เสิ่นโหรวเม่ยผงะเล็กน้อย จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองหรงเชิน
นางไม่ได้ทำตัวเยือกเย็นหรือเฉยเมยต่ออ๋องเชิน นางปฏิบัติกับผู้ชายคนนี้ในฐานะเด็กที่โตแล้ว เนื่องจากนางมีอายุมากกว่าเขาสามปี
หรงเชินรีบก้าวเข้ามา จับมือของเสิ่นโหรวเม่ยไว้ และตรงเข้าไปยังพระราชวังอันเงียบสงบ
เสิ่นโหรวเม่ยไม่เข้าใจ เดินตามเขาไปพร้อมกับกล่าวว่า “อ๋องเชิน เจ้าต้องการพูดอะไรกับข้า พูดตรงนี้ไม่ได้หรือ ข้าต้องกลับไปยังตำหนักเฟิ่งหลวนเพื่อแสดงความเคารพต่อฮองเฮาและเสด็จป้า”
หรงเชินไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เดินไปจนถึงพระราชวังอันห่างไกลและเงียบสงบ
เมื่อถึงตำหนักที่ชื่อว่า “ตำหนักอวี่ซี” หรงเชินถึงจะปล่อยมือนาง หันกลับมาและกล่าวว่า “พี่เจ็ดของข้าและเสด็จแม่กำลังวางแผนที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่ชื่อไป๋เจาเสวี่ย เพื่อให้นางได้เป็นพระชายาเอก”
ดวงตาของเสิ่นโหรวเม่ยเบิกกว้าง คิ้วของนางขมวดขึ้น ส่ายหน้าและกล่าวออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้ ฮองเฮาและเสด็จป้าเกลียดผู้หญิงคนนั้นจะตาย จะยอมเห็นด้วยได้อย่างไร”
ในตอนที่พูดประโยคนี้ออกมา เสิ่นโหรวเม่ยเองก็ขาดความมั่นใจ
เมื่อพิจารณาจากการพูดคุยในวันนี้ ฮองเฮาอู่เองก็เริ่มมีความคิดที่ดีต่อไป๋ชิงหลิง
แต่นางรู้สึกว่า แต้มต่อจากร่างกายของนางก็เพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อความคิดของฮองเฮาอู่ที่มีต่อไป๋ชิงหลิง
จากนั้นหรงเชินก็เล่าเรื่องที่เขาได้เห็นและได้ยินมาทั้งหมดในตำหนักเฟิ่งซีให้กับเสิ่นโหรวเม่ยฟังอย่างละเอียด
หลังจากเสิ่นโหรวเม่ยได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น ร่างกายของนางแข็งทื่อ ถอยหลังกลับไปสองสามก้าว
จากนั้น “ตุบ” เสียงเข่ากระทบพื้นดังขึ้น
หรงเชินวิ่งเข้าไปพยุงนางด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เขากล่าวออกมาว่า “ท่านพี่เสิ่น เจ้าต้องสงบสติอารมณ์ เรื่องนี้ข้าจะเป็นคนพูดกับเสด็จแม่ให้เอง อย่างไรข้าเองก็ไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น ข้าคิดว่ามีเพียงท่านพี่เสิ่นเท่านั้นที่คู่ควรกับพี่เจ็ดของข้า”
เสิ่นโหรวเม่ยปิดใบหน้าของนางและร้องไห้ออกมา เสียงร้องนั้นดังลั่นจนไม่อาจดังไปมากกว่านี้ได้แล้ว
หัวใจของหรงเชินตื่นตระหนกและยุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกไปอย่างไร “ท่านพี่เสิ่น เจ้าอย่าร้อง ข้าจะไปพูดกับเสด็จแม่ บอกเสด็จแม่ว่าอย่าให้พี่เจ็ดแต่งงานกับไป๋เจาเสวี่ย”
“ไม่ต้อง!” เสิ่นโหรวเม่ยยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาจับแขนเสื้อของหรงเชินไว้ ส่ายหน้าและกล่าวออกมาว่า “นั่นเป็นความชอบของพี่เจ็ดของเจ้า เขาอายุยี่สิบแล้ว หากปล่อยให้เขาต้องรอต่อไปอีกสองปี เขาจะแก่เกินวัย เวลานี้เขาได้พบกับคนที่ตนเองถูกใจ พวกเราก็ควรที่จะอวยพรให้เขา”
“แต่เจ้าจะทำเช่นไรต่อไป!” หรงเชินกลับมาอยู่ข้างกายของนาง เห็นดวงตาสีแดงที่เต็มไปด้วยน้ำตา หัวใจของเขาเจ็บปวดจนแทบสลาย
เสิ่นโหรวเม่ยร้องไห้สะอึกสะอื้นและพูดว่า “ข้าจะอยู่คนเดียวไปชั่วชีวิต และจะไม่มีทางแต่งงานกับผู้ใดเป็นอันขาด อ๋องเชิน เจ้ามีสุราหรือไม่?”
หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก คำพูดของหรงเชินเป็นสิ่งที่ดับฝันสุดท้ายของนาง
ต่อให้นางไม่อยากรอนางก็จะรอ รอจนแก่เฒ่า
คุณชายที่มีอายุรุ่นเดียวกับนาง พวกเขาได้แต่งงานกับผู้หญิงสูงส่งไปหมดแล้ว และให้กำเนิดลูกหลายออกมามากมาย
แต่นางที่อายุขนาดนี้แล้ว ยังเป็นเหมือนขอนไม้ในทะเล มันช่างเป็นตำแหน่งที่น่าอายเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อคิดเช่นนี้ เสิ่นโหรวเม่ยก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ใครกันที่ทำให้นางต้องเสียเวลาถึงเพียงนี้?
เป็นเพราะฮองเฮา......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...