ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 192

ไป๋ชิงหลิงไม่เข้าใจ

หรงเยี่ยพูดต่อ “เจ้าพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ข้าเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่สามารถผ่านมันไปได้จริงๆ หากสวรรค์ต้องการตัวมารร้ายเช่นข้า หลังจากข้าสิ้นแล้ว เจ้าต้องไปหาเสิ่นหรูเหลียน แต่ถ้าข้ายังมีลมหายใจอยู่ เจ้าจะไปกับชายอื่นไม่ได้!”

ไป๋ชิงหลิงทุบมือเขาอย่างแรง แล้วกัดฟันสู้ต่อไป

หรงเยี่ยรู้ว่านางจะตอบโต้อย่างรุนแรง เขาจึงโอบอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนด้วยแรงทั้งหมดที่มี

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้ว่าอะไรที่เรียกว่าลาจากชั่วนิรันดร์ ร่างของตนเอง เขาย่อมรู้ตัวดี

ยามจัดการกับผู้ป่วยโรคระบาด พวกเขาล้วนเสียชีวิตด้วยความทรมาน อาการเริ่มแรกเหล่านี้ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในร่างเขา

ยาไม่สามารถควบคุมโรคในร่างได้ ภายในสามถึงห้าวัน เขาคงจะเสียชีวิตไปด้วยโรคนี้

ทำให้ในวันนี้เขาคิดมาก...

จิ่งหลินเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิ ไทเฮาและฮองเฮา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลใดๆ

แม้ฮองเฮาอู่จะโง่เขลา แต่นางก็รักจิ่งหลินจริงๆ

ตรงกันข้ามกับไป๋ชิงหลิงที่...ทำให้เขาไม่อาจวางใจ

แต่จะอยู่หรือตายเกิดได้เพียงแค่คิด เขาคำนวณอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วว่าผู้ที่คู่ควรกับสาวน้อยในเมืองหลวง คนที่สามารถแต่งงานกับนางอีกครั้งได้ ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีภรรยาหรืออนุ ผู้มีฐานะไม่ต่ำกว่าจวิ้นอ๋อง นั่นคือเสิ่นหรูเหลียน...

“ท่านมองข้าเป็นสิ่งใด ท่านบ้าไปแล้วหรือ ลืมไปได้เลย” นางทุบหลังเขา

จู่ๆ หรงเยี่ยก็ไออย่างแรง จากนั้นจึงปล่อยนาง เขายกมือปิดปากอาเจียนอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้เป็นเลือดทั้งหมด

สีหน้าไป๋ชิงหลิงซีดลง

นางตื่นตระหนก

ความโกรธในใจหายไปทันที นางลูบหลังเขาแล้วพูดอย่างไม่พอใจ “นอนก่อน ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าจะไปเรียกหมอเทวดาซูมา”

“ข้าไม่ได้...แค่ก แค่ก...” เขากระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง ซึ่งทำให้ชุดสีน้ำเงินเย็นฉ่ำของนางเปรอะเปื้อน

ไป๋ชิงหลิงกอดเขาแน่น ทันใดนั้นนางก็เริ่มกลัวว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นจริง นางจึงโพล่งความรักที่เก็บกดไว้ในใจออกมา “เจ้าแสร้งทำเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากบีบให้ข้ายอมแต่งให้เจ้าหรอกใช่ไหม ข้าสัญญา ข้าสัญญาว่าจะแต่งให้เจ้าในฐานะพระชายา อย่าอาเจียนอีกนะ ได้ไหม?”

หรงเยี่ยเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อย มีรอยเลือดไหลออกมาจากมุมปาก ในวินาทีต่อมา เขาก็หลับตาลงแล้วล้มลง

ไป๋ชิงหลิงตะโกน “หรงเยี่ย หรงเยี่ย...”

หมอเทวดาซูวิ่งเข้ามา

ไป๋ชิงหลิงกล่าวว่า “หมอซูผู้อัศจรรย์ ตรวจเขาหน่อย เขาอาเจียนเป็นเลือด ยาของข้าไม่มีผลต่อเขา ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?”

ไม่เพียงแต่ไม่มีผลใดๆ แต่ยังเข้าสู่ขั้นที่สามแล้ว เมื่อเข้าสู่ขั้นที่สี่เขาก็จบสิ้นแล้ว...

นางนั่งอยู่ข้างกายเขาด้วยความสับสน มองดูหมอซูจับชีพจรหรงเยี่ย

หมอเทวดาซูขมวดคิ้วเป็นครั้งคราว

ไป๋ชิงหลิงรู้ว่าสถานการณ์เลวร้ายมาก นางไม่สามารถฝากความหวังไว้กับหมอเทวดาซูได้ทั้งหมด นางต้องหาทางแก้ไข

นางยืนขึ้นทันทีแล้วถามว่า “หมอเทวดาซู ข้าขอยืมห้องหนังสือของท่านสักครู่”

หมอซูดึงมือออกแล้วพูดว่า “ท่านกำลังหาคัมภีร์แพทย์อยู่หรือ?”

“ได้ ใช้ได้ ใช้ตามสบายเลย”

ไป๋ชิงหลิงหันกลับแล้วเดินออกจากหอเป่าซินไป จื่ออีพาปรมาจารย์หลูเข้ามา เมื่อไป๋ชิงหลิงเห็นคนผู้นี้นางก็จำได้ว่าโรคระบาดนั้นเกิดจากปรมาจารย์หลูกับอ๋องฮุ่ย

แม้จะมีการเปิดเผยในภายหลังว่าปรมาจารย์หลูเป็นสายลับจักรพรรดิเหยาส่งไปให้อ๋องฮุ่ย แต่ความทรงจำของนางที่มีต่อปรมาจารย์หลูก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

นางเกลียดปรมาจารย์หลูไม่น้อยไปกว่าอ๋องฮุ่ย

“ท่านมาทำอะไรที่นี่” ไป๋ชิงหลิงพูดอย่างเย็นชา

ปรมาจารย์หลูมีท่าทีเคารพนาง “แม่นางไป๋ ข้ารู้ว่าท่านมีอคติกับข้า แต่ข้าทำเช่นนั้นก็เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอ๋องฮุ่ย”

“เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ท่านไม่สนใจชีวิตเด็กๆ เหล่านั้นทั้งยังสร้างโรคระบาดขึ้นมา คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์” ไป๋ชิงหลิงตำหนิด้วยความไม่ชอบใจด้วยใบหน้าแดงก่ำ

ปรมาจารย์หลูพูดอย่างลำบากใจ “ใช่ ท่านพูดถูก ข้ามาที่จวนอ๋องหรงครั้งนี้เพื่อมอบใบสั่งยาให้แม่นางไป๋”

“ใบสั่งยารักษาโรคหรือ?”

“ใช่” ปรมาจารย์หลูพยักหน้า “แต่ยานี้เติบโตบนจุดสูงสุดของสันเขาอินทรีหิมะ หากนำออกจากสันเขาอินทรีหิมะมันจะเหี่ยวเฉาทันที”

ไป๋ชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึก!

สันเขาอินทรีหิมะไม่ต่างจากยอดเขาเอเวอเรสต์ในยุคนาง ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกนี้

คิดปีนขึ้นไปบนยอดเขาที่มีหิมะสูงเช่นนั้น แน่นอนว่า...มันไม่ง่ายเลย

แม้จะแลกด้วยชีวิต

แต่...เขามีเวลาอีกเท่าใด?

“แต่อ๋องหรงไม่อาจรอนานเกินไปได้ สภาพเขาทรุดโทรมลงแล้ว เขาอยู่ได้อีกเพียงสามถึงห้าวันก็จะ...” นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่กล้าพูดคำว่า ‘ตาย’

ปรมาจารย์หลูหยิบยาเม็ดสีแดงออกมา “หากแม่นางไป๋เชื่อข้า ท่านสามารถให้ยานี้กับท่านอ๋องได้ มันสามารถชะลอการเสื่อมสภาพจากโรคในร่างท่านอ๋องได้ มั่นใจได้ว่าจะยืดเวลาไปได้อีกสิบวัน”

ไป๋ชิงหลิงมองยาในฝ่ามือเขา แล้วเอื้อมมือไปหยิบมัน

นางจำยาเม็ดนี้ได้ในทันที “นี่คือยาจิ่วหยวน ท่านคือ...”

นางมองปรมาจารย์หลูในทันที มองเขาขึ้นลง “ท่านคือราชันย์เก้าตะวันหรือ”

นางมาจากอีกโลก แต่นางได้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับคนที่มีความสามารถและคนแปลกหน้า ในหมู่พวกเขาราชันย์เก้าตะวันนั้นเต็มไปด้วยผู้ศรัทธา

ได้ยินมาว่าท่านเป็นเทพที่มีชีวิตมาหลายร้อยปีแล้ว ท่านความสามารถในการทำนาย รู้เรื่องดาราศาสตร์เบื้องบนและทราบภูมิศาสตร์เบื้องล่าง กล่าวได้ว่าเป็นผู้เฒ่าเจียง [1] ที่มีตัวตนอยู่จริง

ยาจิ่วหยวนที่เขากลั่นมีผลในการชุบชีวิตคนตาย

หลังจากคนตายกลืนลงไป มันสามารถกลั้นลมหายใจขึ้นมาได้

ยามนางได้ยินข่าวลือจากโลกภายนอก นางแค่ยิ้ม คิดว่าราชันย์เก้าตะวันผู้นี้เป็นเพียงร่างทรง นางไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะอยู่ต่อหน้านาง...

“นั่นสินะ แต่นั่นเป็นเพียงชื่อปลอม เจ้าเรียกข้าว่าปรมาจารย์หลู แม่นางมีสองวิญญาณในร่างเดียว เป็นดาวหงส์ที่ลงมายังโลก ย่อมไม่คุยโวเรื่องอ๋องฮุ่ย...”

ไป๋ชิงหลิงผงะไปอีกครั้ง

ปรมาจารย์หลูมองไปที่ชั้นสองของหอเป่าซินซึ่งไป๋ชงเซิงนอนแกล้งแมวอยู่บนรั้ว

“สตรีผู้ทรงเกียรติเกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษ หากได้รับการปลูกฝังที่ดี ย่อมเป็นประโยชน์ต่อพวกพ้อง”

ดวงตาไป๋ชิงหลิงหรี่ลง “ปรมาจารย์หลู ข้าไม่สนสิ่งที่ท่านรับรู้มา นี่เป็นความลับของข้า ไม่ต่างกล่าวถึงดาวหงส์ อย่าแม้แต่จะเล่าเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ”

“ฝ่าบาททรงทราบอยู่แล้ว” ปรมาจารย์หลูลูบเครา “ท่านกับอ๋องหรงถูกกำหนดให้สมรสกันมานานแล้ว พวกท่านเป็นคู่ที่เหมาะสม! ชีวิตของอ๋องหรงไม่ควรสิ้นสุดลง แต่เหมันต์พิสุทธิ์นั้นหายาก แม่นางไป๋ระวังตัวด้วย เมื่อถึงเวลาท่านควรกลับวัง”

ปรมาจารย์หลูทำความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นจึงหันหลังจากไป

ไป๋ชิงหลิงตกใจอย่างมากกับคำพูดของเขา

การสมรสระหว่างนางกับเขาถูกกำหนดไว้ก่อนแล้วหรือ?

อย่างนั้น มันก็ถูกกำหนดไว้แล้ว

แต่คำสองสามคำสุดท้ายของปรมาจารย์หลูหมายถึงอะไร?

ในขณะที่บอกว่าชีวิตของอ๋องหรงไม่ควรสิ้นสุดลง เขายังบอกด้วยว่าเหมันต์พิสุทธิ์นั้นหายาก การเตือนของเขานั้นยิ่งกว่า...แปลก

ในขณะนี้ไป๋ชิงหลิงอยู่ในสภาพสับสน

“แม่นาง แท้จริงแล้วท่านกับอ๋องหรง...”

“ไม่ต้องพูด” ไป๋ชิงหลิงหยุดชิงอีอย่างรวดเร็ว

ชิงอีหุบปาก ก่อนจะพูดว่า “บ่าวทราบแล้ว”

“เจ้าบอกให้ซังจวี๋กับชิงจู๋เข้ามา พวกเขาต้องตามข้าไปที่สันเขาอินทรีหิมะ”

“แม่นางท่านอยากไปหายาที่สันเขาอินทรีหิมะจริงหรือ?” ชิงอีร้องลั่น “ที่สันเขาอินทรีหิมะนั้นมีนักล่าหลายร้อยคนเสียชีวิตทุกปี มันมีเหวลึก หญิงไร้วรยุทธ์ไปที่นั่นย่อมมันอันตรายเกินไป สั่งให้หน่วยองครักษ์อินทรีดำไปเถอะนะ”

“ข้าต้องไปเอง” หากนางไม่ได้เลือกเหมันต์พิสุทธิ์มาด้วยตนเอง นางย่อมไม่สบายใจ

นอกจากนี้มีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถนำเหมันต์พิสุทธิ์กลับมาได้ นางมีตู้เย็นอยู่ในห้วงมิติเวลาของนาง...

...............

เชิงอรรถ

[1] ผู้เฒ่าเจียง เป็นนักยุทธศาสตร์คนสำคัญของโจวเหวินหวังและโจวอู่หวัง ผู้นำในการก่อรัฐประหารเพื่อล้มล้างราชวงศ์ซาง และสถาปนาราชวงศ์โจวขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น