ไป๋ชิงหลิงก้มศีรษะลง ใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธและเขินอาย ไม่ต้องการพูดคุยกับหรงเยี่ย
นางช่างงี่เง่าเหลือเกิน เหตุใดถึงได้มอบใจของตนเองให้กับคนอื่นง่าย ๆ
หรงเยี่ยเห็นว่านางไม่สนใจตนเอง จึงกอดนางไว้ในอ้อมแขน จากนั้นกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “หึง”
“ข้าไม่ได้หึง สิ่งที่ข้าพูดออกไปล้วนเป็นความคิดของข้า สามีในอนาคตของข้าจำเป็นต้องให้เกียรติข้า ไม่อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน และไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน”
“ต้องการให้ข้าเขียนหนังสือสัญญากับเจ้าหรือไม่”
หนังสือสัญญา......
ใบหน้าของไป๋ชิงหลิงยิ่งกลายเป็นสีแดงเข้าไปใหญ่
ตาบ้า ผู้ชายอะไร เจ้ายังกล้าเขียนหนังสือสัญญาอีกงั้นหรือ
“ข้าจะพูดกับเจ้าอย่างจริงจัง”
“อ่า ข้ากำลังฟังอยู่”
“ข้าไม่ใช่นางบำเรอ หากข้าเป็นภรรยาหลัก เจ้าก็ห้ามมีคนอื่นอีกเป็นอันขาด เจ้าห้ามมีนางสนม ในอนาคต เจ้าห้ามไปใช้บริการต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่ข้ากำลังตั้งครรภ์ จวนอ๋องแห่งนี้มีนายหญิงได้แค่เพียงผู้เดียวเท่านั้น และเด็กที่อยู่ในจวนล้วนต้องมีสายเลือดของข้า แน่นอน นอกจากจิ่งหลิน ข้าจะปฏิเสธกับผู้หญิงทุกคน หากเจ้าคิดว่าเจ้าทำไม่ได้ เจ้าก็สามารถ......อือ......”
เขาเชยคางของนางขึ้น จากนั้นก็จูบลงไปบนปากของนาง
ครั้งนี้มันไม่ได้รุนแรงเหมือนครั้งก่อนหน้านี้ ตรงกันข้าม มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความอดทน
ที่จริงไม่ว่าจะเป็นนางหรือไม่ ทุกอย่างล้วนไม่สำคัญ!
ขอแค่เวลานี้เป็นนางก็พอ
เขาต้องการนางในตอนนี้
หลังจากผ่านไปร้อยปี ใครจะไปจำได้ว่าผู้หญิงที่ให้กำเนิดจิ่งหลินเป็นใคร รู้เพียงแค่ว่าข้างกายของเขา หรงเยี่ย มี “ผู้หญิงที่แสนวิเศษ” ที่ชื่อไป๋เจาเสวี่ยอยู่ด้วย
เมื่อคิดเช่นนี้ หรงเยี่ยก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับนางมากยิ่งขึ้น
มือของเขาค่อย ๆ สอดเข้าไปด้านในเสื้อผ้าของนาง......
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกได้ถึงความเย็นบนหน้าอกของนาง ยังไม่ทันได้ตอบสนอง เสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนหัวไหล่ของนางก็ค่อย ๆ ร่วงหล่นไปทางด้านหลัง ดวงตาทั้งสองข้างของนางมองไปยังผู้ชายคนนั้นด้วยความสับสน จากนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแห่งความออดอ้อน “หรงเยี่ย พวกเราออกไปด้านนอกกันเถิด”
“อ่า รอหน่อยแล้วกัน ให้ข้าได้เห็นมันก่อน”
“เจ้า......” ใบหน้าเล็ก ๆ ของไป๋ชิงหลิงเป็นสีแดง อุณหภูมิร่างกายของนางสูงขึ้นทันที และนางรู้สึกว่านิ้วเท้าของนางม้วนงอขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
หน้าผากของหรงเยี่ยแนบชิดกับหน้าผากของนาง “ขอแค่แวบเดียว”
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าออกมา
หลังจากนั้นไป๋ชิงหลิงก็ต้องรู้สึกเสียใจ ทันทีที่หรงเยี่ยพูดออกมา เขาก็ลงมือโดยตรง......
หลังจากคลุกคลีกันเกือบชั่วโมง ทั้งสองคนก็เดินออกมาจากห้อง
ใบหน้าของนางเป็นสีแดงอย่างเด่นชัด และอารมณ์ของเขาก็รื่นเริงเป็นอย่างมาก
คนในวังที่เดินผ่านไปผ่านมามองคนสองคนที่เพิ่งเดินออกจากวังอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็เม้มริมฝีปาก โค้งคำนับเพื่อทำความเคารพหรงเยี่ย จากนั้นพวกเขาก็ยิ้มและเดินจากไป
ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่าคนพวกนั้นกำลังหัวเราะนางอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...