ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 187

รูปแบบห้องโถงทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไป...

หลังแท่นหินที่เคยไร้เส้นทางปรากฏทางกว้างใหญ่ แต่ทางเดินอื่นกลับถูกปิดกั้น

อ๋องฮุ่ยมองนางอย่างเย็นชา รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏขึ้นบนมุมปาก เขายื่นมือออกมาดึงนางขึ้น ใช้มือข้างหนึ่งวางบนไหล่นาง “พาข้าเข้าไป อย่าคิดตุกติก เข้าไปในวังใต้ดินของข้าแล้ว เจ้าคนสารเลวหรงเยี่ยนั่นย่อมไปไม่ได้ เจ้าอย่าแม้แต่จะคิดได้หวนกลับ”

เขาจงใจทิ้งร่างกดทับร่างนาง น้ำหนักแสนหนักอึ้งตกลงบนไหล่ของไป๋ชิงหลิงจนทำให้นางขยับตัวได้ยาก

นางกัดฟัน ยืดร่างให้ตรง แล้วพูดว่า “ท่านคิดผิดแล้ว สามีอยู่ที่ใดข้าย่อมอยู่ที่นั่น ข้าวิ่งไปมาที่นี่เพื่อหลบภัย สามีข้าก็วิ่งมาที่นี่เช่นกัน ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าท่านและข้าอาจเคยมีชะตาผูกกันมาแต่ชาติปางก่อน”

อ๋องฮุ่ยเย้ยหยันสองสามครั้ง ก่อนจะหมดเรี่ยวแรงไป

ปรมาจารย์หลูกลับมาอยู่ข้างกายเขาคอยช่วยประคองอีกด้านหนึ่งของอ๋องฮุ่ย จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็เข้าไปในวังใต้ดินอย่างรวดเร็ว

กำแพงที่หันหน้าเข้าหาแท่นหินถูกปิดลงทันที

ไป๋ชิงหลิงหันไปมองด้านหลังนางโดยไม่รู้ตัว บนทางเดินมืดสนิทเริ่มสว่างไสวด้วยเชิงเทียนที่ถูกจุดขึ้นส่องทางข้างหน้า

อ๋องฮุ่ยบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นเขาจึงได้แต่ให้ปรมาจารย์หลูประคองพาเดินไปข้างหน้า พวกเขาผ่านประตูหินไปทีละประตู ซึ่งแต่ละประตูล้วนมีกับดักมากมาย

เมื่อพวกเขามาถึงจุดปลอดภัยที่สุด อ๋องฮุ่ยก็ถูกช่วยประคองลงบนเตียง

ในห้องโถงนี้มีโต๊ะ เก้าอี้และเตียงนอน ดูเหมือนที่นี่จะมีคนอาศัยอยู่ตลอด

เลือดออกจากบาดแผลของอ๋องฮุ่ยมากมาย แต่เขาก็อดทนไว้

ไป๋ชิงหลิงถือเข็มฉีดยาด้วยอยากให้ยาสลบแก่เขา

จู่ๆ อ๋องฮุ่ยก็ปัดสิ่งที่อยู่ในมือนางออก ห้ามไม่ให้นางใช้ของเหลวหรือยาชาใดๆ ทั้งยังสั่งให้นางเอาลูกธนูออกได้เลย

เมื่อได้ยินการตัดสินใจของเขา ไป๋ชิงหลิงรู้สึกชื่นชมชายคนนี้อย่างสุดซึ้ง

นางใช้วิธีโบราณจัดการกับบาดแผลจากลูกธนุ หลังจากทรมานอ๋องฮุ่ยไปหลายครั้ง แต่เขากลับไม่ส่งเสียงฮึมฮัมแม้สักคำ

เมื่อนำลูกธนูหักออกมาแล้ว ก็มีทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก

เขาสะพายถุงผ้าสีดำไว้บนไหล่ ทันทีที่เขาคุกเข่าลง เขาก็โยนถุงผ้าลงกับพื้นแล้วรายงานว่า “ท่านอ๋อง นอกเมืองฝั่งประจิมมีหญิงผู้หนึ่งถูกจับไว้ในรถม้า นางบอกว่านางเป็นหลานสาวคนโตของท่านผู้เฒ่าเสิ่น”

ใบหน้าอ๋องฮุ่ยซีดเซียว แต่ความโกรธของเขายังไม่เคยลดลง

ปรมาจารย์หลูประคองเขาลุกขึ้นก่อนผละออกไป เขาเอนกายพิงเบาะ จ้องมองถุงผ้าด้วยสายตาเย็นชา

ในเวลานี้ผู้หญิงในถุงผ้าหลุดออกมาแล้ว

ผมนางยุ่งเหยิง ใบหน้านางเต็มไปด้วยน้ำตา นางดูไม่เป็นระเบียบ แต่ใบหน้าอ่อนช้อยงดงามของนางยังคงไม่ลดความน่ามองลงเลย

คนผู้นี้คือเสิ่นโหรวเม่ย

เมื่อนางเห็นไป๋ชิงหลิงก็รีบเข้าหานางทันที “ไป๋เจาเสวี่ย เจ้าคนสารเลว เจ้าวางแผนทำร้ายพี่ชายข้า”

ทันทีที่นางเข้ามา ไป๋ชิงหลิงก็หยิบมีดผ่าตัดขึ้นมาแทงไปข้างหน้าครั้งหนึ่ง

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของนาง เสิ่นโหรวเม่ยก็หยุดแรงที่วิ่งพุ่งเข้ามาของนางลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะล้มลงกับพื้นอย่างแรง

จากนั้นนางก็ตระหนักว่าสิ่งรอบข้างไม่ใช่รถม้าเดิมของนาง เบื้องหลังไป๋ชิงหลิงคืออ๋องฮุ่ย

เปลือกตาเสิ่นโหรวเม่ยกระตุกอย่างแรงสองสามครั้ง อ๋องฮุ่ยเป็นที่เลื่องลือว่าโหดร้ายต่อสตรี เขาไม่เคยแสดงความเมตตาและมีสตรีนับไม่ถ้วนที่เสียชีวิตบนเตียงเขา

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เสิ่นโหรวเม่ยก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทาสองสามครั้ง ก่อนจะยกนิ้วชี้ไปทางไป๋ชิงหลิง “เจ้า...เจ้าทรยศ เจ้าทำร้ายพี่ชายข้า ตระกูลเสิ่นไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”

“เสิ่นโหรวเม่ยหากไม่อยากตายก็หุบปากเสีย” ดวงตาไป๋ชิงหลิงมืดลง นางคิดว่าเสิ่นโหรวเม่ยช่างโง่เขลาจริงๆ

เมื่อเห็นการวิวาทระหว่างคนทั้งสอง อ๋องฮุ่ยก็หัวเราะเยาะ “ดูเหมือนคุณหนูเสิ่นจะเกลียดชังชายาของข้ามากจริงๆ!”

ไป๋ชิงหลิงใส่เครื่องมือผ่าตัดกลับเข้าไปในกล่องยาแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องทรงบาดเจ็บสาหัส ไม่สมควรพูดมากเกินไป ท่านต้องพักผ่อนให้เพียงพอนะเพคะ”

ทันใดนั้นเขาก็โน้มตัวไปข้างหน้า บีบคางนางด้วยรอยยิ้มในดวงตาที่แฝงความน่าหวาดเกรง “ชายาข้า เหตุใดเจ้าไม่ปล่อยให้ข้าสอนบทเรียนให้นางหน่อยเล่า”

หลังพูดจบ อ๋องฮุ่ยก็โบกมืออย่างแรง

องครักษ์สองสามคนวิ่งเข้ามาจากด้านหลัง แล้วกดร่างเสิ่นโหรวเม่ยลงกับพื้น

เสิ่นโหรวเม่ยรู้สึกหวาดกลัวกับท่าทางนี้ นางร้องตะโกนอย่างลนลาน “ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ กรี๊ด...”

“แควก!”

เสื้อผ้าบนร่างนางถูกฉีกออกทันทีโดยองครักษ์หลายคน เผยให้เห็นไหล่มนของนาง

หนังศีรษะไป๋ชิงหลิงมึนงง นางลุกขึ้นยืนแล้วตำหนิด้วยความไม่พอใจ “หยุด หยุดนะ”

นางเดินไปผลักชายบนร่างเสิ่นโหรวเม่ยออกแล้วเตะองครักษ์อีกคนออกไป

เสิ่นโหรวเม่ยกอดขาไป๋ชิงหลิงแน่น ร่างกายนางสั่นเทา “ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย อย่าให้คนพวกนั้นแตะต้องข้า ไป๋เจาเสวี่ยได้โปรด ข้าจะขอร้องเจ้า ตระกูลเสิ่นจะตอบแทนเจ้าแน่”

ไป๋ชิงหลิงมองนางอย่างเย็นชา หลังจากเรื่องเมื่อคืนนี้ นางก็ไม่ไว้ใจเสิ่นโหรวเม่ยอีกเลย

แต่จะให้มองอีกฝ่ายถูกทำให้แปดเปื้อน นางก็ทำไม่ได้เช่นกัน เมื่ออ๋องฮุ่ยเอื้อมมือเข้าหาเสิ่นโหรวเม่ยแล้ว นางจะเป็นคนต่อไป

อ๋องฮุ่ยเข้าใจความคิดของไป๋ชิงหลิง เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “เจ้าอยากช่วยนางหรือ?”

“ท่านจะตีสตรี ด่าว่านางก็ไม่เป้นไร หรือจะใช้กระบี่แทงนางให้ตายก็ยังได้ แต่อย่าทำเช่นนั้นต่อหน้าข้า ข้าเห็นแล้วคลื่นไส้” เมื่อใบหน้าฉีกขาดแล้ว กับไป๋ชิงหลิงผู้นี้นางก็ไม่มีอะไรต้องปกปิดอีก นางจึงพูดอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

อ๋องฮุ่ยหรี่ตา “เจ้าไม่ต้องแสร้งทำเป็นรักข้า ข้าชอบยามเจ้าพยศใส่มากกว่า เจ้านั้นไม่ต่างจากดอกเหมยที่อยู่ท่ามกลางหิมะ หากข้าอยากหักเจ้าลงอย่างแรง เจ้าก็ทำได้เพียงยอมจำนนต่อข้า”

“อ๋องฮุ่ยแต่งชายาเข้ามามากมาย แต่เหตุใดไม่มีชายาสักคนที่ได้ตายดี ทั้งยังไม่มีคนไหนเลยที่รักท่าน พวกนางยอมท่านเพราะความกลัวเพียงเท่านั้น!” ดวงตาไป๋ชิงหลิงหรี่ลง น้ำเสียงนางเย็นชาราวกับหิมะ

อ๋องฮุ่ยกอดอกแล้วหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า” ก่อนพูดต่อว่า “ข้าไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น”

“ท่านแพ้แล้ว!” ไป๋ชิงหลิงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แล้วมองเขาอย่างเย็นชา

รอยยิ้มบนใบหน้าอ๋องฮุ่ยกว้างยิ่งขึ้น เขาเอนกายลงบนเบาะอย่างเกียจคร้าน ดวงตากวาดมองหน้าอกไป๋ชิงหลิงอย่างบ้าคลั่ง “ข้ายังไม่แพ้!”

หลังจากพูดจบ เขาก็ยกมือขึ้น

องครักษ์หันหลังกลับ เดินออกจากห้องชั้นในไปทันที ก่อนกลับมา พร้อมเชือกในมือ ตามด้วยเด็กกลุ่มหนึ่งมีทั้งเด็กโตและเล็ก บางคนแต่งตัวเรียบร้อย บางคนมีเพียงเศษผ้าขาดรุ่งริ่ง ทั้งยังมีบางคนที่...มีร่องรอยระบมบอบช้ำไปทั่วร่าง...

แต่เด็กทุกคนมีสีหน้าเหมือนกัน...

หวาดกลัว

ไป๋ชิงหลิงสูดลมหายใจ

มุมปากอ๋องฮุ่ยยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “อ๋องหรงตามหาที่อยู่ของเด็กเหล่านี้ เด็กเหล่านี้ล้วนถูกข้าเอาตัวมา และเป็นข้าเองที่บันดาลให้เกิดโรคภัย ข้ายังไม่แพ้”

“ท่านมันบ้า”

“ชายารัก ข้าถูกบังคับ เจ้าต้องให้อภัยข้า” หลังอ๋องฮุ่ยพูดจบ เขาก็กุมหน้าอก ไอสองสามครั้ง ปรมาจารย์หลูรีบส่งน้ำให้เขาทันที

เขาจิบน้ำเล็กน้อย จากนั้นจึงขอให้ปรมาจารย์หลูหยิบกระดาษและพู่กันส่งให้ไป๋ชิงหลิง

ปรมาจารย์หลูกล่าวว่า “หากพระชายาต้องการให้เด็กเหล่านี้กลับไปอย่างปลอดภัย เช่นนั้นท่านจงบอกให้อ๋องหรงเปิดประตูเมืองฝั่งประจิมให้เรา พร้อมถอยออกไปกว่าร้อยลี้ เตรียมเกวียนและม้ากว่าพันตัว คุ้มกันเราออกจากเฉาจิง เมื่ออ๋องฮุ่ยไปถึงจุดปลอดภัยแล้ว ย่อมส่งเด็กกลับไป พระชายาอย่าได้คิดตุกติก มีเพียงวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น