ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 212

หลังจากที่หรงเยี่ยออกไป ฮองเฮาอู่ก็พุ่งไปตรงหน้าของเสิ่นโหยวเม่ย แล้วก็ยกมือขึ้นตบใส่หน้านาง และก็ตะคอกใส่นาง: “เสิ่นโหยวเม่ย ข้าไม่ดีกับเจ้ารึ เจ้าถึงได้ทำแบบนี้กับลกฏชายทั้งสองของข้า นี่เจ้าคิดว่าข้าคืออะไร”

เหตุการณ์เมื่อกี้ ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างก็ตกใจกัน

อ๋องเฉินจะปกป้องนาง ส่วนอ๋องหรงจะฆ่านาง

ถ้าอ๋องหรงฆ่านางจริงๆ อ๋องเฉินกับอ๋องหรงต้องกลายเป็นศัตูรกันแน่

เหนียงเหนียงของแต่ละตำหนักก็รู้กันดี ลูกหลานของนายในตำหนักเฟิ่งหลวนนั้นรักใคร่สามาัคคีกันที่สุด ถ้าเพราะเสิ่นโหยวเม่ยทำให้อ๋องเฉินและอ๋องหรงผิดใจกัน นี่คือสิ่งที่ทำให้ฮองเฮาบาดเจ็บที่สุด สำหรับฮองเฮาแล้ว

ตอนนี้นางถึงรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเสิ่นโหยวเม่ย

ฮองเฮาอู่รู้สึกผิดหวังในตัวนาง

หรงเฉินคุกเข่าแล้วก็เดินไป: “เสด็จแม่ ท่านอย่าตีพี่หญิงเสิ่นเลย จะโทษก็โทษลูกเถอะ”

“หรงเฉิน ”ฮองเฮาอู่มองหรงเฉินด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง : “ทำไมเจ้าถึงได้ทำแบบนี้”

หรงเฉินก้มหน้าลง ยืดอกแล้วพูดว่า: “ลูกผิดไปแล้ว ลูกไม่ควรเอาเหล้าให้พี่หญิงเสิ่น ลูกทำผิดต่อพี่หญิงเสิ่น ไม่ใช่ความผิดของนาง ลูกจะแต่งงานกับพี่หญิงเสิ่นให้นางเป็นพระชายาของลูก”

เสียงที่ดังของเขา ดังไปทั่วตำหนักอวี่ซี

จักพรรดิเหลาหยิบถ้วยชาที่อยู่ข้างๆขึ้น แล้วก็โยนใส่ลูกชายของเล็กทันที พูดด้วยสีหน้าที่โมโห : “เจ้ารู้ว่าตัวเจ้าเองนั้นดื่นได้แค่ไหน ใครให้เจ้าดื่มเหล้า!”

จักพรรดิเหยาทรงกริ้ว หรงเฉินหดตัวลง แต่ก้กัดฟันรับผิด

ปกติแล้วเขากลัวจักพรรดิเหยาสั่งสอนมากที่สุด ไม่ชอบอยู่ในวังตั้งแต่เด็ก ก็เลยออกไปเที่ยวตะลอน

แน่นอน ยังมีอีกเหตุผลนึงนั้นก้คือเสิ่นโหยวเม่ย

คนอื่นต่างก็ไม่รู้กัน ว่าเขาแอบชอบนางตั้งแต่โตเริ่มรู้เรื่อง

แต่เขานั้นรู้ดีว่าเสิ่นโหยวเม่ยไม่มีทางแต่งงานกับเขา เขาก็เลยออกจากเมืองหลวง หนีนางไปไกลๆ

แต่ในตอนนี้เขามีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเสิ่นโหยวเม่ย ถึงแม้ว่าเขาจะกลัวจักพรรดิเหยามาก ก็ไม่มีทางออกจากเมืองหลวงแน่

เขาจะให้บ้านครอบครัวนึงกับเสิ่นโหยวเม่ย เขาจะปกป้องดูเเลนาง จะไม่ทำให้นางผิดหวังแน่นอน

เข้าคุกเข่าก้มหัวลงกับพื้นต่อหน้าจักพรรดิเหยาแรงๆ: “ลูก ผิดไปแล้ว!ขอให้เสด็จพ่อและเสด็จแม่รับปากข้าเถอะ”

“ไม่ต้องขอร้องแล้ว ท่านอ๋องเฉิน มีแค่โหยวเม่ยตายเท่านั้น ถึงจะทำให้ความแค้นในใจของฮองเฮาหายไป”

พอพูดจบ เสิ่นโหยวเม่ยก็ลุกขึ้น พุ่งไปที่เสา

ฮองเฮารีบตะโกนขึ้น : “รีบขัดขวางนางซะ”

เสิ่นหรูเหลียนรีบพุ่งเข้าไป บังหน้าเสิ่นโหยวเม่ยไว้ เสิ่นโหยวเม่ยก็ชนโดนแค่หน้าอกที่เเข็งๆของเสิ่นหรูเหลียน

นางเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นก็ถอยหลังไป มองหน้าหรงเฉินอย่างสิ้นหวัง

เสิ่นฮูเหยินกอดนางไว้ แล้วก็หันไปตะคอกใส่ฮองเฮาอู่ : “โหยวเม่ยนั้นผิดจริง แต่นางผิดเพราะใครกัน ฮองเฮาเหนียงเหนียง คนที่นางรอมาโดยตลอดรอยังไงก็ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะนางฟังท่าน นางคงไม่ต้องรอจนกลายเป็นหญิงเเก่วัยคานแบบนี้หรอก”

“เจ้า……” คำพูดของเสิ่นฮุเหยิน ทำให้ไฟในใจของฮองเฮาอู่ยิ่งระอุขึ้น

สีหน้าของฮองเฮาไม่สู้ดีนัก เงียบแล้วไม่พูดอะไรอีก

ตอนนี้คือทางด้านตระกูลเสิ่นมีเหตุผล ฮองเฮาอู่กลายเป็นคนก่อประเด็ดขึ้นซะงั้น

แม่นมหยางประคองฮองเฮาอู่ไว้แน่น แล้วพูดว่า: “เสิ่นฮูเหยิน เหนียงเหนียงเคยพูดเรื่องแบบนี้จริงในสมัยที่คุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นยังเด็ก แต่ว่า ข้าน้อยจำได้ว่า เมื่อห้าปีก่อนที่อ๋องหรงอุ้มเสี่ยวซื่อจื่อกลับมา ฮองเฮาเหนียงเหนียงก็เคยพูดขึ้นกับคุณหนูตระกูลเสิ่นว่า จะหาคนที่มีฐานะฐานตระกูลที่เท่ากับคุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นให้ เป็นภรรยาหลวงที่ใสสะอาด เลี้ยงดูลูกของตัวเอง แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นบอกว่าจะรออยู่ดูเเลรับใช้เหนียงเหนียงต่อ เหนียงเหนียงเองก็ไม่เคยขัดขวางไม่ให้คุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นเเต่งงาน”

แม่นมหยางพูดเสร็จ สีหน้าของเสิ่นฮูเหยินก็ไม่ดีมากนัก

ไทเฮามองหน้าด้วยแววตาที่เห็นด้วย

สีหน้าของฮองเฮาวู่ดีขึ้น ก็เริ่มมีหน้าขึ้น

เสิ่นฮูเหยินกลับรู็สึกขายหน้า จ้องเสิ่นโหยวเม่ยด้วยสายตาที่โมโห แล้วพูดว่า : “เรื่องนี้คือความผิดของโหยวเม่ย ข้าน้อยจะส่งโหยวเม่ยออกจาหเมืองหลวง ไม่ให้เข้ามาในเมืองหลวงอีกตลอดชีวิต หรูเหลียน เอาตัวนางกลับไป!”

เพิ่งพูดจบ เสิ่นหรูเเหลียนก็พยักหน้า เดินไปทางเสิ่นโหยวเม่ยอยู่

ท่าทางของเขาไม่ด้วยไปกว่าหรงเยี่ยเลยสักนิด และถือว่าเป็นคนที่หรงเยี่ยฝึกฝนออกมา ความใจเเข็งที่ไม่เห็นแก่ตัวของเขาคือสิ่งที่คนทั้งเมืองหลวงต่างก็นับถือกัน

ถ้าเสิ่นหรูเหลียนส่งนางออกจากเมืองหลวงจริงๆ งั้นชาตินี้นางก็อย่าหวังที่จะกลับมาอีกเลย

เสิ่นโหยวเม่ยตกใจมาก ถอยหลังไปไม่หยุด จนถอยไปตรงหน้าของฮองเฮาวู่ กอดขาของฮองเฮาวู่ไว้ร้องไห้แล้วก็ขอร้องนาง : “เสด็จป้า เสด็จป้ารีบช่วยข้าเร็ว ข้าไม่อยากไปจากเมืองหลวง ท่านช่วยข้าเร็ว”

“เสิ่นหรูเหลียน!” หรงเฉินกางมือทั้งสองข้างออก บังเสิ่นหรูเหลียนไว้ : “ข้าไม่ให้เจจ้าเอาตัวพี่หญิงเสิ่นไปหรอก ถ้านางออกจากเมืองหลวงจริง ข้าก็จะไปกับนางด้วย”

“สามหาว!” ไทเฮาตบโตีะเสียงดังชี้หน้าด่าเขา

หรงเฉินกัดฟันแล้วก็มองไปที่ไทเฮา: “เสด็จย่า หลานไม่กตัญญู ต่อไปคงไม่มีโอกาสคอยรับใช้ดูแลท่านแล้ว เป็นลูกผู้ชาย หลานควรแสดงความรับผิดชอบต่อเสิ่นโหยวเม่ย ไม่ใช่ทอดทิ้งนาง”

ไทเฮากัดฟัน กำผ้าในมือแน่น จ้องทั้งสองอย่างโมโห

แน่นอน ไทเฮาไม่เคยคิดว่าหรงเฉินจะใช้วิธีแบบนี้

เป็นเสิ่นโหยวเม่ยที่เจ้าเล่ห์

นางจ้องฮองเฮาวู่ด้วยสายตาที่เยือกเย็น: “ตอนนี้เรื่องมันได้เกิดขึ้นแล้ว เจ้าตัดสินใจเองก็แล้วกัน”

ฮองเฮาวู่กำหมัดแน่ และก็กัดฟันแน่น

เสิ่นโหยวเม่ยจับขานางดันไปมาไม่หยุด ร้องไห้แล้วพูดว่า: “ท่านป้าฮองเฮา ต่อไปข้าจะอยู่รับใช้ดูแลท่านทุกวัน ท่านให้ข้าอยู่ดูแลรับใช้ท่านได้รึไม่”

ฮองเฮาวู่เองก็สงสารนาง แต่ก็รู้สึกคิดผิดแค้นมากกว่า

นางไม่ควรที่จะรับปากเสิ่นฮูเหยิน ให้เสิ่นโหยวเม่ยอยู่พักที่ตำหนักเหิ่งหลวน

นางเกลียดเสิ่นโหยวเม่ยที่คิดแผนการชั่วร้ายเช่นนี้บนตัวของลูกชายคนเล็กของนาง

สำหรับเรื่องวันนี้ นางเหนื่อยจริงๆ

“ให้ฝ่าบาทเป็นคนตัดสินใจก็แล้วกัน”ฮองเฮาวู่หลับตาลง แล้วน้ำตาก็ไหลลงมา ...

จักพรรดิเหยาพูดตอบ:“ได้ ช่วงนี้ไต้เท้าเสิ่นหยุดงานในมือก่อน เอาตัวคุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นกลับไปสั่งสอนให้ดี เดือนหน้าวันที่เจ็ดจัดงานแต่ง ก่อนหน้านี้ คุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นห้ามออกจากจวนตระกูลเสิ่น ถ้ายังเกิดเหตุการณ์อะไรอีก ข้าจะลงโทษเจ้าแน่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น