ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 210

เสิ่นโหรวเม่ยผงะเล็กน้อย จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองหรงเชิน

นางไม่ได้ทำตัวเยือกเย็นหรือเฉยเมยต่ออ๋องเชิน นางปฏิบัติกับผู้ชายคนนี้ในฐานะเด็กที่โตแล้ว เนื่องจากนางมีอายุมากกว่าเขาสามปี

หรงเชินรีบก้าวเข้ามา จับมือของเสิ่นโหรวเม่ยไว้ และตรงเข้าไปยังพระราชวังอันเงียบสงบ

เสิ่นโหรวเม่ยไม่เข้าใจ เดินตามเขาไปพร้อมกับกล่าวว่า “อ๋องเชิน เจ้าต้องการพูดอะไรกับข้า พูดตรงนี้ไม่ได้หรือ ข้าต้องกลับไปยังตำหนักเฟิ่งหลวนเพื่อแสดงความเคารพต่อฮองเฮาและเสด็จป้า”

หรงเชินไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เดินไปจนถึงพระราชวังอันห่างไกลและเงียบสงบ

เมื่อถึงตำหนักที่ชื่อว่า “ตำหนักอวี่ซี” หรงเชินถึงจะปล่อยมือนาง หันกลับมาและกล่าวว่า “พี่เจ็ดของข้าและเสด็จแม่กำลังวางแผนที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่ชื่อไป๋เจาเสวี่ย เพื่อให้นางได้เป็นพระชายาเอก”

ดวงตาของเสิ่นโหรวเม่ยเบิกกว้าง คิ้วของนางขมวดขึ้น ส่ายหน้าและกล่าวออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้ ฮองเฮาและเสด็จป้าเกลียดผู้หญิงคนนั้นจะตาย จะยอมเห็นด้วยได้อย่างไร”

ในตอนที่พูดประโยคนี้ออกมา เสิ่นโหรวเม่ยเองก็ขาดความมั่นใจ

เมื่อพิจารณาจากการพูดคุยในวันนี้ ฮองเฮาอู่เองก็เริ่มมีความคิดที่ดีต่อไป๋ชิงหลิง

แต่นางรู้สึกว่า แต้มต่อจากร่างกายของนางก็เพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อความคิดของฮองเฮาอู่ที่มีต่อไป๋ชิงหลิง

จากนั้นหรงเชินก็เล่าเรื่องที่เขาได้เห็นและได้ยินมาทั้งหมดในตำหนักเฟิ่งซีให้กับเสิ่นโหรวเม่ยฟังอย่างละเอียด

หลังจากเสิ่นโหรวเม่ยได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น ร่างกายของนางแข็งทื่อ ถอยหลังกลับไปสองสามก้าว

จากนั้น “ตุบ” เสียงเข่ากระทบพื้นดังขึ้น

หรงเชินวิ่งเข้าไปพยุงนางด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เขากล่าวออกมาว่า “ท่านพี่เสิ่น เจ้าต้องสงบสติอารมณ์ เรื่องนี้ข้าจะเป็นคนพูดกับเสด็จแม่ให้เอง อย่างไรข้าเองก็ไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น ข้าคิดว่ามีเพียงท่านพี่เสิ่นเท่านั้นที่คู่ควรกับพี่เจ็ดของข้า”

เสิ่นโหรวเม่ยปิดใบหน้าของนางและร้องไห้ออกมา เสียงร้องนั้นดังลั่นจนไม่อาจดังไปมากกว่านี้ได้แล้ว

หัวใจของหรงเชินตื่นตระหนกและยุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกไปอย่างไร “ท่านพี่เสิ่น เจ้าอย่าร้อง ข้าจะไปพูดกับเสด็จแม่ บอกเสด็จแม่ว่าอย่าให้พี่เจ็ดแต่งงานกับไป๋เจาเสวี่ย”

“ไม่ต้อง!” เสิ่นโหรวเม่ยยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาจับแขนเสื้อของหรงเชินไว้ ส่ายหน้าและกล่าวออกมาว่า “นั่นเป็นความชอบของพี่เจ็ดของเจ้า เขาอายุยี่สิบแล้ว หากปล่อยให้เขาต้องรอต่อไปอีกสองปี เขาจะแก่เกินวัย เวลานี้เขาได้พบกับคนที่ตนเองถูกใจ พวกเราก็ควรที่จะอวยพรให้เขา”

“แต่เจ้าจะทำเช่นไรต่อไป!” หรงเชินกลับมาอยู่ข้างกายของนาง เห็นดวงตาสีแดงที่เต็มไปด้วยน้ำตา หัวใจของเขาเจ็บปวดจนแทบสลาย

เสิ่นโหรวเม่ยร้องไห้สะอึกสะอื้นและพูดว่า “ข้าจะอยู่คนเดียวไปชั่วชีวิต และจะไม่มีทางแต่งงานกับผู้ใดเป็นอันขาด อ๋องเชิน เจ้ามีสุราหรือไม่?”

หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก คำพูดของหรงเชินเป็นสิ่งที่ดับฝันสุดท้ายของนาง

ต่อให้นางไม่อยากรอนางก็จะรอ รอจนแก่เฒ่า

คุณชายที่มีอายุรุ่นเดียวกับนาง พวกเขาได้แต่งงานกับผู้หญิงสูงส่งไปหมดแล้ว และให้กำเนิดลูกหลายออกมามากมาย

แต่นางที่อายุขนาดนี้แล้ว ยังเป็นเหมือนขอนไม้ในทะเล มันช่างเป็นตำแหน่งที่น่าอายเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อคิดเช่นนี้ เสิ่นโหรวเม่ยก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ใครกันที่ทำให้นางต้องเสียเวลาถึงเพียงนี้?

เป็นเพราะฮองเฮา......

หากไม่ใช่เพราะคำสัญญาของนาง นางจะรอถึงตอนนี้ได้อย่างไร

หรงเชินกล่าวออกมาว่า “มี ข้าจะไปนำมาเดี๋ยวนี้”

หลังจากนั้นไม่นาน หรงเชินก็กลับมาพร้อมกับสุรา เสิ่นโหรวเม่ยเปิดขวดสุราและดื่มเข้าไปทันที

หรงเชินดื่มเป็นเพื่อนนาง

นางกอดขวดสุราไว้ ดื่มมันไปพร้อมกับน้ำตา “หรงเชิน ในอนาคตเจ้าอย่าไปสัญญากับใครเป็นอันขาด นางอาจจะคิดว่าเป็นความจริง และจะรอแล้วรอเล่า รอจนตายจากไปพร้อมกับหัวใจของนาง แต่แม้จะตายจากไปแล้ว นางก็ยังหวังว่าคนผู้นั้นจะหันกลับมามองนางอีกสักครั้ง”

ความสามารถในการดื่มสุราของหรงเชินนั้นอยู่ในระดับทั่วไป หลังจากดื่มไปได้ครึ่งขวดก็มีอาการมึนเมา หลังจากเมาได้ที่แล้วเขาก็กล่าวออกมาว่า “ท่านพี่เสิ่น หากมีใครคนหนึ่งรอข้ามาโดยตลอด ข้าจะไม่มีวันทรยศต่อผู้หญิงคนนั้น ข้าจะไม่มีทางทรยศต่อนางเป็นอันขาด”

พูดจบหรงเชินก็หมดสติไป

เสิ่นโหรวเม่ยหันศีรษะและมองย้อนกลับไป ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง

นางลุกขึ้นยืน ขว้างขวดสุราที่อยู่ในมืออย่างรุนแรง จากนั้นก็พยุงหรงเชินขึ้น ผลักประตูทางเข้าของตำหนักอวี่ซี วางหรงเชินไว้บนเตียงนอน จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าของตนเองนั่งอยู่บนร่างกายของเขา......

จนกระทั่งฟ้าสว่าง

สาวใช้ในตำหนักอวี่ซีกรีดน้องออกมาเสียงดัง

แม่นมจ้านได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น วิ่งกลับไปยังตำหนักเฟิ่งหลวนด้วยความตื่นตระหนก และบังเอิญไปเจอกับแม่นมหยางพอดี

แม่นมจ้านตกใจเป็นอย่างมาก รีบเข้าไปพยุงแม่นมหยางพร้อมกล่าวว่า “แม่นมหยาง เหนียงเหนียง......เหนียงเหนียงอยู่ที่ไหน?”

“แม่นมจ้าน เหตุใดเจ้าถึงตื่นตระหนกเช่นนี้ กฎเกณฑ์ของตำหนักเฟิ่งหลวนที่เล่าเรียนมาไปไหนหมดแล้ว” แม่นมหยางดุออกมาด้วยความไม่พอใจ

หลังจากไป๋ชิงหลิงและหรงเยี่ยมอบเด็กทั้งสองคนให้ฮองเฮาดูแล พวกเขาก็เดินทางออกไปจากพระราชวัง ดังนั้นเมื่อคืนเด็กทั้งสองคนจึงพักอยู่ในตำหนักเฟิ่งหลวน ฮองเฮาไม่อยากให้ใครเสียงดังรบกวนพวกเขา จึงนอนหลับพักผ่อนอยู่ข้างกายของเด็กทั้งสอง

แม่นมจ้านก้มศีรษะและรีบกล่าวขอโทษ จากนั้นกล่าวออกมาว่า “เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว รับไปเรียกเหนียงเหนียงมาเร็วเข้า รีบเดินทางไปยังตำหนักอวี่ซี คนของจักรพรรดิและไทเฮาเองก็เดินทางมาแล้ว อีกไม่นานจะไปถึงที่นั่น!”

“ตำหนักอวี่ซี?” เสียงของแม่นมหยางค่อนข้างแหลมเล็กน้อย

เมื่อฮองเฮาอู่ได้ยินเสียงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นด้านนอก นางก็เดินออกมาจากตำหนัก

แม่นมจ้านเห็นฮองเฮาอู่ นางรีบคุกเข่าลงทันที พูดออกมาด้วยท่าทางแห่งความร้อนรนและตื่นตระหนก “ฮองเฮาเหนียงเหนียง เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับอ๋องเชินแล้ว”

สีหน้าของแม่นมหยางและฮองเฮาอู่เปลี่ยนไปทันที

ฮองเฮาอู่รีบก้าวออกมา แม่นมหยางเข้าไปพยุงนาง จากนั้นกล่าวออกมาด้วยเสียงดุ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น รีบพูดออกมาเร็ว”

“คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเสิ่น มีความสัมพันธ์แบบชายหญิงกับอ๋องเชินในตำหนักอวี่ซี!”

“อะไรนะ!” ฮองเฮาอู่อุทานออกมาเสียงดัง ร่างกายของนางสั่นไหว เซถอยหลังไปสองสามก้าว

แม่นมหยางรีบเข้าไปพยุงฮองเฮาอู่ จากนั้นกล่าวออกมาเสียงดัง “เหนียงเหนียง เหนียงเหนียง......”

ฮองเฮาอู่พยายามควบคุมร่างกายของตนเอง ชี้ไปทางประตูใหญ่ ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง “เร็ว......รีบพยุงข้าไปยังตำหนักอวี่ซี”

แม่นมทั้งสองรีบเข้ามาพยุงฮองเฮาอู่เดินออกไปยังตำหนักเฟิ่งหลวน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น