ไป๋ชิงหลิง ข้าอยากจะรู้นักว่าพระชายาหรงจะทนได้ถึงเมื่อไหร่กันเชียว......
เมื่อมาถึงตำหนักจิ่นหลี ไป๋จิ่นก็ผลักประตูตำหนักออก
ในทุกวันแล้วลานหน้าตำหนักของนางจะมีคนมาคอยทำความสะอาด สิ่งของในห้องก็ต้องอยู่ตำแหน่งเดิมของมัน นางเดินเข้าไปในห้องที่คุ้นเคย และไม่ลืมที่จะหันกลับมาพูดกับไป๋ชิงหลิง "น้องสาว เข้ามาเถิด"
ไป๋ชิงหลิงเดินก้าวข้ามธรณีประตู และมองไปรอบ ๆ
"พูดมาเถิด"
"มานั่งคุยกันตรงนี้เป็นอย่างไร"
ไป๋จิ่นลากม้านั่งออกมาต้อนรับนางอย่างเอาใส่ใจ
ไป๋ชิงหลิงพูดอย่างเย็นชาว่า "ไป๋จิ่น ในช่วงที่ท่านอ๋องต้วนไม่อยู่ที่นี่ ตอนท่านอยู่กับข้าท่านไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งซื่อหรอก มันทำให้ข้าเห็นแล้วอยากจะอ้วก"
"เหอะ!" รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋จิ่นค่อย ๆ หายไป ม้านั่งที่กำลังลากก็หยุดลง นางยืดตัวตรงและหันไปมองไป๋ชิงหลิงด้วยสายตาเย็นชา "วันนี้ที่ข้ามาเพราะข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว"
หลังจากพูดจบ นางกลับหลังหันเดินไปที่หน้าประตู พร้อมล็อกกลอนประตูลงอย่างเบามือ
ไป๋ชิงหลิงมองไปที่นาง และไม่มีทีท่าที่จะหยุดการกระทำนี้ของนาง
ไป๋จิ่นเจ้ามันคนไร้ศีลธรรม นางในตอนนี้เป็นถึงพระชายาหรง เป็นไปได้เลยที่ไป๋จิ่นจะนั่งรอเฉย ๆ
ไป๋จิ่นต้องการที่จะทำให้นางพังพินาศ แม้กระทั่งทำให้นางหายไป เช่นนั้นก็ไม่มีใครสามารถที่จะเปิดโปงการกระทำแย่ ๆ ของนางเมื่อห้าปีก่อนได้ ถ้างั้นสิ่งที่จะทำลายนางลงได้คืออะไรกันนะ?
นึกถึงตรงนี้ ไป๋ชิงหลิงก็ค่อย ๆ หรี่ตาลง ไม่ทันไรก็มองเห็นความคิดใจในของไป๋จิ่นได้
"น้องสาว มานั่งคุยกันเถอะ อีกประเดี๋ยวฝ่าบาทจะเสด็จมาพบเจ้านะ" นางนั่งลงที่โต๊ะชาโดยไม่สนใจอะไร พร้อมทั้งรินชา สำหรับไป๋ชิงหลิง แล้วค่อยรินให้ตนเองอีกหนึ่งแก้ว
ไป๋ชิงหลิงมองไปที่นาง และไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามกับไป๋จิ่น ค่อย ๆ ยกชาขึ้นมาจิบ "ข้าไม่เข้าใจพระชายาต้วนพูดถึงสิ่งใด"
"เจ้าน่ะหรือไม่เข้าใจ?" ไป๋จิ่นหัวเราะเชิงเยาะเย้ย พร้อมวางแก้วชาลงอย่างเสียงดัง "ไป๋ชิงหลิง ชีวิตเจ้าน่ะเข้าใจอะไรง่ายกว่าใครอื่นใด ถ้าเกิดเจ้าไม่รู้แต่ยังรอดมาถึงตอนนี้เนี่ยนะ เจ้าให้เสด็จพ่อยอมรับในฐานะที่เจ้าเป็นชายาอ๋อง และให้รับเด็กผู้หญิงคนนั้นมาเป็นหลานสาวพร้อมแต่งตั้งฉายาให้นาง"
พูดถึงตรงนี้ ความคับแค้นใจที่สั่งสมมานานก็ระเบิดออกมา
นางใช้มือทั้งสองตบลงบนโต๊ะและลุกขึ้นยืน เพราะความริษยา หน้าตาที่ดุร้ายของไป๋จิ่นค่อย ๆ ปรากฏออกมา "ได้ยินมาว่าฝ่าบาทเชิญท่านปรมาจารย์หลูพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดให้ลูกของเจ้าและหรงจิ่งหลิน ข้าคิดไม่ตก เมื่อห้าปีก่อนเจ้ากับอ๋องหรงทำไมถึง......"
"ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจหรอก" เป็นคำพูดที่ดูดุร้ายกว่าไป๋จิ่นเสียอีก ไป๋ชิงหลิงพูดอย่างใจเย็น
นางหยิบถ้วยน้ำชาขึ้น เป่าให้เย็นลงแล้วค่อย ๆ จิบ
ยิ่งท่าทีของนางที่นิ่งขึ้นเท่าใด แต่สายตาที่เกลียดชังของไป๋จิ่นยิ่งมากขึ้น
ไป๋ชิงหลิงนางกล้าดียังไงมาทำให้อ๋องทั้งสองหลงใหลตัวนางขนาดนี้ กล้าดียังไง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...