ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 186

เสียงอุทานของไป๋ชิงหลิงเป็นการรบกวนพระสนมที่กำลังพักผ่อน

“ไม่นะ?”

“บุตรของเต๋อเฟยถูกแม่นมอุ้มไปแล้ว พวกเขาว่านอนสอนง่ายยิ่งนัก”

ก่อนเต๋อเฟยจะคลอดบุตร นางเตรียมแม่นมไว้สองสามคน ทั้งยังเก็บไว้ข้างกายมาโดยตลอด ยามนี้เด็กทั้งสามคนล้วนอยู่ในอ้อมแขนของแม่นมแล้ว

ไทเฮาคว้ามือไป๋ชิงหลิงขึ้นมาแล้วพูดว่า “เจาเสวี่ย เจ้าเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?”

ไป๋ชิงหลิงผงะไปเล็กน้อย จากนั้นจึงหันมองไทเฮา “ท่านไม่ได้ยินจริงหรือ?”

“ท่านแม่ ข้าก็ไม่ได้ยินเลยขอรับ” เอ๋อร์ซือกล่าว

ไป๋ชงเซิงและหรงจิ่งหลินก็ตอบโดยพร้อมเพรียงเช่นกัน

แม่นมอวี่อันกล่าวว่า “แม่นางไป๋ ท่านคงเหนื่อยเกินไป ท่านควรพักสักครู่ สำหรับตอนนี้ดูเหมือนจะปลอดภัยแล้ว”

แม่นมอวี่อันเพิ่งพูดจบ ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนจากเบื้องบนว่า “อ๋องฮุ่ยรีบลงไปเร็ว ตรงนี้มีทางเข้าวังใต้ดิน ขอแค่เราสามารถลงไปยังวังใต้ดินได้ อ๋องหรงก็จะไม่สามารถจับกุมเราได้แล้ว”

ทันใดนั้นหนังศีรษะไป๋ชิงหลิงก็เกิดอาการชา

“เป็นอ๋องฮุ่ย!” นางอุทานแผ่วเบา

รีบหันกลับมามองเหล่านางสนมกำนัลรอบกายอย่างรวดเร็ว

พวกนางล้วนเบียดเสียดกัน ความเหน็ดเหนื่อยในจิตใจหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว

นางสนมเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสนมขั้นสูงที่มีความสามารถ มีรูปร่างหน้าตาโดดเด่น หากอ๋องฮุ่ยรู้ว่ามีสนมแห่งวังหลังจำนวนมากซ่อนอยู่ในวังใต้ดินของตน เขาจะทำอย่างไร?

เขามีจิตใจชั่วร้าย ทั้งยังมากเล่ห์ ยามนี้ถูกหรงเยี่ยทุบตีอย่างโหดเหี้ยม เขาย่อมเข้าแก้แค้นกับจักรพรรดิเหยาและเหล่าสนมเป็นแน่ รวมทั้ง...นางเองก็จะหนีไม่พ้นเคราะห์เช่นกัน

ในเวลานี้เหล่าสนมกำนัลล้วนพูดตะกุกตะกักว่า “ทำอย่างไร ควรทำอย่างไร อ๋องฮุ่ยจะฆ่าพวกเราทุกคน”

ในจังหวะที่สำคัญฮองเฮาอู่ยังคงคิดสิ่งใดไม่ออก

นางมองไทเฮาอย่างกระวนกระวาย “เสด็จแม่ เราควรทำอย่างไรดีเพคะ?”

“อย่าตื่นตกใจไป” ไทเฮาขมวดคิ้ว

ไป๋ชิงหลิงลุกขึ้น ยัดเอ๋อร์ซือเข้าสู่อ้อมแขนของแม่นมซั่งแล้วพูดว่า “พวกเจ้าเข้าไปซ่อนก่อนเร็ว”

“ให้เข้าไปแล้วหากเขาไม่เข้ามาเล่า ทางที่เข้าไปก็เป็นเพียงทางตัน ไม่ว่าอย่างไรหากอ๋องหรงกลับมาช่วยเราตรงนี้ก็อยู่ใกล้ทางออก มันย่อมสะดวกต่อการช่วยเหลือมากกว่า” ไป๋จิ่นหวาดกลัวเกินไป นางจึงพูดอย่างหงุดหงิด

ไทเฮาทำหน้าเรียบเฉยแล้วตรัสอย่างเย็นชาว่า “ไป ข้าจะเข้าไปข้างใน”

แม่นมอวี่อันประคองไทเฮาเดินออกจากห้องโถงไป

ฮองเฮาอู่ไม่กล้าแสดงออกมากนัก ยามนางเห็นไทเฮาเดินไปแล้ว นางก็พาบุตรชายบุตรสาวทั้งสองไปด้วย

หลวนอี๋เห็นไป๋ชิงหลิงยืนอยู่ที่เดิมไม่คิดจากไป นางจึงเรียกอย่างเป็นกังวล “ท่านพี่หญิงไป๋ เหตุใดท่านไม่ไปเล่า?”

“ข้าไปไม่ได้ พวกเจ้าไปเร็วเข้า” ไป๋ชิงหลิงผลักหรงจิ่งหลินเข้าไปข้างใน “ไปเร็ว”

“แต่ ท่านแม่...” หรงจิ่งหลินจับแขนนางด้วยความกลัว ไป๋ชงเซิงดึงชุดของหรงจิ่งหลินอย่างแรง “ท่านแม่จะไม่เป็นไร เจ้าอย่ามาอยู่ตรงนี้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ท่านแม่เสียสมาธิ เวลานั้นเจ้ารังแต่จะทำท่านแม่ของข้าเจ็บปวด”

ยามได้ยินเช่นนี้ หรงจิ่งหลินก็รีบปล่อยมือ ก้าวถอยหลังไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ท่านแม่ ข้าจะปกป้องน้องให้ดี ท่านดูแลตัวเองด้วย”

“ชักช้า!” ไป๋ชงเซิงโยนแมวออกจากอ้อมแขน ดึงหรงจิ่งหลินแล้วรีบเดินตามฝูงชนเข้าไปในห้องโถงด้านใน

สนมคนอื่นๆ ต่างก็ใส่ใจกับชีวิตของตน พวกนางไม่สนใจต่อคำถามที่ว่าไป๋ชิงหลิงจะตามทันหรือไม่ด้วยซ้ำ

บังเอิญมากที่ยามทุกคนออกจากห้องโถงไป อ๋องฮุ่ยและพรรคพวกที่เหลือของเขาก็กระโจนเข้าใส่ทางลับพอดี

ยามอ๋องฮุ่ยลงมาบนพื้น สภาพร่างกายทรุดโทรมไปทั้งร่าง เขาทั้งถูกธนูปักอก และถูกฟันที่ขา ช่างน่าอนาถอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นไป๋ชิงหลิงนั่งอยู่บนแท่นหิน อ๋องฮุ่ยก็ขมวดคิ้ว “ไป๋เจาเสวี่ย!”

ไป๋ชิงหลิงดูตกใจ นางลุกขึ้นจากแท่นหิน แล้ววิ่งเข้าหาอ๋องฮุ่ย “สามี ในที่สุดท่านก็มาช่วยข้าแล้ว!”

ก่อนที่นางจะไปถึงตัวอ๋องฮุ่ย เหล่าทหารก็ก้าวมายืนบังหน้าอ๋องฮุ่ยไว้แล้วชี้ดาบตรงมาที่นาง

ไป๋ชิงหลิงหยุดอยู่กับที่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “สามี ท่าน...ท่านบาดเจ็บ”

“นางสารเลว!” อ๋องฮุ่ยที่ถูกประคองอยู่ ผลักองครักษ์ที่อยู่ตรงหน้าออก แล้วเดินโซเซเข้าหาไป๋ชิงหลิงก่อนตบลงไป

“เพี๊ยะ”

เสียงตบดังขึ้น

ไป๋ชิงหลิงถูกฝ่ามือของเขาฟาดจนทรุดลงบนพื้น อาการปวดแสบปวดร้อนแล่นขึ้นมาบนใบหน้านางในทันที

อ๋องฮุ่ยเป็นผู้มีวรยุทธ์ การตบครั้งนี้ไม่เหมือนกับการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ ของผู้หญิง

เมื่อไป๋ชิงหลิงล้มลงกับพื้น เขาก็อาเจียนเป็นเลือด ใบหน้าของเขาเจ็บปวด แต่ดวงตาของเขายังจ้องมองมา

กองทัพของอ๋องฮุ่ยพ่ายแพ้แล้ว ใจเขาอยากฆ่าไป๋ชิงหลิงจริงๆ

เมื่อไป๋ชิงหลิงหันมามองเขา อ๋องฮุ่ยก็กำลังยกกระบี่ในมือขึ้นมาฟันนางพอดี

นางร้องลั่น “ข้ารักษาแผลให้ท่านได้นะ ข้าสามารถดึงธนูออกจากอกท่านได้ แม้ท่านอยากสังหารข้า ท่านก็สามารถสังหารข้าได้หลังจากที่ข้าดึงธนูออกให้ท่านแล้ว”

ปรมาจารย์หลูวิ่งเข้ามาหยุดอ๋องฮุ่ยไว้จากด้านข้าง “อ๋องฮุ่ย ท่านบาดเจ็บสาหัส ไม่ควรขยับอีก”

กระบี่เบี่ยงออกแล้วตกลงสู่พื้นอย่างแรงในทันที

ตรงจุดที่คมใบกระบี่ปักลงเกิดรอยร้าว

ดวงตาไป๋ชิงหลิงเบิกกว้าง จ้องมองรอยร้าวลึก รู้สึกเยือกเย็นในใจ

เล็กน้อย

ฮุ่ยหวังอยากฆ่านางจริงๆ

ร่างกายนางสั่นเทา นางพร่ำร้องเสียงดัง “เจ้าอยากสังหารข้าด้วยเหตุใด ข้าทำอะไรผิด?”

“นางหญิงสารเลว อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าถูกจักรพรรดิเหยาส่งมาเพื่อเฝ้าสังเกตข้า” อ๋องฮุ่ยเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนทรุดเข่าลงบนพื้น ใช้มือกุมจุดที่ได้รับบาดเจ็บไว้แน่น

ปรมาจารย์หลูและองครักษ์อีกคนเข้ามาประคองเขา

ไป๋ชิงหลิงร้องไห้พร้อมส่ายหัว “ข้าไม่ได้ทำ ข้าถูกบังคับ ถูกบังคับตั้งแต่ต้น เขาใช้ลูกทั้งสองของข้ามาข่มขู่ ท่านว่าข้าควรทำอย่างไร หากไม่ทำตาม ลูกๆ ของข้าต้องตาย ท่านก็มีลูก ท่านยังรักองค์หญิงผิงหยาง เราต่างเป็นพ่อเป็นแม่”

“หุบปาก”

“ข้าไม่หุบ ข้าจะตายอยู่แล้ว หากข้าต้องการจะทำอะไรกับสามีตนเองจริงๆ สิ่งที่ข้านำกลับมาย่อมไม่ใช่กองทัพทหารม้าเกราะเงินหมื่นนาย แต่ต้องเป็นกองกำลังที่สามารถต้านสามีของข้าได้ ข้าแต่งเป็นภรรยาท่านแล้ว ข้าย่อมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะมีความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อเป็นเช่นนี้ลูกของข้าก็จะปลอดภัย

“หากเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ข้าก็อยู่ต่อไม่ได้เช่นกัน จักรพรรดิเหยา เจ้าจักรพรรดิจอมเจ้าเล่ห์ผู้นั้นวางแผนทำลายข้ามานานแล้ว ท่านก็รู้ว่าอ๋องหรงชื่นชมข้า จักรพรรดิเกรงว่าวันหนึ่งข้าจะแต่งงานกับอ๋องหรงโอรสของตน เขาต้องการใช้นามของท่านพาทั้งข้าและท่านไปสู่จุดจบ ดังนั้น...มีเพียงท่านดำรงอิสริยยศเป็นจักรพรรดิผู้ทรงกรุณาปรานีจึงจะสามารถกำจัดปัญหาร้ายแรงที่มาจากเขาได้”

ขณะร้องไห้ ไป๋ชิงหลิงก็คุกเข่าคลานเข้าหาอ๋องฮุ่ย “สามี สามี ท่านอย่าตายนะ หากท่านตาย ข้าก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ ให้ข้าดึงธนูออกให้ท่าน ดีไหม?”

เมื่ออ๋องฮุ่ยได้ยินคำพูดของนาง เขาก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรง แต่เขายังกลั้นใจไว้ตลอดเวลา ยังคงจ้องมองไป๋ชิงหลิงด้วยสายตาเย็นชา

เขาไม่เคยเชื่อนาง

แต่สิ่งที่ไป๋ชิงหลิงพูดก็น่าเชื่อถือเช่นกัน

ไม่ว่าเขาและจักรพรรดิเหยาจะมีไหวพริบเพียงใด พวกเขาก็ยังไม่อาจเทียบสาวน้อยผู้นี้ที่คุ้นเคยกับกลอุบาย

นายกองเฉิงฉวยโอกาสเอาเปรียบนางจนต้องสิ้นชีพไป

“หากเจ้ากล้าทำอะไรข้า คนพวกนี้จะผลัดกันรุมทำร้ายเจ้า” อ๋องฮุ่ยลดคำพูดที่รุนแรงลง

ไป๋ชิงหลิงรู้ว่านางชนะแล้ว

แม้จะได้รับชัยชนะอย่างหวุดหวิด แต่นางก็รักษาชีวิตตนไว้ได้ชั่วคราว

นางลุกขึ้นเดินไปหาอ๋องฮุ่ย องครักษ์ภายใต้อ๋องฮุ่ยต่างชี้กระบี่ตามร่างไป๋ชิงหลิงทันที

ส่วนปรมาจารย์หลูก็เดินไปที่แท่นหิน ใช้นิ้วกดก้อนอิฐ ก้อนอิฐจมเข้าไป ผนังด้านหลังแท่นหินเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นทางเดินที่นำไปสู่ห้องโถงอีกแห่งซึ่งถูกปิดกั้นไว้โดยผนังนั้น...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น