ตอนที่ไป๋ชิงหลิงกับหรงเยี่ยกลับไปถึงตำหนักเฟิ่งหลิว ก็เห็นเจ้าตัวน้อยทั้งสองคนยืนเรียงกันอยู่หน้าประตู มีนางกำนัลสองคนยืนอยู่ด้านหลัง
หรงเยี่ยขมวดคิ้วแล้วถาม: "ทานข้าวกันแล้วรึยัง?"
นางกำนัลที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบคุกเข่าลงทันที บอกเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักอวี่ซีให้หรงเยี่ยฟังทั้งหมด
พอหรงเยี่ยฟังจบ แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ กำหมัดแน่น จากนั้นก็หันหลังเดินไป ไป๋ชิงหลิงเห็นเขาเดินจากไปก็เดินออกจากตำหนักเฟิ่งหลิวไปด้วย
ถึงที่ตำหนังอวี่ซี
ไทเฮา จักรพรรดิเหยาและท่านผู้เฒ่าเสิ่น เสิ่นหรูเหลียนกับฮูหยินเสิ่นและใต้เท้าเสิ่นพ่อของเสิ่นโหรวเม่ยต่างก้อยู่ตรงหน้าตำหนักอวี่ซีกันหมด
เสิ่นโหยวเม่ยจัดเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย แล้วก็คุกเข่าอยู่ที่พื้นกับหรงเซิน
ฮองเฮาอู่เพิ่งก้าวขาเดินเข้าตำหนักเฟิ่งหลิว ก็มีร่างนึงเดินผ่านนางไป พอนางเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเงานร่างสีม่วงนั้นเดินเข้าไปในตำหนักแล้ว
สีหน้าของแม่นมจ้านตื่นตระหนก: "คือท่านอ๋องหรงเพคะ"
แม่นมจ้านและฮองเฮาอู่ต่างก็หายใจเข้าพร้อมกัน
จากนั้นแม่นมจ้านก็พูดต่อ :"ในมือของท่านอ๋องหรงยังถือกระบี่ไว้ด้วย"
"เขาอาจจะฆ่าโหยวเม่ย รีบเข้าไปขัดขวางเขาเร็ว......" ถึงแม้ว่านางจะได้ยินว่าเสิ่นโหรงเม่ยมีอะไรกับลูกชายคนเล็กของนาง นางก็โมโหมาก แต่เสิ่นโหรงเม่ยโทษไม่ถึงตาย
แต่นางก็รู้ดี ตำหนักเฟิ่งหลิวเป็นพื้นที่ต้องห้ามของหรงเยี่ย คือที่ที่เสด็จแม่ที่ให้กำเนินเขาอาศัยอยู่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
จักพรรดิเหยาสั่งคนมาทำความสะอาดทุกวัน
แต่เสิ่นโหยวเม่ยกลับเลือกที่ตำหนักเฟิ่งหลิว หรงเยี่ยไม่โมโหสิแปลก
"เหนียงเหนียง หมอหญิงไป๋มาแล้วเพคะ" แม่นมจ้านพูดอย่างลุกรี้ลุกรน
ฮองเฮาอู่เหมือนกับเจอผู้ช่วยอย่างนั้น เดินไปตรงหน้าไป๋ชิงหลิงตัวเอียงไปเอียงมา จับแขนนางไว้แล้วพูดว่า:"รีบไปห้ามเขาเร็ว เขาจะฆ่าเสิ่นโหรงเม่ย ถ้าเขาฆ่าเสิ่นโหรงเม่ย พวกเจ้าสองคนก็จบแล้ว...."
สีหน้าของไป๋ชิงหลิงกังวลเล็กน้อย เงยหน้ามองไปที่ตำหนักอวี่ซี เสาทองสองเสาที่อยู่ข้างประตูตำหนัก แกะสลักมังกรและฟีนิกซ์เป็นคู่ไว้ ตัวหนังสือตำหนักอวี่ซีตัวใหญ่ๆ ก็แกะสลักทำจากทอง
บอกว่ามันมีราคามากมายล้นหลามก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง
ดูหรูหรากว่าตำหนักเฟิ่งหลิว
คนที่อยู่ในตำหนักอวี่ซี ต่างก็เป็นผู้ที่มีตำเเหน่งและฐานะที่สูง
ส่วนคนที่จะมีตำเเหน่งสูงกว่าตำหนักเฟิ่งหลิวของฮองเฮาได้ ก็คือฮองเฮาองค์ก่อน
ก็คือ....ตกหนักของเสด็จแม่ของหรงเยี่ย
พอคิดเช่นนี้ ในใจของไป๋ชิงหลิงก็ยิ่งหนักใจ รีบวิ่งเข้าไปในตำหนักอวี่ซี
ก็เห็นหรงเยี่ยกำลังผลักคนที่ดักหน้าเขาไว้อยู่ ในมือของเขาถือกระบี่ไว้ เดินเข้าไปหาเสิ่นโหรงเม่ยด้วยสีหน้าที่ดุร้าย
หรงเฉินบังหน้าเสิ่นโหรงเม่ยไว้ แล้วพูดว่า: "พี่เจ็ด เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพี่หญิงเสิ่น เป็นความผิดของข้าเอง เมื่อคืนข้าเป็นคนลากพี่หญิงเสิ่น...ปั๊ก!"
ยังพูดไม่จบ หรงเฉินก็ถูกหรงเยี่ยเตะล้ม
เสิ่นโหยวเม่ยร้องตกใจ จากนั้นก็ถอยหลังไปหลายก้าว มองกระบี่ในมือของหรงเยี่ยด้วยสีหน้าที่ตกใจกลัว
กระบี่เล่มนั้นเเหลมคมและเงาวับมาก บนตัวกระบี่ยังเห็นสีหน้าที่ตกใจกลัวของนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...