๆ”

“เสด็จแม่ หน้านางเหี่ยวย่น ท่านรู้ได้อย่างไรว่านางหน้าเหมือนใคร!” ท่าทีของจักรพรรดิเหยาที่ตึงเครียดมาตลอดทั้งคืน เต็มไปด้วยความยินดีปรีดา พระพักตร์แลดูนุ่มนวลขึ้นมาก

เหล่านางสนมต่างมุงดูองค์หญิงน้อยเพื่อเอาใจจักรพรรดิเหยา พวกนางต่างชื่นชมว่าเจ้าหญิงน้อยว่านอนสอนง่ายเพียงใด

จักรพรรดิเหยาทรงอารมณ์ดี

หลังจากนั้นไม่นาน ชิงอีก็อุ้มเด็กอีกคนออกมา

คราวนี้เป็นทารกชาย

เมื่อนางสนมได้ยินว่ามีทารกชาย พวกนางก็ไม่พอใจเล็กน้อย แต่ไม่มีใครกล้าแสดงออก

จักรพรรดิเหยาอุ้มทารกไว้ในมือข้างหนึ่ง พระองค์ไม่อาจกลั้นยิ้มได้

พระองค์พระชนมายุเกือบห้าสิบปีแล้ว มีโอรสชายหญิงคู่หนึ่ง ในสายตาของพระองค์บุตรของเต๋อเฟยถือเป็นจุดกำเนิดของดาวนำโชค

อย่างไรก็ตาม บุตรคนสุดท้ายยังไม่ออกมา

จักรพรรดิเหยาอดไม่ได้ที่จะถามอย่างเป็นห่วง “ไปถามสิ ยังมีบุตรอีกคนไม่ใช่หรือ?”

“ฝ่าบาท ในยามนี้นับว่าเป็นโชคดีที่หมอไป๋สามารถช่วยชีวิตบุตรทั้งสองของนางได้” ดวงเนตรไทเฮาหรี่ตาลงเล็กน้อย รอยแย้มสรวลค่อยๆ เผยขึ้นบนใบหน้าพร้อมคำพูดที่ตรัสออกมาอย่างจริงจัง

จักรพรรดิเหยาชำเลืองมอง พระองค์เข้าใจดำรัสของไทเฮา

นางไม่อยากให้เขารุนแรงเกินไป

“ได้ ครั้งนี้หมอไป๋สร้างคุณงามความดีอีกครั้ง ช่วยรักษาสายเลือดราชวงศ์สองสายไว้ได้” ยามจักรพรรดิเหยาทอดพระเนตรทารกในอ้อมแขน ดวงเนตรมีแววอ่อนโยนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ยามนี้เองที่ชิงอีอุ้มทารกคนสุดท้ายออกมา

ยามจักรพรรดิเหยารู้ว่าเป็นองค์หญิ่งน้อยอีกคนหนึ่ง พระพักต์เหี่ยวย่นก็เต่งตึงขึ้นทันที

พระองค์มีโอรสหลายคน แต่มีองค์หญิงเพียงสองคนเท่านั้น

คนหนึ่งคือหลวนอี๋ที่เกิดจากฮองเฮาอู่ อีกคนเกิดจากหลวนซวงที่เกิดจากสนมซั่ว

หากมีเจ้าหญิงมากกว่าสองคน จักรพรรดิเหยาก็จะชอบเช่นกัน

พระองค์เพียงเหลือบมององค์ชายน้อย ทรงอุ้มองค์ชายอีกคนหนึ่งไว้ในพระหัตถ์แล้วส่งให้ฟางกงกง จากนั้นจึงอุ้มองค์หญิงน้อยไว้ในอ้อมแขนราวสมบัติล้ำค่า

สองชั่วยามต่อมา ไป๋ชิงหลิงก็ออกมาจากด้านใน

“ฝ่าบาท เต๋อเฟยฟื้นแล้ว พระองค์เข้าไปพบนางได้ แต่ยามนี้นางยังต้องนอนราบ ไม่อาจเคลื่อนไหว ห้ามกินหรือดื่ม ห้ามสัมผัสสายในมือนางเพคะ” นางกำลังให้น้ำเกลือเต๋อเฟย

จักรพรรดิเหยาหันมองทารกในอ้อมแขนฟางกงกงแล้วตรัสว่า “ตามข้ามา ส่วนพวกเจ้าทั้งหมดอยู่ที่นี่”

ฟางกงกงอุ้มทารกน้อยเดินตามจักรพรรดิเหยาเข้าไปในห้อง

ไทเฮาจับมือไป๋ชิงหลิงแล้วทรุดกายลงบนแท่นหิน

แม่นมซั่งพาเอ๋อร์ซือที่เพิ่งตื่นเข้ามา ไป๋ชิงหลิงอุ้มเอ๋อร์ซือไว้ในอ้อมแขนรออย่างเงียบๆ

ในบางครั้งก็มีเสียงร้องดังมาจากด้านใน

ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายใน นางสนมที่กระวนกระวายมาทั้งคืนล้วนทรุดกายลงบนพื้นนั้งพิงกำแพง

ไป๋ชิงหลิงอุ้มเอ๋อร์ซือแล้วหลับตาพักผ่อน

แต่ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงเด็กร้อง

เสียงร้องไห้นี้ไม่ใช่เสียงทารก แต่เป็นเสียงคนกลุ่มใหญ่ เสียงร้องนั้นโหยหวน น่าสังเวชและสิ้นหวัง...

นางลืมตาขึ้นทันทีพร้อมถามว่า “พวกเจ้าได้ยินเสียงเด็กร้องไหม?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น